"จตุพร"แขวะ"ประยุทธ์" ชี้ถ้าสั่งส.ว.และส.ส.ซีกรัฐบาลไม่ได้ ขอให้สั่งตัวเองลาออกไป เหตุปม"พปชร."ยื่นศาลรธน.ตีความร่างแก้รธน.ของตัวเอง เชื่อ2ธ.ค.คดีนายกฯอยู่บ้านหลวงรอดยาก เผยวงในระบุแก้รธน.ผ่านแค่ฉบับม.256 หวั่นรบ.งัดเกมลากตั้ง สสร.ป่วน
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการ "ลมหายใจพีซทีวี เวทีทัศน์" ว่า จะมีสถานการณ์หลากหลายทางการเมืองถัดจากนี้ไป เนื่องจากในวันที่ 17 - 18 พฤศจิกายนนี้ สภาจะมีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ฉบับ โดยแบ่งเป็นของฝ่ายรัฐบาล 1 ร่าง และของฝ่ายค้าน 5 ร่าง รวมถึง ของไอลอว์ 1 ร่าง
ดังนั้น วันที่ 17- 18 พฤศจิกายนนี้ สถานการณ์จะทำให้เห็นว่า การเมืองก็จะแคบมากขึ้น วงในเชื่อขนมกินได้ว่า สภาจะผ่านอนุมัติเพียงแค่ 2 ร่างเท่านั้น หรืออาจจะร่างเดียว คือ ร่างของรัฐบาลที่แก้ไขมาตรา 256 ให้มี ส.ส.ร.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดรวมถึงยกเว้นหมวด 1 และ 2
ส่วนร่างของพรรคฝ่ายค้านคือแก้ไขมาตรา 256 ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 และ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด นอกจากนี้ร่างที่แก้ไขรายมาตราอีก 4 ร่างของพรรคฝ่ายค้านคงจะถูกตีตก รวมถึงร่างสุดท้ายคือร่างของไอลอว์ ซึ่งเป็นเงื่อนไขหลักของผู้ชุมนุม
"เมื่อวานนี้ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ได้นัดหมายว่า วันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ จะเดินทางไปที่รัฐสภา ขณะเดียวกันหากฟังจากประธานสภาก็พิจารณาเรียงตามรายฉบับ แต่อย่างไรก็ตามนั้น ส.ว.จะต้องใช้เสียง 84 คือ 1 ใน 3 นั้นก็จะโหวตคว่ำ เหมือนกับร่างที่เป็นรายมาตรา นี่คือกระดานการเมืองที่ไม่มีทางจะเป็นอย่างอื่น เพราะเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ได้ออกแบบไว้นั้น ไม่ได้ออกแบบไว้สำหรับการแก้ไข แต่ออกแบบไว้เพื่อส่งให้คณะรัฐประหารชุดใหม่ไว้ฉีกเท่านั้น"
นายจตุพร กล่าวว่า แม้ว่าสภาจะโหวตรับ 2 ร่างก็ตาม แต่ประชาชนจะไม่พอใจ บรรดานิสิตนักศึกษานักเรียนเมื่อเห็นว่าร่างของไอลอว์ถูกตีตก แม้จะมีการอธิบายว่าให้รับหลักการไปก่อนแล้วค่อยไปพิจารณากันในวาระ 2 แต่ตนดูท่าทีทั้ง ส.ว.และพรรครัฐบาล คงให้ผ่านเพียงแค่ 2 ร่าง และตีตกร่างของไอลอว์
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ร่างของประชาชนในการเสนอแก้ไขกฎหมาย หรือการเสนอกฎหมายก็ตาม ไม่เคยประสบความสำเร็จแม้แต่เพียงครั้งเดียว ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ร่างของภาคประชาชนก็ถูกตีตกไป ดังนั้น ประเทศไทยไม่เคยมีการแก้ไขกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนสำเร็จแม้แต่ฉบับเดียว และแม้จะมีการอธิบายว่าสภาอำนาจเป็นของประชาชน แต่ไม่เคยเป็นของประชาชนแม้แต่เพียงครั้งเดียว
อีกทั้ง ตนเชื่อว่าชนวนก็จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ แต่ที่สำคัญแม้ 2 ร่างจะผ่าน การประชุมรัฐสภานัดถัดไปก็จะต้องบรรจุเรื่องที่ ส.ว.และ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ยื่นญัตติผ่านสภาเพื่อขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างที่ตัวเองเสนอไปนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
"จึงเท่ากับว่าเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ตัวเองสงสัยตัวเอง และก่อนหน้านี้ในสภาสมัยที่ผ่านมานั้นหลังจากอภิปรายจบก็เกิดแนวความคิดกันว่า ตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อศึกษา ร่างของตัวเองและร่างของคนอื่นหลังจากอภิปรายเสร็จสิ้น ซึ่งตอนที่ตนอยู่ในสภาก็ไม่เคยพบเคยเห็น เพราะบรรดาสมาชิกรัฐสภา ไม่ว่ามาจากการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง จะได้รับร่างก่อนที่จะอภิปรายคือจะต้องศึกษา ต้องรู้อะไรกันเสร็จ อภิปรายจบต้องโหวตเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ หรืองดออกเสียงเท่านั้น แต่สภาชุดนี้กลับเสนอตั้งกรรมาธิการเพื่อศึกษาว่าร่างที่อภิปรายจบไปแล้วนั้นหมายความว่าอย่างไร เอาคนปัญญาอ่อนมานั่งประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายกันหรืออย่างไร"
พร้อมย้ำว่า กระบวนการขั้นตอนเหล่านี้จะทำให้เกิดเรื่องได้ตลอดเวลา และตนก็ทายไปก่อนว่า วันที่ 17 พ.ย.นี้ คงออกทางประตูได้ แต่วันที่ 18 พ.ย.น่าจะออกทางแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้นมา
ดังนั้น กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา คือไม่ตั้งใจ จะแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ต้น แต่เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งในวาระเร่งด่วน คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ อีกทั้งในการประชุมสมัยวิสามัญที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้พูดต่อสภา ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเสร็จสิ้นในเดือนธันวาคมนี้ แต่กลับมี ส.ส.และ ส.ว.ในซีกรัฐบาล เตรียมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอีกนั้น อย่างนี้จะเสร็จทันเดือนธันวาคมหรือไม่ และอย่าอ้างว่าสั่งใครไม่ได้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ สั่งใครไม่ได้ ตนก็อยากร้องขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งตัวเองให้ลาออก
นายจตุพร กล่าวถึงกรณีกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ ปม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่บ้านหลวง ว่า เรื่องนี้คล้ายๆ ลักษณะเดียวกับ นายสมัคร สุนทรเวช จัดรายการชิมไปบ่นไป ส.ว.ในขณะนั้นก็ไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติ จนท้ายที่สุดถูกตีความว่าเป็นลูกจ้าง มาถึง พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อขนมกินได้ว่ารอด 100% ด้าน นายวิษณุ เครืองาม บอกว่าจะอธิบายเรื่องนี้ในวันที่ 3 ธันวาคม เพราะหากพูดก่อนศาลวินิจฉัยอาจเป็นการชี้นำ
ต่อมานายวิษณุก็มีการพูดว่าหากนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง คณะรัฐมนตรีก็พ้นทั้งคณะ ทั้งนี้ ในอดีตนายวิษณุเป็นรองนายกฯ ในสมัยรัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร และก็ไปดึง นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ มาเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก่อนการยึดอำนาจปี 2549 มีคนสองคนส่งสัญญาณลาออก คือ นายวิษณุ ลาออกจากรองนายกรัฐมนตรี และนายบวรศักดิ์ ลาออกจากเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันก็มีการยึดอำนาจ เมื่อยึดอำนาจเสร็จก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นทั้งคู่มีบทบาทที่สำคัญ เพราะฉะนั้นหากจะดูรัฐบาลก็บอกให้ดูนายวิษณุ และนายวิษณุออกอาการแบ่งรับแบ่งสู้ ซึ่งก็ไม่เหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ออกอาการกระอึกกระอัก แต่คนก็อธิบายว่ารอด 99% แต่นายจตุพรขอเล่นเปอร์เซ็นต์ที่เหลือว่าไม่รอดในวันที่ 2 ธันวาคมนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี