‘ประยุทธ์’ห่วงความปลอดภัย
จัดตร.15กองร้อย
รับมือ‘คณะราษฎร’จัดชุมนุม
‘ผบ.ทบ.’ร่วมคุมสถานการณ์
ฝ่ายความมั่นคงย้ำห้ามล้ำเส้น
แฉแผนม็อบยังเหิมเกริมหนัก
อดีตพุทธะอิสระเตือนให้หยุด
โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯเป็นห่วงความปลอดภัยในการชุมนุม ในขณะที่ฝ่ายความมั่นคง ใช้กำลังตำรวจควบคุมฝูงชน 15 กองร้อย ดูแลความเรียบร้อยการชุมนุม ด้าน ผบ.ทบ.ร่วมคุมสถานการณ์ คาดม็อบเข้าลานพระบรมรูปทรงม้า ทั้งเตือนอย่าล้ำเส้น ในขณะที่อดีตพุทธะอิสระ แฉแผนปลดแอกเหิมเกริมหนัก
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกลุ่มคณะราษฎร 63 ประกาศจัดกิจกรรมชุมนุมเดินขบวนใหญ่ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ว่า ในส่วนการเตรียมรับมือของรัฐบาลนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม ไม่ได้มีการกำชับหรือสั่งการอะไรเป็นพิเศษ
แต่สิ่งที่นายกฯ กังวล คือ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อีกทั้งอยากให้เข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยและไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากัน โดยดูเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก ขณะเดียวกันขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมชุมนุมโดยสงบและขอให้เข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.)จะเข้าไปสังเกตการณ์ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ห่วงว่าจะเกิดการเผชิญหน้ากันหรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า เรื่องนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยพยายามใช้วิธีการเพื่อไม่ให้แต่ละฝ่ายมีการยั่วยุ หรือเผชิญหน้ากัน จนอาจเกิดเหตุความรุนแรงได้และทำให้เกิดภาพความไม่สงบเรียบร้อย ซึ่งรัฐบาลได้กำชับให้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว
ย้ำรัฐบาลไม่ใด้เป็นคู่ขัดแย้ง
โฆษกรัฐบาล กล่าวว่าอยากให้ทุกคนเข้าใจว่ามีวิธีการในการนำเสนอข้อเรียกร้องต่างๆได้โดยเฉพาะวิธีการที่รัฐสภากำลังดำเนินการให้สถาบันพระปกเกล้า ออกแบบ ขณะนี้ได้ส่งมอบโครงสร้างให้สภาเรียบร้อยแล้ว ขอให้ทุกคนอดใจรออีกนิดว่าคณะกรรมการที่ออกมาจะมีใครหรือฝ่ายใดเป็นตัวแทนอย่างไรบ้าง โดยย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้เป็นคู่กรณี หรือคู่ขัดแย้งกับประชาชนอยู่แล้ว จึงไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกับฝ่ายไหน หรือผู้ชุมนุมกลุ่มใดเลย ดังนั้นในส่วนใดที่คิดว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็อยากให้รอเข้าไปพูดคุยในกระบวนการที่รัฐสภาตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพูดคุยหาทางออกร่วมกัน
จัดกำลังตร.15กองร้อยดูแลม็อบ
แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคงเปิดเผยถึงกรณีกลุ่มราษฎรประกาศนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 พ.ย. เวลา 16.00 น.เพื่อทำกิจกรรม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน รวมทั้งจะมีการเคลื่อนขบวนด้วยว่า เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ดูแลสถานการณ์ จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่เป็นหลักปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558โดยในวันดังกล่าว จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจำนวน 15 กองร้อย คอยสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาทำหน้าที่ประจำจุดต่างๆรอบพื้นที่การชุมนุม เพื่อดูแลความปลอดภัย รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคอยดูแลอำนวยความสะดวกด้วย
“ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ จะเน้นย้ำผู้ชุมนุมถึงข้อสำคัญว่าห้ามชุมนุมใกล้เขตพระราชฐานในรัศมี 150 เมตรอย่างเด็ดขาด เพราะคาดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนขบวนไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า”แหล่งข่าวระบุ
ฝ่ายมั่นคงห่วงม็อบเผชิญหน้า
แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคง กล่าวอีกว่าส่วนกรณีที่มีข้อกังวลว่ าจะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มคณะราษฎรกับกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)ที่สวมใส่เสื้อเหลืองนัดชุมนุมในวันเดียวและจุดเดียวกัน แต่จะใช้บริเวณด้านฝั่งหน้าร้านเมธาวลัยศรแดง ขณะที่กลุ่มราษฎรจะใช้ฝั่งหน้าร้านแมคโดนัลล์ และโรงเรียนสตรีวิทยานั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำแผงเหล็กไปกั้นระหว่างกลาง พร้อมทั้งนำกำลังไปตั้งแถว เพื่อลดการเผชิญหน้าระหว่างกัน ถ้าเป็นไปได้จะพยายามพูดคุยขอให้ทางกลุ่ม ศปปส.ขยับออกห่างจุดชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร คาดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะทั้งสองกลุ่ม ก็ถือว่าเป็นปัญญาชน
ผบ.ทบ.ร่วมคุณสถายการณ์
อย่างไรก็ตามในวันที่ 8 พ.ย.นี้ในส่วนของเจ้าหน้าที่ทหาร พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)พล.อ.ธรรมนูญ วิถี ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก( ผบ.ทบ.) และ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 จะร่วมกันติดตามสถานการณ์ด้วยโดยมีเจ้าหน้าที่ทหารของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก(ศปก.ทบ.)มอนิเตอร์การชุมนุมตั้งแต่ก่อนเริ่มจนถึงหลังประกาศยุติการชุมนุม
ปูดม็อบ8พย.เตรียมร่อนแบบเบิ้มๆ
ในส่วนของ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระพุทธะอิสระ ผู้ก่อตั้งวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) โดยมีการอ้างแหล่งข่าวระบุถึงแกนนำรุ่นสองของกลุ่มคณะราษฎร ประชุมกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม. ได้มีการกำหนดแผนการการขับเคลื่อนของม็อบวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 ณ วงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยใช้รถบรรทุกขยายเสียงขนาดใหญ่พร้อมมีเวทีปราศรัยในตัว
อดีตพระพุทธะอิสระย้ำว่าการนัดประชุมใหญ่ครั้งนี้ก็เพื่อเช็คจำนวนมวลชน หากมีมวลชนมากันจำนวนมากก็จะมีการนำพามวลชนขับเคลื่อนไปยังลานพระราชวังดุสิตและสวนอัมพรเพื่อทำกิจกรรมให้มวลชนเขียนข้อความใส่กระดาษแล้วพับเป็นรูปเครื่องบินร่อนพุ่งให้เข้าไปในเขตพระราชฐานนอกจากนั้น ในที่ประชุม ยังมีการกำหนดวันนัดการชุมนุมในรอบต่อไปคือวันที่ 23 พฤศจิกายน
เล็งนัดชุมนุมป่วนทั่วปท.23พย.
“โดยวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้จะกระตุ้นให้มีการจัดชุมนุมใหญ่ทั่วประเทศ ในบริเวณพื้นที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของสถาบัน หรือ ศูนย์ราชการ เพื่อปิดการดำเนินงานของข้าราชการ กิจกรรมทั้งหมดนี้แกนนำในแต่ละจังหวัดสามารถเบิกค่าใช้จ่ายจากส่วนกลางได้ แต่มีการกำชับกันในที่ประชุมว่า ข้อเรียกร้อง 3 ข้อจะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลง คือนายกลาออก,แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ,ปฎิรูปสถาบัน จึงขอแจ้งข่าวลับนี้ให้ท่านทั้งหลายทราบ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า”อดีตพระพุทธะอิสระ ระบุ
ศปปส.ย้ำแกนนำม็อบอย่ามาห้าวเป้ง
ขณะที่ ทางเพจเฟชบุ๊ก ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน โพสต์ข้อความตอบโต้แกนนำ และการ์ดม็อบราษฏรอย่างดุเดือด โดยระบุว่า ถึง โตโต้ และ สมบัติ ทองย้อย พวก...เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
ไหน...บอกประชาธิปไตยไง ศปปส. ไม่ได้ไปหาเรื่อง แค่ไปสังเกตการณ์แค่นี้ทำไมต้องดิ้นทุรนทุรายกันจัง นี่แค่ ศปปส. ประชาชนธรรมดา ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ไม่เกี่ยวกับใคร อยากไล่ใครไล่ไป แค่พวก...ไม่จาบจ้วง ล้อเลียน และหมิ่นสถาบันฯ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ..อย่ามาห้าวเป้ง ณ เฮ้ย...#ฝากไว้ให้คิด
เทพไทห่วงม็อบชนม็อบ/แนะเลี่ยง
ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงการนัดชุมนุมกลุ่มคณะราษฎร63วันที่ 8 พ.ย.เวลา16.00น.ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า เป็นการนัดหมายที่กลุ่มคณะราษฎรที่ได้ประกาศไว้ล่วงหน้า หลายวันเพื่อเดินขบวนครั้งยิ่งใหญ่ กดดันรัฐบาล ให้ยอมรับข้อเรียกร้องทั้ง 3ข้อคือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2.ต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 3.ปฎิรูปสถาบันกษัตริย์ แต่เมื่อวันที่6พ.ย.ทางเพจเฟชบุ๊ค ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.)ได้โพสต์ว่า”วันอาทิตย์ที่ 8พ.ย.นี้เวลา14.00 น.กลุ่ม ศปปส.จะไปเฝ้าสังเกตการณ์เฝ้าระวังการจาบจ้วงก้าวล่วงสถาบันของม็อบราษฎร63 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ย้ำว่า ไปเฝ้าสังเกตการณ์ ณ ฝั่งร้านอาหารศรแดง ถ.ดินสอ เพื่อปกป้องสถาบัน” นับว่าเป็นการนัดชุมนุมที่สุ่มเสี่ยงต่อการเผชิญหน้ากัน อาจจะมีการปราศรัยโจมตีกันไปมา จนเกิดการปะทะกัน เป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะม็อบชนม็อบได้
ส่วนตัวไม่สนับสนุน ให้มีการจัดการชุมนุมในลักษณะเช่นนี้ โดยใช้วันเวลาและสถานที่เดียวกันในการชุมนุม เพราะแต่ละกลุ่มต่าง ก็มีจุดยืน หรืออุดมการณ์ทางการเมืองที่ขัดแย้งกัน อาจจะมีการเผชิญหน้า การยั่วยุให้เกิดการใช้ความรุนแรงขึ้นได้
หวั่นเป็นเงื่อนไขทำรัฐประหาร
“ขอเรียกร้องมายังแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม หลีกเลี่ยงการจัดชุมนุมในลักษณะเผชิญหน้ากัน และฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายความมั่นคงที่มีความรับผิดชอบการชุมนุม รีบหามาตรการป้องกันความรุนแรง ที่อาจจะเกิดขึ้นได้และไม่อยากจะให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง อาจจะเป็นเงื่อนไขสำหรับผู้ไม่หวังดีที่จะสร้างสถานการณ์เพื่อนำไปสู่ข้ออ้างของอำนาจนอกระบบ เข้ามาแทรกแซงด้วยการยึดอำนาจของคณะรัฐประหาร ซึ่งจะเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยของประเทศอีกครั้งหนึ่ง”นายเทพไท กล่าว
ผนึกภารกิจใหญ่’ปกป้องสถาบัน’
ทางด้านนายอานนท์ แสนน่าน ในฐานะผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย เปิดเผยว่าทางอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ หรือ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้มีการประสานงานไปยังผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคกลาง และ ภาคใต้ ร่วมประชุมปรึกษาหารือการจัดงาน“รวมลานบ้าน ชวนกินข้าว ฟังเรื่องเล่าพระเจ้าอยู่หัวฯ”ไปตามจังหวัดต่างๆของประเทศไทย
กินข้าวฟังเรื่องเล่า’พระเจ้าอยู่หัว’
โดยนายอานนท์ กล่าวว่า สำหรับรูปแบบการจัดงานจะเป็นภาคละ 5จุด เพื่อนำเอาพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯจักรีวงศ์ทุกพระองค์ถ่ายทอดให้กับประชาชน นักเรียนและ นักศึกษาได้รับทราบ ภายในงานจะมีปราชญ์ชาวบ้านและประชาชนผู้เคยเข้ารับเสด็จฯได้มาเล่าประสบการณ์ให้ประชาชนรุ่นลูก รุ่นหลานได้รับฟังว่า ถ้าไม่มีพระมหากษัตริย์ไทย คงไม่มีแผ่นดินให้ คนรุ่นใหม่ได้มีที่ยืน ในวันนี้คงเป็นทาสของต่างชาติ หรือไม่ก็จะไม่มีชาติ ให้ได้ภาคภูมิใจเหมือนเช่นทุกวันนี้
กิจกรรมรวมลานบ้าน ชวนกินข้าว ฟังเรื่องเล่าพระเจ้าอยู่หัวฯจะมี ศิลปิน ดารา และ ศิลปินพื้นบ้านแต่ละท้องถิ่นร่วมด้วย และ ที่สำคัญทุกเวทีจะมี อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระไปเป็นผู้เล่าเรื่องพระมหากษัตริย์ไทย เพื่อให้คนไทยได้ตระหนักถึงพระราชกรณียกิจที่พระองค์ท่านได้ทำเพื่อปวงชนชาวไทยมาอย่างยาวนาน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประโยคเหล่านี้เราได้ยินกันมาตั้งแต่เราจำความได้อย่าพยายามที่จะเติมเชื้อเพลิงให้คนไทยต้องมาแตกแยกทางความคิดไม่ว่าคุณจะพยายามมากแค่ไหนก็ไม่มีวันสำเร็จแผ่นดินที่เราเกิดและเป็นไทยได้ทุกวันนี้ก็เพราะเรามีพระมหากษัตริย์ที่ท่านได้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย
ย้ำสถาบันกษัตริย์ศูนย์รวมจิตใจ
อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงย้ำว่าสิ่งที่เราทุกคนควรตระหนักก็คือความจงรักภักดีต่อสถาบันเพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานตั้งแต่เริ่มรวมชาติ รวมแผ่นดินจนถึงการพัฒนาเป็นประเทศในปัจจุบัน สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันที่มีความเกี่ยวพันกับประเทศและผูกพันกับประชาชนมาตลอดระยะเวลาจนถึงปัจจุบัน คนไทยมีความใกล้ชิด กับสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยเพราะพระมหากษัตริย์ไทยทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อให้พสกนิกรอยู่เย็นเป็นสุข
นอกจากนี้ พระองค์ ยังทรงเป็นพระประมุขของชาติ เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย จึงนับว่าเป็นสถาบันหลักของความมั่นคงของชาติ ดังนั้น การบ่อนทำลายหรือการกระทำใดๆที่มุ่งทำลายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงนับเป็นการทำลายความมั่นคงของชาติอีกทางหนึ่ง
ดึงอีสานโมเดลกระจายทุกภาค
“ด้วยเหตุนี้ทางกองทัพประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จึงร่วมกับทางเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย จัดกิจกรรมรวมลานบ้าน ชวนกินข้าวฟังเรื่องเล่าพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันที่ 9 พฤศจิกายน2563 เวลา 17.00น.เป็นต้นไป ณ สนามทุ่งศรีเมือง อ.บ้านดุง (ศาลหลักเมืองเจ้าปู่ศรีสุทโธ) อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เป็นจุดแรก จากนัันจะเดินทางไปต่อวันที่ 11 พฤศจิกายน จ.ร้อยเอ็ด ,วันที่ 12 พฤศจิกายน จ.อำนาจเจริญ,วันที่ 13 พฤศจิกายน จ.ขอนแก่น และ เดินทางไปต่อทางภาคเหนือเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็น สถาบันหลักของความมั่นคงแห่งชาติ ที่จะได้เล่าถึงความเป็นมาและความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ในด้านต่างๆให้ประชาชนและพสกนิกรชาวไทยได้รับทราบพร้อมกับเป็นการส่งเสริมความ มั่นคงและความสำคัญของสถาบัน พระมหากษัตริย์ต่อไป”นายอานนท์ กล่าวย้ำ
เชื่อต่างชาติเข้าใจประเทศไทย
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก หรือ WTO ระบุการชุมนุมภายในประเทศส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจหรือไม่ ว่าในขณะนี้ทั่วโลกมีปัญหาไม่แตกต่างไปจากประเทศไทย ทั้งปัญหาที่เกิดจากภาวะโรคระบาดที่ไปกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนมีความอดทนต่อการบริหารประเทศของรัฐบาลน้อยลง ซึ่งในต่างประเทศก็มีการชุมนุมประท้วงกันไม่ต่างจากไทย จึงอยากให้มองว่าการชุมนุมในบ้านเราเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยร่วมกันต่อไปในอนาคต เนื่องจากระบอบประชาธิปไตยมีความขัดแย้งกันได้ แต่ก็ต้องขอให้อยู่ในขอบเขต เพราะหากความขัดแย้งอยู่นอกขอบเขตมันก็จะนำไปสู่สิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจดี ถึงขอบเขตและหากทุกอย่างอยู่ในขอบเขต ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบ ส่วนคนที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ต้องเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของระบอบการปกครองของเรา เป็นประชาธิปไตยของไทย
การมาลงทุนในบ้านเรา ต่างประเทศจะดูในหลายๆ เรื่อง ไทยเรามีระบอบการปกครองที่มั่นคงแข็งแกร่ง มีสถานภาพที่มีความน่าเชื่อถือ ตลอดเวลาการแก้ไขเรื่องโรคระบาด เราได้รับความน่าเชื่อถือสูงขึ้นมามาก ถึงจะมีการประท้วง ซึ่งตนได้ฟังจากคนที่จะมาลงทุนในประเทศ สิ่งที่สำคัญที่สุดเวลานี้คือการที่ไทยมีความสำเร็จในด้านการยับยั้งการระบาดของโควิด-19ได้เป็นอย่างดี
‘ชวน’วาง2แนวทางปรองดอง
วันเดียวกัน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภากล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ว่าได้วางแนวทางไว้ 2 ส่วน คือ ปัญหาเฉพาะหน้า โดยได้คุยกับเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าแล้วซึ่งจะให้ฝ่ายที่ทำงานได้ทำเงียบๆ ส่วนเรื่องกรรมการปรองดองก็จะทำระบบมองไปข้างหน้าโดยไม่ใช่ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งต้องแยกเป็น 2 เรื่อง ดังนั้น เรื่องการตั้งกรรมการ ต้องรอหลังจากได้คุยกันพอสมควรแล้ว
เมื่อถามว่าแนวโน้มจะสามารถตั้งได้ภายในเดือนนี้หรือไม่ นายชวน บอกว่ายังบอกไม่ได้ พร้อมยอมรับว่า คนที่ติดต่อส่วนใหญ่ ไม่อยากให้เอ่ยชื่อ เพราะหลายคนกลัวถูกนำไปวิจารณ์
ไม่จบ‘สิระ’ย้อนถาม’ชวน’
ด้าน นายสิระ เจนจาคะ สส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กภายหลังมีความเห็นคัดค้านการเสนอนำอดีต 4 นายกรัฐมนตรีมานั่งกก.สมานฉันท์หาทางออกประเทศ ระบุว่าเรียนประธานสภาที่เคารพ กระผมนายสิระ เจนจาคะ สส.เขต 9 กทม.พรรคพลังประชารัฐ ขอใช้สิทธิถูกพาดพิงที่ท่านประธานฯกล่าวถึงว่า ระวังจะโดนแช่ฟอร์มาลีน ขอชี้แจงว่าที่ผมได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ กก.สมานฉันท์และการปรองดอง มันเป็นความเห็นของประชาชนคนหนึ่ง ที่รักชาติและเห็นด้วยกับการจะต้องมี กก.ชุดนี้เพื่อการหาทางออกให้กับประเทศ แต่พอเห็นรายชื่อแล้ว เห็นว่าท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องการบริหารธุรกิจ ท่านกำลังใช้คน ไม่ตรงกับงาน เพราะแต่ละคนที่ท่านประสานนั้นอายุมากเกินที่จะคุยกับผู้ชุมนุมซึ่งเป็นวัยรุ่นรู้เรื่อง พวกเขาชุมนุมเพื่อหาทางเลือกอนาคตของเขา พวกเขาไม่ต้องการให้คนที่กล่าวถึงมาเล่าอดีตมันช่วยอะไรได้หรือครับมีแต่เสียเวลาและงบประมาณซึ่งมาจากภาษีของประชาชนและผู้ชุมนุมอาจระแวงว่ารัฐซื้อเวลา ไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหา
ความคิดของผมซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนเหมือนกับท่านประธานสภาผู้แทนฯมาจากการเลือกตั้งจากประชาชนเหมือนกันทุกอย่างแต่ทำไมท่านประธาน ไม่ฟังความคิดเห็นของผมและมาสวนผมอีกมันสมควรหรือไม่และยังเดินหน้าต่อ และไม่นำเรื่องบรรจุเข้าพิจารณาประชุมสภาผู้แทนราษฎรแสดงความคิดเห็นให้ได้ขอสรุปมีมติอย่างไรอย่างหนึ่งก่อนแล้วค่อยเดินหน้าต่อหรือท่านมีอะไรเป็นพิเศษต้องเป็นคนตัดสินใจเลือกกรรมการชุดเพียงคนเดียว สภาผู้แทนฯไม่มีความหมายอะไรกับท่านแล้วหรอครับ ความคิดเห็นของท่านถูกต้องทุกอย่างหรือครับ
‘เอ๋’โดดป้อง’สิระ’จวก’ชวน’
ด้านน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่าอย่าขู่เพื่อนฉัน ชวน ขู่สิระ ผ่านมา2วันเรื่องสิระแซวเอาผู้สูงวัยมาดองเค็ม ท่านชวนก็เพิ่ง..จะรู้สึก เพิ่งจะออกมาโต้ตอบวันนี้ว่า อย่าดูถูกผู้สูงอายุ ระวังจะถูกแช่ฟอร์มาลีน ถ้าเป็นมุก ถือว่าเป็นคนแก่น่ารักแต่ถ้าพูดด้วยโทสะถือว่าขาดวุฒิภาวะอย่างแรง เมื่อท่านเริ่มช้าลงมีดโกนก็ไม่ค่อยคมเหมือนเดิม ผ่านมา2วัน เพิ่งจะรู้สึก ตามประสา ช.ช.ช.ชวนเชื่องช้า ขอฝากท่านชวนว่าไม่มีใครดูถูกผู้สูงวัย หากผู้สูงวัยวางตัวเป็นกลางน่าเคารพ
การทาบทาม อานันท์ สมชายและท่านอภิสิทธิ์ มาเป็นกรรมการหรือประธานสมานฉันท์ดูไม่เป็นธรรมกับพล.อ.ประยุทธ์ ท่านชวนไม่ควรตัดสินใจเพียงลำพัง ทุกฝ่ายควรมีสิทธิ์เสนอไม่ว่าจะฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน และดิฉันจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว ถ้าท่านสั่งบริวารท่านให้ออกมาด่าทอดิฉันสไตล์เดิมๆ อย่าเอาดิฉันหรือเพื่อนดิฉันไปแช่ฟอร์มารีน เพราะวันนี้เรามีสมาชิกรัฐสภากรีดข้อมือในสภาแล้ว ไม่อยากให้มีประธานสภาฯเอาสมาชิกรัฐสภาไปแช่ฟอร์มารีนอีก
เด็กปชป.ป้อง’ชวน’ซัด’สิระ-เอ๋’
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และเลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. และน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวพาดพิงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ว่า ส.ส. 2 คนนี้ ถือว่าเป็น นักการเมืองที่ทำงานเข้าขากันดีมาก ส่งลูกรับลูกกันตลอด ท่านชวนออกมาชี้แจงด้วยเหตุด้วยผล จากการที่นายสิระกล่าวให้ร้ายคนอื่นที่เป็นผู้อาวุโสถึงขนาดให้เอาคนอื่นไปดองเค็ม บ่งบอกถึงศักยภาพทางความคิดว่ากลวงขนาดไหน การกล่าวหาด้วยวาทกรรม ชวนเชื่องช้านั้นก็คงไม่ใช่ หากแต่เป็นการทำงานด้วยความละเอียด ตัดสินใจอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ไม่ล่าช้าแต่มีความแน่นอนและเป็นมืออาชีพ ยึดความซื่อสัตย์สุจริต
“ถ้าพรรคพลังประชารัฐ ยังให้คนเหล่านี้ออกมาทำตัวเพี้ยนๆบ้าๆบอๆความสมานฉันท์คงเกิดขึ้นยาก คนอื่นพยายามช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง แต่คนกลุ่มนี้เอาน้ำมันมาราดตลอด แล้วจะเดินหน้ากันอย่างไร เป็นถึง ส.ส.แต่ทำตัวเหมือนนมหมดอายุ”นายราเมศ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี