ปกป้อง‘ชาติ ศาสน์ กษัตริย์’
มุสลิมรวมพลัง
ขอพรให้ไทยร่มเย็นเป็นสุข
‘บิ๊กตู่’ห่วงปลุกม็อบชนม็อบ
ย้ำปชต.เห็นต่างได้ห้ามรุนแรง
‘อานนท์’เตือนการ์ดใช้สันติวิธี
‘โตโต้’โวผู้ชุมนุมพร้อมลุยจนท.
จุฬาราชมนตรีนำชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศรวมพลังมุสลิมปกป้องสถาบัน“ชาติ ศาสน์ กษัตริย์”ย้ำความสำคัญของสถาบันร่วมกันขอพรให้ไทยมีความร่มเย็นเป็นสุข “นายกฯ” ปรามกลุ่มหนุนอย่าจัดม็อบชนม็อบกระทบกระทั่งเด็ดขาด ประณามทำร้ายชาวต่างชาติทำเสียภาพลักษณ์ประเทศ ย้ำปชต.เห็นต่างได้แต่ห้ามใช้ความรุนแรง ขอเลี่ยงเผชิญหน้า“อดีตคอมมิวนิสต์” ฮึ่ม! รอสัญญาณ“พุทธะอิสระ”พร้อมปกป้องสถาบันด้วยชีวิต เตรียมรวมพลังตอบโต้“อานนท์” แกนนำราษฎร เตือนการ์ดม็อบ3นิ้ว ต้องสันติวิธีวชนะแน่
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 พฤศจิกายน ชาวไทยมุสลิมจากทั่วประเทศต่างพร้อมใจสวมชุดเสื้อผ้าโทนสีเหลืองมาร่วมงาน“รวมพลังมุสลิม ปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์”ซึ่งสำนักจุฬาราขมนตรีได้จัดขึ้นที่หอประชุมศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ แขวงคลองสิบ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ทุกคนร่วมกันโบกธงชาติไทย และธงตราสัญลักษณ์ พร้อมเปล่งเสียง“ทรงพระเจริญๆๆ”ดังกึกก้อง เพื่อแสดงออกถึงพลังการปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ไทยมุสลิมรวมพลังปกป้อง3สถาบัน
จากนั้นนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้กล่าวเปิดงานและให้โอวาทโดยขอให้พี่น้องมุสลิมได้แสดงความจงรักภักดีและความรักความห่วงใยในสถาบันหลักของประเทศที่ทำให้ปวงชนชาวไทย ทุกเชื้อชาติและศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความผาสุกตลอดมา อีกทั้งมีสิทธิและเสรีภาพในการดำเนินชีวิตและประกอบศาสนกิจตามความเชื่อของแต่ละศาสนาได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ โดยเฉพาะมุสลิมไทยที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน จึงต้องรู้สำนึกในบุญคุณและแสดงความขอบคุณต่อผู้มีพระคุณ ซึ่งเป็นลักษณะอย่างหนึ่งของคนที่รู้คุณและจะได้รับคุณนั้นตอบแทนจากอัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้า และขอให้การจัดงานรวมพลังในวันนี้เป็นเครื่องเตือนใจและเตือนสติความเป็นไทยแก่ทุกคน ให้มีความรักความสามัคคี มีความอะลุ้มอล่วยความประนีประนอมเป็นที่ตั้ง เพื่อให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมือง
พร้อมกันนี้ จุฬาราชมนตรี นำกล่าวขอพรจากอัลลอฮ์พระผู้เป็นเจ้าให้ประเทศไทยมีความร่มเย็นเป็นสุข และมีการประกาศเจตนารมณ์ของพี่น้องชาวไทยมุสลิม
นายกฯปรามหวั่นม็อบชนม็อบ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงกรณีมีกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ ม.รามคำแหง เมื่อเย็นวันที่ 9 พ.ย.ประกาศว่าพร้อมชนกับผู้ชุมนุมที่เห็นต่าง กังวลหรือไม่ว่าจะบานปลาย และรัฐบาลจะต้องเร่งห้ามปราม หรือดูแลอย่างไรว่าตนไม่รู้ว่าพร้อมชน ที่ว่าคืออะไร แต่ถ้าหมายถึงการเผชิญหน้าพร้อมกระทบกระทั่งกัน คิดว่าไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาเพราะต่างคนต่างแสดงความคิดเห็นได้ในเรื่องที่เป็นประโยชน์และไม่ละเมิดกฎหมายซึ่งจะเห็นว่ารัฐบาล ไม่ได้เข้าข้างใคร แม้กระทั่งทำผิดกฎหมาย รัฐบาลต้องดูแลเพราะไม่ต้องการให้ทุกคนเกิดผลกระทบซึ่งกันและกันและไม่ต้องการให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น
ประณามแกนำม็อบทำร้ายต่างชาติ
“แต่เรื่องสำคัญที่สุดต้องมองอีกแง่ด้วย ในกรณีที่ชาวต่างชาติถูกทำร้ายร่างกาย ตนเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยด้วยกัน คนต่างชาติ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเท่าไหร่ ถึงจะด้วยวาจาอะไรกันบ้างแต่ก็ไม่ใช่เข้าไปทำร้ายเขาแบบนี้ มันเป็นการเสียภาพลักษณ์ของประเทศไทยและของคนไทยทั้งหมด เราเคยพูดไปแล้วว่า ความเห็นที่แตกต่างทางการเมืองเป็นปกติวิถีทางประชาธิปไตย ก็อยู่ร่วมกันให้ได้สิ ไม่รู้สิ เราต้องอยู่ตรงกลางให้ได้”พล.อ.ประยุทธ์ย้ำ
ย้ำอดทนอดกลั้นเลี่ยงเผชิญหน้า
อย่างไรก็ดี นายกฯ กล่าวอีกว่ารัฐบาลและฝ่ายกฎหมาย เราก็พยายามอดทนอดกลั้นในหลายๆเรื่อง ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วยที่เหนื่อย และเครียดเหมือนกัน เขาอดกลั้นเท่าไหร่ เขาทำเพื่อใคร ทำเพื่อประชาชนส่วนใหญ่หรือเปล่า มันต้องไปดูตรงนั้นด้วย ในเรื่องการเสนอข่าวอะไรต่างๆตนไปห้ามอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แต่ทำอย่างไรก็ตาม ต้องไม่ให้สังคมวุ่นวายมากขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้น ถือเป็นความรับผิดชอบของทุกคน รวมถึงความรับผิดชอบของตนและคนไทยทั้งประเทศด้วย
“ขอยืนยันว่าจะพยายาม ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งโดยเด็ดขาด และขออย่าฝ่าฝืนกฎหมายจนเกินเลยหรือเลยเถิดไป หากไม่ปฏิบัติเจ้าหน้าที่ก็จะมีความผิด โดยขณะนี้พยายามใช้มาตรการอยู่แล้ว ทั้งนี้ หลายอย่างก็อยู่ในกระบวนการของรัฐสภาและหลายอย่างก็อยู่ในกลไกของการแก้ปัญหา ถ้าทุกคนไม่รับอะไรกันเลย จะไปทางไหน ก็ไม่รู้เหมือนกัน”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
อดีตคอมมิวนิสต์ฯฮึ่มรอสัญญาณ
นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระอดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กว่า.แม้แต่อดีตคอมมิวนิสต์ เขายังไม่เหิมเกริมขนาดนี้เลย 10 พฤศจิกายน 2563ได้ลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับพี่น้องหมู่บ้านเสื้อแดง และพวกคอมมิวนิสต์รุ่นเก่า สิ่งที่ได้พบคือพวกเขารู้สึกแปลกใจว่าทำไมม็อบชู3 นิ้ว ถึงได้เหิมเกริม บังอาจจาบจ้วงสถาบันได้ถึงขนาดนี้ ฉันถามพวกพ่อเฒ่าที่อยู่ในวัยใกล้เคียงกันกับฉันว่าสาเหตุที่พวกเขาออกมาต่อสู้ เพราะถูกเจ้าหน้าที่รัฐในยุคนั้นกลั่นแกล้ง รังแก ถูกนักการเมือง เอาเปรียบ เขาจึงต้องดิ้นรนต่อสู้ เพื่อความอยู่รอด แต่ก็ไม่มีใคร ต่อสู้ ต่อต้าน สถาบันเลย
สิ่งที่พวกเขารับรู้และสัมผัสได้มาตลอด คือ พระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ไม่เคย กลั่นแกล้ง รังแกหรือ ทำให้พวกเขา ทุกข์ยาก เดือดร้อน ตรงกันข้ามพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินียังเพียรพยายาม ลดช่องว่างระหว่างประชาชนกับข้าราชการ นักการเมือง ด้วยการพยายามเสด็จเข้าหาประชาชนให้การช่วยเหลือให้กำลังใจให้การรักษาดูแลสิ่งเหล่านี้พวกคอมมิวนิสต์นักสู้รุ่นเก่าเขาเห็นมาตลอดเวลาทั้งสองรัชกาล
พร้อมป้องสถาบันด้วยชีวิต
ฉันถามพวกเขาว่าหากสถานการณ์ รุกไล่สถาบันรุนแรงขึ้น พวกคุณจะออกมาปกป้องสถาบันไหม เขาตอบว่า ไปครับ พวกเรา คอมมิวนิสต์รุ่นเก่า ทุกคนคงยอมไม่ได้ หากม็อบ 3 นิ้วจะมารุกไล่ สถาบันพระมหากษัตริย์ หากหลวงปู่ส่งสัญญาณเมื่อใด พวกผมที่อยู่ทั่วประเทศจะไปรวมตัวปกป้องสถาบัน ด้วยชีวิต ให้มันรู้กันว่า เด็กเมื่อวานซืน ที่ไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้กับแผ่นดินนี้เลย จะสามารถทำลายสถาบัน ผู้ที่ให้ประโยชน์แก่แผ่นดินนี้ได้ ผมรอสัญญาณหลวงปู่อยู่
ชี้สาเหตุท่าที’อานนท์’อ่อนลง
นอกจากนี้ อดีตพุทธะอิสระยังโพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นทางการเมืองระบุว่า เมื่อหัวไม่ส่าย หางก็ไม่กล้ากระดิก ล่าสุด นายอานนท์ นำภา ออกมาโพสต์เฟสบุ๊ค มีข้อความตอนหนึ่งว่า“ทางออกของสังคมจึงเป็นการประนีประนอมอย่างที่ในหลวงบอกนั่นแหละเพียงแต่จะอย่างไรเมื่อไรเท่านั้นขอให้ทั้งสองฝ่ายหนักแน่นจุดนี้ แล้วหาทางออกไปด้วยกัน”จากโพสต์นี้ทำให้หลายคนสงสัย เกิดอะไรขึ้นกับแกนนำม็อบ3นิ้วคนสำคัญ อธิบายง่ายๆไม่ซับซ้อน เมื่อผลของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐออกมา นายไบเดน ผู้มีนโยบายประนีประนอม สานผลประโยชน์ร่วมกันกับกลุ่มต่างประเทศ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไทยเข้าไปด้วย ครั้นนายไบเดนชนะเลือกตั้ง องค์กรที่ได้รับเงินทุนอุดหนุนจากเครือข่ายรัฐบาลสหรัฐก็ต้องปรับตัว ให้สอดคล้องกับนโยบายผู้นำ เป็นที่รู้กันว่านายอานนท์ได้รับเงินอุดหนุนจาก“ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน”มีสหรัฐเป็นนายทุนใหญ่ที่บริจาคเงินให้แก่องค์กรระหว่างประเทศที่มีชื่อว่า“เนด”(NED) เมื่อเปลี่ยนนายใหญ่นโยบายก็เปลี่ยน เราจึงเห็นนายอานนท์ มีท่าทีเปลี่ยนอย่างที่เห็น ท่าทีที่อ่อนลงของ นายอานนท์ จะให้คิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย นอกเสีย จาก1.พยายามหาทางลงเพราะเห็นท่าว่า หากจะดันทุรังไป คงมีแต่ คุก กับ คุก 2.นายทุนเปลี่ยน นโยบายของนายเปลี่ยน เพื่อความอยู่รอด จึงต้องเปลี่ยน
‘อานนท์’เตือนการ์ดต้องสันติวิธี
ขณะที่ นายอานนท์ นำภา แกนนำคณะราษฎร63โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กว่าเมื่อคืนนั่งกินเหล้า(จริงๆคือกินไวน์) ที่ป้าข้างบ้านที่เชียงใหม่ หอบหิ้วมาให้กินกับหมูกระทะนั่งถกเถียงการเมืองหลายเรื่อง แต่เรื่องนึงที่ทำให้ผมต้องเก็บมาคิดต่อ แม้หลายคนอาจไม่ทันคิดหรือไม่คิดซีเรียสกับมันคือเรื่องการ์ด ป้าแกพูดทำนองว่าถ้าการ์ด(แกเน้นที่อาชีวะ)เป็นแนวหน้าที่ยืนยันสันติวิธีแบบไม่แตกแถว เราชนะ ! ผมนอนคิดอยู่สักพักใหญ่ๆผมเริ่มเห็นด้วย เพราะในขบวนทุกคนชัดเจนในจุดยื่น ในประเด็นข้อเรียกร้อง จึงออกมาสู้ด้วยกัน แต่ในบรรดาทุกคนที่ว่ามานั้น แนวปะทะแรกที่พวกเผด็จการต้องทำลายความชอบธรรมคือการ์ด
ถ้าการ์ดเราแตกแถว เอาตัวไปอยู่ในภาวะปะทะหรือทำอะไรให้มีภาพความรุนแรง ขบวนทั้งขบวนเสียหายแน่นอน ในทางกลับกัน ถ้าการ์ดเราแม่งโคตรนิ่งและยึดกุมภาพสันติวิธีได้ ภาพที่ออกมาเราชนะ และขบวนก็ชนะด้วย ทราบว่าเรามีการ์ดหลายกลุ่ม มาจากหลายที่ ฟังเพลงหลายแนว กินเหล้าหลายยี่ห้อ แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันและตรงกันคือใจ ใจที่แม่งพร้อมรับความเจ็บแทนคนอื่น ฝากความระลึกถึงการ์ดทุกคน พวกคุณคือแนวหน้าที่สำคัญมากในขบวนนี้ คนในขบวนฝากความปลอดภัยและความหวังไว้กับพวกคุณ
‘โตโต้’หน.การ์ดลั่นพร้อมวิ่งใส่
ด้านนายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ หัวหน้าการ์ดอาสา ม็อบคณะราษฎร63โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า จำไว้ !อย่าขวางประชาชน อย่าถ่วงรั้งสายธารการเปลี่ยนแปลง ได้เล่าถึงเหตุการณ์ค่ำคืนวันที่ 8 พ.ย. 63 มีแนวรถเมล์ร้อน ขสมก จอดขวางอยู่ 3 คัน ถัดไปเป็นลวดหนามหีบเพลงยาว และซ้อนกันหลายชั้น ผูกยึดด้วย ลวดโลหะ อีกหลายตลบ ยังมีแผงเหล็กที่นำมากั้น ผูกยึดบนล่างด้วยโซ่และสลิง ขนาดใหญ่ รวมถึงนแนวรถตู้ตำรวจ จอดขวางเป็นแนวอยู่ 4-5 คัน หลังจากนั้นเป็นแนวโล่มนุษย์ ตำรวจควบคุมฝูงชน และหลังแนวตำรวจ คือแนวของทหารที่ใส่เสื้อเหลืองพร้อมสนับสนุน
ทุกสิ่งกีดขวาง ถูกเคลื่อนย้ายออกไปโดยแรงคนมือเปล่า ในเวลาอันรวดเร็ว หลังเจ้าหน้าที่ ตัดสินใจใช้น้ำฉีด พวกเขา ผมไม่เชื่อว่า ตร. มือลั่น ในการฉีดน้ำ แต่มีความไม่ไว้วางใจว่า ผู้ชุมนุมจะขยับไปไกลแค่ไหน จึงตัดสินใจฉีดน้ำ เพื่อหวังว่า ผู้ชุมนุม จะถอยรนกลับไป สรุปคือ ตรงกันข้าม คือ ผู้ชุมนุม แนวหน้า กลับวิ่งเข้าใส่ แนวกีดขวาง ของ จนท. ทุกทิศทาง ทะลักเข้าไปในสนามหลวง แล้วขยับทุกสิ่งกีดขวางออกให้พ้นทาง โดยไม่มีใครสั่งใครได้ และทุกอย่างก็สงบลงเมื่อ ตร. ยุติการใช้แรงดันน้ำ เหตุผลที่เขาสั่งให้หยุดการฉีดน้ำ เพราะเขารู้ว่าเอาไม่อยู่เพราะคนไม่กลัวและพร้อมบวก ไม่มีใครหนี มีแต่วิ่งเข้าใส่ จะด้วยความโกรธ หรือด้วยต้องการปกป้อง เพื่อนร่วมขบวนที่อยู่ด้านหลังก็ตามแต่นั่นเป็นสาเหตุหลักที่ ตำรวจหยุดและยอมถอย ยอมขอโทษ และยอมให้เราทำกิจกรรมจนจบภารกิจยื่นจดหมาย
เอ๋ซัดม็อบโดนฉีดน้ำยังน้อยไป
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์บนเพจเฟซบุ้คระบุว่าอันธพาลครองเมือง เมื่อม็อบเดินไป เดินมา ปิดถนน บุกทำเนียบ และล่าสุด พยายามบุกเข้าไปในมหาราชวัง ต้องฉีดน้ำไล่ถือว่ายังน้อยไปสำหรับการบุกเข้าไปในเขตพระราชฐาน เมื่อประเทศเรามีนักการเมือง ที่กำลังเล่นนอกระบบประชาธิปไตย ใช้กฎหมู่ ไม่เคารพกฎหมาย พยายามเข้าสู่อำนาจ จะยึดอำนาจ เปลี่ยนแปลงการปกครอง ต้องให้ทันเกม ยั่วยวน กวนประสาท ได้แต่ส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ และประชาชนผู้จงรักภักดีทุกคนให้มีความอดทนให้สูงที่สุด อย่าวิ่งตามเกมและอย่าตั้งรับอย่างเดียว เพราะเค้าเป็นแค่คนกลุ่มน้อย...ที่ต้องการให้เกิดความรุนแรง อย่าไปตาม
จี้ทำผิดกม.ต้องเอาผิดจบที่ศาล
พุทธอิสระต้องใจเย็น เปรียบกับเด็กเกเรในโรงเรียน ครูเขา ไม่ตีแล้ว มีวิธีจัดการ ทั่วแผ่นดินฝากความหวังและมั่นใจ ผบ.ตร.ส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกท่าน จากใจ แต่แค่อดทนเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงอย่างเดียวไม่พอ ต้องเด็ดขาดในการดำเนินคดี ทุกคน ที่ทำผิดกฎหมาย และให้มันจบที่ศาล กี่แสนคดีก็ต้องทำ ไม่งั้นไม่ต้องมีกฎหมายกัน ใครจะทำอะไรก็รวมตัวกัน แล้วจะทำอะไรก็ทำได้ด้วยเหรอ
วรงค์เย้ย’ทอน’กรรมติดจรวด
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้ากลุ่มไทยภักดี โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณี เหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยข้อเสนอการปฎิรูปสถาบัน เข้าไปชูป้ายใส่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้าพร้อมตะโกนประณามอ้างว่านายธนาธรเป็นผู้นำต้องการล้มล้างสถาบันโดยระบุว่า
กฏแห่งกรรม แต่เดิมผมเข้าใจว่าหลักการของเราในการปกป้องสถาบันฯจะมี 3 ข้อนั่นคือ1.ใช้ความจริงในการต่อสู้ #ต้องช่วยกันเอาความจริงออกมา เพื่อลบล้างข้อมูลเท็จ2.ใช้หลักกฏหมายคือการฟ้องร้อง ดำเนินคดีผู้ที่ทำผิดกฏหมาย ซึ่งหลายๆฝ่ายได้ช่วยกันทำ 3.ใช้พลังของประชาชนผู้ภักดี ร่วมกันแสดงออกโดยสันติ เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ล่าสุด เห็นมีการแชร์คลิปกันเยอะมาก จากจังหวัดต่างๆ ทั้งสมุทรสงคราม ปราจีนบุรี มาถึงระยอง ผมเลยเข้าใจว่า มีอีกสิ่งหนึ่งนั่นคือ กฏแห่งกรรม ซึ่งกรรมยุคนี้ติดจรวดจริง
ร้องปอท.‘สุนัย’จาบจ้วงสถาบัน
ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท.เพื่อให้ปิดเฟซบุ๊ก นายสุนัย จุลพงศธร ที่อาจเข้าข่ายผิด พรบ.คอพพิวเตอร์และมีพฤติกรรมส่อหมิ่นสถาบันฯจึงใช้สิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ปี2560 ม.50 (1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงมาแจ้งความ ปอท.ใน 3 ประเด็น คือ 1.ให้ปิดกั้นระงับยุติการเผยแพร่สื่อออนไลน์ทั้งหมด อาทิ เพจเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ยูทูป ที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสถาบัน 2.เอาผิดเฟซบุ๊ก “สุนัย จุลพงศธร” นักโทษหนีคดี ตาม มาตรา112 หลังไลฟ์สดจากต่างประเทศ ช่วงประมาณ 19.00น. ทุกวันซึ่งจาบจ้วงสถาบันมาโดยตลอด และ3.ตรวจสอบบุคคลโพสต์แสดงความคิดเห็นที่จาบจ้วงสถาบันในเฟซบุ๊กของสุนัย ประมาณ 1,500- 2,000ราย เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปล่อยให้มีข้อมูลจาบจ้วงสถาบันมาตลอด จึงอยากให้ ปอท.ดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดให้ถึงที่สุด
นอกจากนี้ตนจะไปติดตามความคืบหน้าที่ สน.ชนะสงครามที่ได้แจ้งความเอาผิด น.ส.อินทิรา หรือ ทราย เจริญปุระ ฐานเป็นผู้สนับสนุนม็อบกระทำความผิดตามกฎหมายและจาบจ้วงสถาบัน เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาด้วย
จ่อฟ้อง‘ทอน-สส.ก้าวไกล’ใส่ร้ายบิ๊กตู่
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกพรรคก้าวไกล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า ออกมาพูดถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปัดตกร่างพ.ร.บ.ยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบบังคับ ปิดประตูก้าวแรกปฏิรูปกองทัพ ว่า เข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น แต่นายธนาธรก็ต้องเข้าใจด้วยว่าการเกณฑ์ทหารในประเทศไทย ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นหน้าที่ของชายไทยทุกคน ที่ต้องช่วยกันปกป้องประเทศ ยืนยันว่า นายกฯไม่มีเจตนาตามที่นายธนาธร และส.ส. พรรคก้าวไกล กล่าวหา เป็นการกล่าวหานายกฯ อย่างไม่เป็นธรรม เพราะนายกฯไม่เคยไปก้าวล่วง หรือแทรกแซงการพิจารณา หรือลงมติในร่าง พ.ร.บ.ฉบับใดๆ ที่พิจารณาในสภา ทั้งสิ้น
“ผมเห็นว่านายธนาธร และพวก ตลอดจน ส.ส.พรรคก้าวไกล หลายๆคน ไม่ควรเอาเรื่องที่ไม่เป็นจริง กล่าวหานายกฯ ผมกำลังให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมเนื้อหาทุกเรื่องราวที่นายธนาธรและพรรคพวกได้กล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีใส่ความอันเป็นเท็จ ที่เผยแพร่ทางสื่อโซเชียลและสื่อทั่วไปทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวนายกฯโดยตรง ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ก็อดทน ใจเย็นให้อภัยตลอดมา จากนี้ไปในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง ผมต้องขออนุญาตนายกฯเพื่อมอบอำนาจให้ทนายความดำเนินคดีกับคนประเภทนี้ที่ดีแต่ชอบใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหาประเภทเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ทั้งที่ นายกฯเองเรียกร้องหาความสามัคคี สมานฉันท์ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งในประเทศ ไม่เคยตอบโต้ อดทนทุกเรื่อง จากนี้ไปตนและทีมงานฝ่ายกฎหมายของตนจะไม่ยอมให้นายธนาธรและพวกโจมตีนายกฯ ฝ่ายเดียวอีกต่อไป ต้องดำเนินคดีทางกฎหมายให้เข็ดหลาบ ให้หุบปากหุบคำ หยุดความก้าวร้าว ดัดนิสัยเสียบ้าง”นายสุภรณ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี