วันที่ 19 พฤศจิกายน 2563 สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” โดยระบุว่า ได้รับข้อมูลจากประชาชนกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.พรรคก้าวไกล หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายในการประชุมร่วมที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ประชาชนไม่มีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ทหารกลับมีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ ตนไม่คิดว่าจะออกมาจากปากหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เรียกตัวเองว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีอำนาจนิติบัญญัติในการแก้ไขกฎหมาย นายพิธา นอกจากครั้งนี้จะติดกระดุมผิดเม็ดแล้ว ยังมีปัญหาด้านแนวความคิดอีกด้วย จึงไม่แปลกใจที่ชาวบ้านบอกให้ นายพิธา ไปติดกระดุมเม็ดแรกใหม่พร้อมหัดพูดไทยให้ชัดเจนก่อน
นายสามารถ กล่าวอีกว่า นายพิธา น่าจะรู้อยู่หรือควรรู้อยู่แล้วว่ารัฐธรรมนูญ ฉบับปี 60 ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ โดยต้องผ่านกลไกของรัฐสภา ส.ส.และ ส.ว. หาใช่ผ่านทหารไม่ แต่ในอดีตเพราะมักจะมีนักการเมืองแบบ นายพิธา ที่ชอบคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้คำนึงถึงประชาชนและประเทศชาติ จึงทำให้เกิดการฉีกรัฐธรรมนูญและปฏิวัติหลายครั้ง กระทั่งครั้งล่าสุดนี้ก็ได้มีม็อบมาล้อมกดดันคุกคามสมาชิกวุฒิสภาและคนเห็นต่าง ตนไม่เข้าใจว่า นายพิธา บอกตัวเองว่าเป็นนักประชาธิปไตยแต่ชอบทำตัวแบบเผด็จการ ถ้าใครเห็นต่างก็โวยวายว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามและไม่เป็นประชาธิปไตย จึงขอยกรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ให้ นายพิธา รับทราบว่า มาตรา 255 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐจะกระทำมิได้ โดย นายพิธา รู้อยู่แล้วว่าอย่าแตะต้องหมวด 1-2 แต่ก็ยังไปสนับสนุนร่างไอลอว์ นอกจากนี้ ในส่วน มาตรา 256 มี 9 หัวข้อ ก็ขอให้ นายพิธา ศึกษาดูบ้างว่ารัฐธรรมนูญสามารถแก้ได้ โดยใช้กลไกของรัฐสภา
นายสามารถ กล่าวต่อว่า ส่วนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่อ้างถึงคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) และมาต่อด้วยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ทราบว่าขณะนั้น นายพิธา ทำอะไรอยู่ จึงขอย้อนประวัติศาสตร์ให้เห็นว่าในสมัยพฤษภาทมิฬนั้น ได้มีการเคลื่อนไหวเพื่อประท้วงรัฐบาลขับไล่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี เพราะผลชนะการเลือกตั้งตอนนั้นเป็นของ นายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม แต่ถูกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำจึงทำให้ พล.อ.สุจินดา ขึ้นเป็นนายกฯ แทน โดย พล.อ.สุจินดา แถลงจะไม่รับเป็นนายกฯ ซึ่งแแตกต่างจากสมัยปัจจุบันเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับเลือกจากโควตาพรรค พปชร.ถูกต้องตามกฎหมาย และ นายพิธา ก็ลงสนามแข่งขันสนามเดียวกันกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่พรรคในอดีตที่ นายพิธา เคยสังกัดถูกยุบไปนั้น ได้พ่ายแพ้คะแนนเสียงให้กับ พล.อ.ประยุทธ์
“ผมขอเตือนสติ นายพิธา ควรอ่านและศึกษาประวัติศาสตร์ให้อย่างถ่องแท้ อย่าจำคนพูดกันมาแบบผิดๆ หรือบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจผิด เพราะหลายครั้งแล้วได้รับข้อมูลว่าหัวหน้าพรรคก้าวไกลไม่ชอบพูดความจริง มักชอบกล่าวอ้างไปเอง ไม่อยากให้ นายพิธา ทำตัวเหมือนสุภาษิตไทยว่า ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก เพราะเป็นกังวลว่าสมัยหน้าหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะไม่ได้มาทำหน้าที่ในสภาให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชน จึงต้องเตือนสติด้วยความหวังดี” ผช.รมว.ยธ.กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี