วันพฤหัสบดี ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
สามนิ้วที่ชูคือความไม่เท่าเทียม

สามนิ้วที่ชูคือความไม่เท่าเทียม

วันศุกร์ ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563, 17.54 น.
Tag :
  •  

ม็อบสารพัดชื่อแต่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันในลักษณะประสานกันและใช้สัญลักษณ์อย่างเดียวกันคือการชูสามนิ้ว ซึ่งการชูแต่ละครั้งพูดแต่ละคราวก็แสดงความหมายแตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันก็คือต้องการจะเรียกร้องความเท่าเทียมกันกำจัดความเหลื่อมล้ำในสังคมให้ทัดเทียมกัน

โดยเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเมื่อประกอบเข้ากับการกระทำหลายครั้งก็กลายเป็นว่าในระดับแกนนำนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความต้องการที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ในขณะที่ชาวม็อบก็ยังมีความรู้สึกและแสดงออกที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ที่ต้องการเรียกร้องในทางการเมือง


คือให้นายกรัฐมนตรีลาออก ให้ยุบสภา และให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยต้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง

เพราะเหตุนี้จึงทำให้เกิดความสับสนทั้งภายในชาวม็อบเองและต่อภายนอก จนทำให้ประเด็นข้อเรียกร้องทางการเมืองสับสนและขาดพลัง

เพราะแทบทุกครั้งที่เรียกการชุมนุมโดยอ้างว่าเพื่อขับไล่เผด็จการ เพื่อไล่นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง แต่พอมีการชุมนุมขึ้นกลับกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง คือการปราศรัยเสียดสีจาบจ้วงล่วงละเมิดมุ่งร้ายมาดร้ายและแสดงออกถึงความต้องการที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกแกนนำที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีต้องการชักจูงชาวม็อบให้คิดและทำตามความต้องการของตน

ดังนั้นการเรียกชุมนุมกับการกระทำในการชุมนุมจึงเป็นคนละเรื่อง ดังนั้นจึงทำให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมที่ต้องการอย่างหนึ่ง แต่เมื่อพบความจริงอีกอย่างหนึ่งจึงพากันล่าถอยถอนตัวออกไป
ทำให้การชุมนุมแผ่วลงโดยลำดับ

แต่กระนั้นพวกแกนนำก็มิได้สำนึก เพราะแท้จริงแล้วแกนนำเหล่านั้นก็ไม่ใช่ตัวจริง ยังมีแกนนำตัวจริงซึ่งบงการบรรดาแกนนำระดับต่างๆ อยู่ รวมทั้งการสนับสนุนจัดการในด้านการเงิน ในเรื่องแผนการการชุมนุม ในเรื่องการประสานสื่อต่างประเทศและต่างประเทศ ยังคงเดินหน้าต่อไป จึงทำให้การชุมนุมต้องแผ่วลงและแผ่วลงไปเรื่อยๆ

เพราะคนเขียนบทกับคนแสดงเป็นคนละคน ดังนั้นสัญลักษณ์ทั่วไปที่ใช้คือการชูสามนิ้วจึงเป็นปัญหาขึ้นในตัวเองและถูกตั้งคำถามมากขึ้นทุกวัน ทั้งโดยชาวม็อบเองและจากประชาชนทั่วไปว่าเอาอย่างไรกันแน่

เพราะคนเราปกติมี 5 นิ้ว เมื่อชูแต่ 3 นิ้วก็คือการกด 2 นิ้วไม่ให้แสดงบทบาทหรือหน้าที่ของนิ้วซึ่งประกอบกันเข้าเป็นมือ อันนี้มีความหมายว่าอย่างไร หมายความว่าจะทำลาย 2 นิ้วให้เหลือ 3 นิ้วกระนั้นหรือ จนวันนี้พวกแกนนำก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้

ทั้งการชู 3 นิ้วนั้นก็แสดงความจริงให้ปรากฏโดยไม่อาจเถียงได้อีกเลยว่านิ้ว 3 นิ้วที่ชูขึ้นคือนิ้วชี้ นิ้วนาง และนิ้วกลางนั้นก็มีความไม่เท่าเทียมกันมีความเหลื่อมล้ำกัน ดังนั้นที่ชู 3 นิ้ว แสดงสัญลักษณ์เช่นนี้จะหมายถึงความไม่เท่าเทียมกันโดยพวกแกนนำตั้งตัวเป็นเทวดา และชาวม็อบเพียงแต่ฟังคำสั่งกระนั้นหรือ หรือเป้าหมายสูงสุดที่ต้องการเรียกร้องก็คือต้องการสร้างความไม่เท่าเทียมและความเหลื่อมล้ำโดยพวกหัวโจกแกนนำตั้งตนเป็นอภิสิทธิ์ชนตามที่กล่าวหาสังคมไทยอยู่ในขณะนี้

และนิ้ว 3 นิ้ว ที่ชูขึ้นคือนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางนั้นก็มีคำถามมากมายว่า 3 นิ้ว นี้เป็นสาระสำคัญใช้ทำการงานในฐานะเป็นมือได้ครบถ้วนบริบูรณ์หรือ ไม่ต้องอาศัยหัวแม่มือและนิ้วก้อยดอกหรือ การแบ่งแยกเช่นนี้มีแต่จะทำให้เกิดความพิการไม่ใช่หรือ

หรือว่านิ้วที่ชูขึ้น 3 นิ้วที่มีความไม่เท่ากันนั้นจะต้องการความเท่ากันด้วยวิธีใด

คือตัดนิ้วที่ยาวออกให้เหลือความยาวเท่ากันทั้ง 3 นิ้ว หรือว่าหานิ้วปลอมมาต่อให้ยาวเท่ากันทั้ง 3 นิ้ว ซึ่งใครเล่าจะทำได้

ดังนั้นการชู 3 นิ้ว ขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของชาวม็อบจึงมีปัญหาอยู่ในตัวมากมายที่แก้ไม่ตกและหาคำตอบไม่ได้ เพราะคนกำหนดนั้นไม่ใช่คนไทย ไม่ใช่แกนนำที่เสนอหน้าอยู่บนเวที หรือตีโวหารอยู่ตามสื่อต่างๆ แต่เป็นไอ้โม่งที่หลบอยู่เบื้องหลัง หลอกใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือ

ดังนั้นใครเป็นหัวโจกตัวจริงก็ต้องแก้ไขจุดอ่อนของการใช้สัญลักษณ์นี้ และต้องสามารถอธิบายความหมายได้ว่าเอาอย่างไรกันแน่

เพราะการเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้นเป็นการเคลื่อนไหวทางสังคมที่มีความสำคัญเกี่ยวกับความร่มเย็นเป็นสุข เกี่ยวกับความรุ่งเรืองและหายนะของบ้านเมือง จึงไม่ใช่เรื่องที่จะรับคำสั่งรับแผนงานของใครมาทำได้

จะต้องสอดคล้องกับสภาพความจริงของประเทศไทยว่ามีปัญหาอย่างไร มีสาเหตุของปัญหาอย่างไร และวางอุดมการณ์ ยุทธศาสตร์ ในการแก้ไขปัญหานั้นไว้อย่างไร ไม่ใช่เขาส่งแผนให้ทำอะไรก็ทำไปตามเขา ซึ่งมีแต่ปราชัยย่อยยับ

เพราะเหตุนี้เหมา เจ๋อ ตุง ปรมาจารย์ใหญ่ของชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีน จึงกล่าวว่าถ้าการเมืองถูกต้อง ไม่มีมวลชนก็จะมีมวลชน ไม่มีกองทัพก็จะมีกองทัพ ไม่มีอำนาจรัฐก็จะมีอำนาจรัฐ

แต่ถ้าการเมืองผิดพลาด ถึงมีมวลชนก็จะหมดไปมีกองทัพก็จะสิ้นสูญ มีอำนาจรัฐก็จะสูญเสียไป

สำมะหาอะไรกับการชู 3 นิ้ว เป็นธงการเมือง แต่หาความหมายและคำตอบที่แน่นอนชัดเจนไม่ได้

นอกจากนั้นเมื่อชู 3 นิ้วขึ้นเป็นสัญลักษณ์แล้วก็เสนอข้อเรียกร้องว่านายกรัฐมนตรีต้องลาออก ต้องแก้รัฐธรรมนูญ และต้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่เหลวไหล

เพราะทั้งสามเรื่องที่เรียกร้องนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับความไม่เท่าเทียมหรือความเหลื่อมล้ำดังที่เพ้อเจ้อกันอยู่ อาจจะเกี่ยวข้องบ้างก็เป็นเรื่องการเมืองซึ่งเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี แต่นั่นก็เป็นเรื่องทางการเมือง คนละเรื่องคนละส่วนกับสถาบันพระมหากษัตริย์

เมื่อไม่เป็นเหตุเป็นผลกัน ธงการเมืองนี้ก็ไร้ค่าไร้ความหมาย และไม่สามารถใช้เป็นธงนำในการเคลื่อนไหวมวลชนได้ และจะมีความพ่ายแพ้ในที่สุด

ข้อสำคัญที่สุดทั้งหัวโจกแกนนำและชาวม็อบไม่เข้าใจความจริงของโลกและประเทศไทยว่าในโลกนี้ไม่มีความเท่าเทียมและความไม่เหลื่อมล้ำในโลกของความเป็นจริงเลย การเรียกร้องหาความเป็นธรรมและความไม่เหลื่อมล้ำจึงเป็นเรื่องของการถูกหลอกเหมือนกับนิทานที่หลอกให้ไปแสวงหาหนวดเต่า เขากระต่าย ซึ่งแสวงหาจนตายก็ไม่มีทางพบเพราะไม่มีอยู่จริง

โลกและสังคมทั้งหลายแม้กระทั่งในประเทศสหรัฐซึ่งชาวม็อบถือเป็นรัฐในอุดมคติก็ไม่มีความเท่าเทียมกันในความเป็นจริงเลย มีความแตกต่างกันในทุกเรื่องทุกระดับ ไม่มีความไม่เหลื่อมล้ำดำรงอยู่เลย มีความเหลื่อมล้ำดำรงอยู่ในทุกเรื่องและแทบจะมากที่สุดของโลกด้วย

เพียงแค่ตั้งสติและพิจารณาโดยไม่พึ่งพากระแสชักจูงก็จะเห็นความจริงกระจ่างว่าแม้ในครอบครัวของชาวม็อบเองที่มีพ่อแม่ปู่ย่าตายายญาติพี่น้องก็ไม่มีความเท่าเทียมกันเลย ไม่มีความไม่เหลื่อมล้ำอยู่เลย

แม้ในโรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่างๆ ไล่มาตั้งแต่อธิการบดี คณบดี ศาสตราจารย์ ครูบาอาจารย์ คณะกรรมการนักเรียนนักศึกษา หัวหน้าชั้นและแม้นักเรียนนักศึกษาในห้องเดียวกันก็ไม่ได้มีความทัดเทียมกันเลย มีความเหลื่อมล้ำดำรงอยู่โดยทั่วไป

แม้ในชุมชนหมู่บ้านซึ่งประกอบด้วย ผู้คนมากหน้าหลายตา หลายหน้าที่การงาน ก็ไม่มีความเท่าเทียมและมีความเหลื่อมล้ำดำรงอยู่โดยทั่วไป

แล้วจะไปหาความเท่าเทียมและความไม่เหลื่อมล้ำในสังคมโลกมนุษย์นี้ที่ไหน ก็จะเสียเวลาเปล่าตายเปล่า หนทางที่ถูกต้องคือการศึกษาพัฒนาปรับปรุงตนเองให้สอดคล้องกับพัฒนาการของสังคมและโลกมนุษย์ก็จะมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข

สิริอัญญา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘ชูศักดิ์’เผย‘อธิบดีดีเอสไอ’เข้าพบ รายงานภารกิจ-ความคืบหน้าคดี‘ฮั้ว สว.’ ‘ชูศักดิ์’เผย‘อธิบดีดีเอสไอ’เข้าพบ รายงานภารกิจ-ความคืบหน้าคดี‘ฮั้ว สว.’
  • ดับเครื่องชน! ‘อธิบดีDSI’ไม่หวั่นเจอ‘ตอ’ขวางทำคดี‘ฮั้ว สว.’ ลั่นทำตามกฎหมาย ดับเครื่องชน! ‘อธิบดีDSI’ไม่หวั่นเจอ‘ตอ’ขวางทำคดี‘ฮั้ว สว.’ ลั่นทำตามกฎหมาย
  • โพยล็อต 3 ว่อน! เปิดลิสต์‘24 สว.’ กกต.เรียกรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้ว โพยล็อต 3 ว่อน! เปิดลิสต์‘24 สว.’ กกต.เรียกรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้ว
  • ‘ธรรมนัส​’โผล่ทำเนียบรัฐบาล​ อ้างแค่แวะกินกาแฟ​ ‘ธรรมนัส​’โผล่ทำเนียบรัฐบาล​ อ้างแค่แวะกินกาแฟ​
  • ‘โรม’อัดรัฐบาลอืดอาด ไร้น้ำยาแก้ปัญหาสารพิษ‘แม่น้ำกก’ ชี้ช่องคุยจีน-ฟ้องศาล ‘โรม’อัดรัฐบาลอืดอาด ไร้น้ำยาแก้ปัญหาสารพิษ‘แม่น้ำกก’ ชี้ช่องคุยจีน-ฟ้องศาล
  • เสียงร้องจากก้นหลุม! ถึงเวลาทบทวนความปลอดภัย เสียงร้องจากก้นหลุม! ถึงเวลาทบทวนความปลอดภัย
  •  

Breaking News

MEA ลงนาม MOU กับ BPC หน่วยงานการไฟฟ้า’ภูฏาน’

ตร.น้ำจับเรือลอบทำประมงผิดกฏหมาย

'หมอเหรียญทอง' ถึง 'สิระ'อ้างป่วยความดันขึ้น ไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

ไอเดียบรรเจิด! ‘ตู้คีบทุเรียนหมอนทอง’ แค่10บาทก็ลุ้นฟิน-ได้ลูกจริงกลับบ้าน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved