"ปชป."มาแล้วชูธงเปิดศึกขบวนการล้มเจ้า "ถาวร"โชว์หลักฐานแฉไทม์ไลน์ผู้ที่อยู่เบื้องหลังม็อบ ชงทางออกสกัดก่อนเกิดสงครามกลางเมือง
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และ ส.ส.สงขลา แถลงข่าวเปิดโปงเบื้องหลังการชุมนุมม็อบ และขบวนการล้มล้างสถาบัน ที่มีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ย้ำคนไทยต้องร่วมกันปกป้องพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์มิให้ถูกคุกคามล้มล้าง ทั้งนี้ นายถาวรได้นำคลิปวิดีโอมาเปิดต่อสื่อมวลชนด้วย
โดย นายถาวร กล่าวว่า ที่มาของการออกมาแสดงจุดยืนในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จากการถูกคุกคามในครั้งนี้ ว่า ตนในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งที่มีความสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อชาติไทยมาอย่างยาวนานกว่า 800 ปี นำพาชาติพ้นภัยทั้งการรุกรานจากชาติตะวันตกด้วยลัทธิล่าอาณานิคม ตลอดจนภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์ ทำให้ชาติไทยคงเอกราชมาถึงปัจจุบันด้วยพระบารมี และในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่มีอุดมการณ์ของการก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์กว่า 74 ปี โดย 1 ใน 10 คำประกาศอุดมการณ์ของพรรคนั้นระบุไว้อย่างชัดเจน "พรรคจะดำเนินการเมือง โดยอาศัยหลักกฎหมายและเหตุผล เพื่อความศักดิ์สิทธิแห่งรัฐธรรมนูญ และเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่อนุชนรุ่นหลังให้มีความนับถือและนิยมในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" รวมถึงหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 50 บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งทั้ง 3 สถานะทำให้ตนมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงต้องแสดงออกถึงความจงรักภักดีด้วยการออกมาปกป้องผู้ที่คิดไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง
นายถาวร ยังกล่าวถึงประเด็นการชุมนุมครั้งนี้ว่า มีคนบงการอยู่เบื้องหลังโดยใช้เด็กเป็นเครื่องมือ เป็นสะพานเชื่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีเป้าหมาย "ล้มสถาบันฯ" แต่เลี่ยงไปใช้คำว่า "ปฏิรูป" เพราะปรากฏความสอดคล้องระหว่างหลักคิดของคนบงการซึ่งถูกนำไปปฏิบัติในการชุมนุม ซึ่งเป็นหลักคิดชุดเดียวกัน คือ ต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบัน เพราะคิดว่าสถาบัน เป็นอุปสรรคการก้าวขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองของกลุ่มตน
เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2559 นายปิยบุตร แสงกนกกุล ไปพูดที่มหาวิทยาลัยลอนดอน เรื่อง Thailand in a Deeper State of Crisis? กล่าวหาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ว่ามีอำนาจอิทธิพลเหนือผู้พิพากษา อันเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งปรากฏตามคลิปวิดีโอและปรากฏตามเอกสารซึ่งเข้าลักษณะทฤษฎีสมคบคิด ทำไม? ถึงบอกว่า ปิยบุตร บิดเบือน เพราะพระราชดำรัสที่ตรัสต่อศาลในวันที่ 24 เม.ย.2549 นั้น ในหลวงไม่ได้สั่งศาล และทรงย้ำว่าไม่เคยใช้อำนาจของพระองค์ตามที่ปิยบุตรบิดเบือน
สำหรับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ได้ร่วมกันสมคบคิด ก็ปรากฏตามหนังสือ Portrait ธนาธร (2561) หน้า277 ว่า "...วิธีการของเราคือต้องมีอำนาจและต่อรอง (กับ) ×××× นี่ต่างหากคือเป้าหมาย ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เอาทหารออกจากการเมืองไม่ได้หรอก จัดการเรื่องนี้ไม่ได้ จัดการเรื่องศาลไม่ได้หรอก จัดการเหี้ยห่าอะไรไม่ได้..." นายธนาธร กับนายปิยบุตร มาตั้งพรรคอนาคตใหม่ พุ่งเป้าสถาบันฯ แต่ลดโทนลงเพื่อลดแรงกดดันจากสังคม จนกระทั่งในที่สุดพรรคถูกยุบเพราะผู้บริหารพรรคทำผิดกฎหมาย
นายถาวร กล่าวว่า อีกเหตุการณ์ที่เหยียบย้ำความรู้สึกของคนไทย คือ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2562 เกิด Flash Mob ในช่วงบ่าย นายธนาธร ไปพูดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์บอกว่า มี 2 ทางเลือกในการแก้รัฐธรรมนูญ คือ ยินยอมพร้อมใจกันทุกฝ่าย หรือ แก้ด้วยเลือด และในวันนั้นมีผู้ร่วมชุมนุมชูป้าย อันมิบังควรซึ่งข้างหลังเป็นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ เป็นครั้งแรกที่แสดงการจาบจ้วงเชิงสัญลักษณ์ในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยและมีอีกหลายครั้ง เช่น นายปิยบุตร ได้แสดงความคิดเห็นหรือโพสต์ข้อความ เมื่อ 27 ก.ค.63 3 วันอันยิ่งใหญ่ของประชาชนในการลุกขึ้นสู้โค่นล้ม Charles X เปลี่ยนเป็นระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ (ปฏิวัติฝรั่งเศส ปี ค.ศ.1789) อยากทราบว่านายปิยบุตร มีวัตถุประสงค์อะไร เพียงระยะเวลา 8 เดือนเท่านั้น สามารถยกระดับการชุมนุมต่อต้านสถาบันจากเชิงสัญลักษณ์และปกปิดมาเป็นการเสนอข้อเรียกร้องอย่างเปิดเผย ซึ่งนายธนาธร บอกว่า ประตูบานแรกเปิดขึ้นแล้ว คือการยื่นข้อเสนอเพื่อปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
รวมทั้ง นายธนาธร พูดเองว่า จำเป็นต้องพูดเรื่องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ หลังจากก่อนหน้านี้พูดอ้อมๆ มาตลอด และที่สามารถดำเนินการได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพราะมีการดำเนินการจัดตั้งเครือข่าย หล่อหลอมความคิดผ่านกระบวนการ Hate Speech ต่อต้านสถาบันฯ ในกลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ผ่านเทคโนโลยีโซเซียลมีเดีย และการสนับสนุนของต่างชาติ และบางประเทศมหาอำนาจ อย่างมีประสิทธิภาพ และรัฐบาลตามไม่ทันโดยอ้างว่าปฏิรูปไม่ใช่การล้มล้างแต่ในความเป็นจริงเป็นพฤติกรรมตรงกันข้าม คือ สร้างความเกลียดชัง มุ่งอาฆาตมาดร้ายสถาบันฯ โดยปรากฏเป็นเหตุการณ์การบุกเข้าขัดขวางขบวนเสด็จของพระราชินีและพระองค์ที ในวันที่ 14 ต.ค.2563
จนถึง 17 พ.ย.63 ม็อบไม่ได้มีการชุมนุม...แต่มุ่งยกระดับโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ารัฐสภา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลัง ซึ่งเป็นไปตามยุทธวิธีสงครามประชาชน และได้ทำมาเป็นลำดับจากการโฆษณาชวนเชื่อ การโจมตีฝ่ายตรงข้าม การบังคับให้เลือกข้างมาจนถึงยกระดับจากการชุมนุมประท้วงเป็นการก่อจราจล โดยมุ่งหวังให้เกิดการก่อวินาศกรรมและสงครามกลางเมืองในที่สุด เกิดการเผชิญหน้า ระหว่างผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อนำไปสู่ความรุนแรง การนองเลือด ภาวะรัฐล้มเหลว ซึ่งสอดคล้องกับยุทธวิธีสงครามประชาชนที่กล่าวไปแล้วข้างต้นเห็นได้จากการไล่เรียงเหตุการณ์ มาเป็นลำดับ ดังนี้
เมื่อวันที่ 18 พ.ย.63 ผู้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์ได้โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรงและหยาบคาย โดยเฉพาะการโจมตีและสร้างข่าวเท็จใส่ร้ายสมเด็จพระพันปีหลวงฯ... จนนำไปสู่ความโกรธแค้นของประชาชนที่จงรักภักดีจำนวนมากทำให้รัฐบาลต้องออกแถลงการณ์ประกาศบังคับใช้กฎหมายทุกหมวด ทุกมาตรากับกลุ่มผู้ชุมนุมโดยเฉพาะกฎหมายมาตรา 112
เมื่อวันที่ 20 - 21 พ.ย.63 ผู้ชุมนุมตอบโต้การบังคับใช้กฎหมาย มาดรา 112โดยประกาศแผนการเข้าบุกล้อม เพื่อยึดสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ในวันที่ 25 พ.ย.63
เมื่อวันที่ 21 พ.ย.63 ผู้ก่อการเตรียมการยกระดับสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรง โดยเปลี่ยนการ์ดม็อบ จากการ์ดอาชีวะมาเป็นการ์ดรบพิเศษ พร้อมประกาศรับสมัครการ์ดอาสาใหม่เพื่อรับสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรงให้ได้ตามยุทธการสงครามประชาชนข้างต้น
เมื่อวันที่ 22 พ.ย.63 การชุมนุมบริเวณถนนอักษะตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงไปชุมนุมที่นั้น?
"ในวันพรุ่งนี้(25 พ.ย.) ผู้ชุมนุมนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งที่เพื่อตอบโต้การบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 โดยประกาศแผนการเข้าบุกล้อมเพื่อยึดสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยแบ่งกำลังออกเป็น 4 กลุ่มบุกเข้าโจมตีทั้ง 4 ด้าน ซึ่งผู้ก่อการเตรียมยกระดับสถานการณ์ให้ไปสู่ความรุนแรง โดยเปลี่ยนการ์ดอาชีวะมาเป็นการ์ดรบพิเศษ เพื่อรับสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรงให้ได้ตามยุทธศาสตร์สงครามประชาชน ผมมีความเป็นห่วงหลายประเด็น และฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุมขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพระราชทาน จึงห้ามเข้าใกล้ในระยะ 150 เมตร พร้อมฝากไปยังการ์ดผู้ชุมนุม ขอให้ดูแลการชุมนุมโดยยึดหลักสงบ สันติอาหิงสา ปราศจากอาวุธ ดูแลผู้ชุมนุมไม่ยั่วยุ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำหน้าที่ตามกฏหมายอย่างเหมาะสม” นายถาวร กล่าว
นายถาวร กล่าวว่า ข้อเสนอแนวทางออกของประเทศเพื่อหยุดยั้งภาวะที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมือง
1. ผู้บงการทุกระดับชั้นที่ทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดีตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ส่วนผู้ชุมนุมที่ตกเป็นเหยื่อการโฆษณาชวนเชื่อควรได้รับการยกเว้น
2. นักการเมือง และ พรรคการเมืองใด ที่ต้องการปฏิรูปสถาบันฯ ให้ประกาศตัวยอมรับให้ชัดเจนต่อสาธารณชน
3. คัดค้านการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ว่าจะอธิบายขยายความด้วยถ้อยคำความหมายแบบใดก็ตาม
4. คัดค้านการทำรัฐประหารอันจะนำไปสู่วงจรอุบาทว์ทางการเมืองซ้ำเดิม รวมถึงทำให้สถาบันฯ ตกเป็นเป้าโจมตีของผู้ชุมนุมและต่างชาติ
5. ดำเนินการตรวจสอบทุจริตของรัฐบาล นักการเมือง และข้าราชการอย่างจริงจังรวมถึงการปฏิรูปนักการเมือง พรรคการเมือง ปฏิรูปประเทศให้เกิดความปรองดอง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี