ตั้งกรรมการสมานฉันท์21คน
ดึงม็อบ2ฝ่ายร่วมหาทางออกชาติ
‘ชวน’เปิดโมเดล
ปธ.วิปฝ่ายค้านชี้พอมีความหวัง
‘วิรัช’นั่งประธานกมธ.แก้ไขรธน.
“ชวน” นำ 3 ฝ่าย แถลงเปิดตัว ตั้งคกก.สมานฉันท์ 21 คน ดึงม็อบ 2 ฝ่ายเข้าร่วมหาทางออกประเทศ ด้าน“ปธ.วิปฝ่ายค้าน”เชื่อพอมีความหวัง เลือก“วิรัช” นั่งประธาน กมธ.แก้ไขรธน. เตรียมกำหนดประชุมอาทิตย์ละวันหากไม่พอพร้อมประชุมวันหยุด “โรม” ลั่นดันข้อเสนอภาคประชาชนเต็มที่ขณะที่“ธนาธร”ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาคดีอาญาปมถือหุ้นสื่อ ลุ้น 9ธ.ค.ส่งสำนวนอัยการ พิจารณาส่งศาลอาญาสั่งฟ้องหรือไม่
เมื่อวันที่ 24พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา พร้อมด้วย นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปฝ่ายรัฐบาล) นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) ร่วมแถลงภายหลังการประชุมหารือร่วม 3ฝ่าย ในการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์
แถลงเปิดตัวกก.สมานฉันท์21คน
โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบองค์ประกอบของคณะกรรมการ ให้มีกรรมการทั้งสิ้น21คน ดังนี้ 1.ผู้แทนฝ่ายผู้ชุมนุม 2 คน (กลุ่มเรียกร้องเห็นต่างกับรัฐบาล) 2.ผู้แทนรัฐบาล 2 คน 3.ผู้แทน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 2 คน 4.ผู้แทน ส.ส.ฝ่ายค้าน 2 คน 5.ผู้แทนสมาชิกวุฒิสภา 2 คน 6.ผู้แทนฝ่ายที่มีความเห็นอื่น 2 คน (กลุ่มเรียกร้องเห็นด้วยกับรัฐบาล) 7.ผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย บุคคลซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเสนอชื่อ 3 คน โดยคำนึงถึงตัวแทนให้ครอบคลุมถึงภูมิภาคต่างๆ,บุคคลซึ่งที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเสนอ 1 คน , บุคคลซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลเสนอ 1 คน ,ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านการสร้างความปรองดองสมานฉันท์4คน,รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นเลขานุการ , เจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร4คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ย้ำเดินหน้าสร้างปรองดอง
นายชวนกล่าวว่าสำหรับการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่ศึกษารูปแบบการสร้างความปรองดองโดยไม่จำเป็นต้องรอให้ครบองค์ประกอบทั้งหมด21คน หลังจากนี้ให้ฝ่ายเลขาจะแจ้งให้แต่ละฝ่ายได้รับทราบเพื่อส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมกรรมการสมานฉันท์เพื่อเริ่มเดินหน้าทำงานได้ทันที ส่วนประธาน กก.สมานฉันท์ ขึ้นอยู่กับที่ประชุม กก.สมานฉันท์พิจารณาจากกรรมการสมานฉันท์ด้วยกันเอง
ส่วนจะมีภาระหน้าที่และรูปแบบการพิจาณาแก้ไขปัญหาอย่างไรนั้น เห็นว่าให้กรรมการมีการประชุมปรึกษาหารือกันก่อน และจากการลงพื้นที่พบปะรับฟังความเห็นประชาชนในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ประชาชนต่างก็เห็นด้วยหากกรรมการสมานฉันท์หากสามารถทำให้บ้านเมืองเป็นไปอย่างสงบ แต่ต้องยอมรับว่าความขัดแย้งและความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางเรื่องมันป้องกันได้เพราะฝ่ายการเมืองยังเราๆรู้ดีว่าบางเรื่องมันเกิดขึ้นเพราะอะไร ซึ่งสามารถป้องกันได้ โดยการสร้างเงื่อนไขไม่ให้เกิดขึ้นมาอีก
แต่ก็ต้องยอมรับว่าในอนาคตเราไม่รู้ว่าความขัดแย้งจะเป็นเรื่องอะไรแต่เรารู้ปัญหาในอดีตเราก็ต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพื่อลดปัญหาในอนาคต ส่วนปัญหาในอนาคตมันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราไม่มีทางรับรู้ได้เหมือนเทคโนโลยีโลกโซเชียลมีเดียยุคใหม่ แม้จะมีคุณค่ามากมาย แต่ก็มีโทษอย่างร้ายแรงหากใช้ไม่ในทางที่ผิด แต่หากใช้ในทางปรองดอง ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจและหากใช้ไปในทางที่ผิดก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งเช่นกัน ซึ่งเรื่องแบบนี้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้โดยตรงจะเข้ามามีส่วนร่วม
เมื่อถามว่าคาดหวังกับกรรมการสมานฉันท์ชุดนี้ไว้อย่างไรบ้างนายชวนกล่าวว่าได้แจ้งต่อที่ประชุมวิปทั้ง 3 ฝ่ายแล้วว่าไม่ได้เล็งผลเลิศว่าจะต้องเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนทันทีทันใด แต่หวังว่าการได้มีช่องทางได้พูดคุยกันในปัญหาที่เกิดขึ้น
ชี้ไม่มีปัญหาหากม็อบเมินร่วม
ส่วนหากผู้ร่วมชุมนุม ไม่เข้าร่วมเป็นกรรมการ นายชวน ยืนยันว่า ไม่ปัญหา แต่รัฐสภายังต้องทำหน้าที่ไปตามภารกิจต่อไป หากไม่เข้าร่วมก็ทำหน้าที่ไปเท่าที่มีอยู่ไปก่อน แต่พยายามจะให้มีทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม และต้องให้เวลาแต่ละฝ่ายในการตัดสินใจ กรรมการชุดนี้ เป็นกรรมการชุดแรก จากทั้งหมด 2 ชุด ซึ่งชุดที่ 2 เป็นกรรมการสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมดโดยมอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้าพิจารณาซึ่งในรูปแบบที่2นี้ได้มีการหารือกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว ทุกฝ่ายให้ความเห็นในทางที่เป็นบวกและสนับสนุนให้เดินหน้าแก้ไขปัญหานี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปเชิญแต่ท่านมาร่วมเป็นกรรมการซึ่งสัดส่วนกรรมการหลังจากนี้จะเป็นใครนั้นจะมีการหารือกันอีกครั้งกับองค์กรภาคส่วนต่างๆ
ปธ.วิปค้านเชื่อพอมีความหวัง
ด้านนายสุทิน เห็นว่า กรรมการสมานฉันท์ชุดนี้ พอมีความหวังอยู่บ้าง ที่จะแก้ไขปัญหาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีการเชิญตัวแทนทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม โดยเฉพาะฝ่ายผู้ชุมนุมและคนที่คิดต่างกับฝ่ายผู้ชุมนุม ซึ่งในอดีตโครงสร้างกรรมการปรองดองจะไม่มีส่วนนี้ หลังจากนี้เชื่อว่าผู้ชุมนุม คงจะได้มีการพิจารณาอีกครั้งว่า จะเข้าร่วมหรือไม่ แต่ก็อยากให้ฟังดูก่อนเช่นเดียวกับฝ่ายค้าน ที่หลังจากนี้จะมีการหารือกันว่าจะส่งตัวแทนเข้าร่วมหรือไม่ แต่อย่างน้อยๆวันนี้ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลและส.ว.ได้ร่วมวางกรอบ สำหรับหน้าที่ของกรรมการชุดนี้ จะเน้นไปที่การศึกษาในปัญหาต่างๆเพื่อเสนอแนะเป็นแนวทาง ให้ผู้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทั้งหมดไปพิจารณาแก้ปัญหา ทั้งปัญหาเฉพาะหน้า และป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต
‘วิรัช’นั่งปธ.กมธ.แก้รธน.ตามคาด
ที่รัฐสภา เวลา 09.30น.ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(แก้ไขเพิ่มเติม)ซึ่งเป็นการประชุมนัดแรก มี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ซึ่งมีอาวุโสสูงสุด เป็นประธานชั่วคราวทำหน้าที่ประธาน ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เลือก นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เป็นประธาน กมธ.ด้วยคะแนน 27เสียง ขณะที่ ฝ่ายค้าน เสนอ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.)ชิงตำแหน่งแต่ได้คะแนน12เสียง
โดยนายวิรัชได้กล่าวขอบคุณ กมธ.ที่เลือกเป็นประธาน ซึ่งในการหน้าที่ของกมธ.จากนี้ไปคงจะได้กำหนดกรอบการทำงานโดยเฉพาะเวลาการประชุมว่าจะประชุมอาทิตย์ละกี่วัน จะทำงานกันแบบไหนซึ่งที่ประชุมจะได้ร่วมกันกำหนด ส่วนตัว จะทำหน้าที่ควบคุมการประชุมให้เป็นไปตามร่างที่รัฐสภาส่งมาโดยมีร่างของรัฐบาลเป็นหลัก แต่ก็สามารถปรับ ยืดหยุ่นตามสถานการณ์และความเหมาะสมของการทำงานได้
ถกอาทิตย์1วัน/ไม่พอเพิ่มวันหยุด
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านอยากให้พิจารณาเร็วขึ้นก่อน45วัน นายวิรัช กล่าวว่าอยู่ที่การทำงาน ถ้าทำงานรื่นไหล คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากติดขัดอะไรแล้วใช้เวลาประชุมอาทิตย์ละวัน ไม่เพียงพอ ก็อาจจะต้องเพิ่มการประชุมในวันเสาร์ นอกจากนี้เรายังได้เตรียมตั้งคณะอนุ กมธ.เพื่อมาดูแลในรายละเอียดเช่นเรื่องคุณสมบัติ สสร.ฯลฯที่เราต้องทำโดยละเอียด เนื่องจากรายละเอียดมีมาก
เมื่อถามว่าทางฝ่ายค้านก็อยากได้เนื้อหาในร่างของฝ่ายค้านและเนื้อหาจากร่างที่ตกไปโดยเฉพาะร่างของประชาชนมารวมด้วย นายวิรัชกล่าวว่าเราสามารถมาคุยกันในห้องประชุมได้ซึ่งร่างของเราก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่แล้วโดยไม่แตะหมวด 1และหมวด 2 รวมถึงประเด็นที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจอีก38มาตรา นอกนั้น เรื่องอื่นๆก็มาว่ากันอีกครั้ง ส่วนที่ใช้ร่างรัฐบาลในการพิจารณาเป็นหลัก อาจทำให้เกิดการไม่ยอมรับ นายวิรัช ย้ำว่า เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ บางทีเราจะเอาใจข้างหนึ่งข้างใดไม่ได้ต้องยึดเกณฑ์กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นหลัก
‘โรม’ลั่นดันข้อเสนอปชช.เต็มที่
ด้าน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กล่าวว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการมี 2 ฉบับ คือ วิปรัฐบาล และฝ่ายค้าน แม้ตามขั้นตอนจะต้องใช้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลเป็นหลักแต่ไม่ได้หมายความว่าจะผลักดันข้อเสนอของประชาชนได้ ซึ่งฝ่ายค้านจะผลักดันให้มากที่สุด แต่อาจจะผลักดันข้อเสนอของภาคประชาชนได้ไม่ทั้งหมด เพราะการแก้ไข จะต้องไม่ขัดกับหลักการที่รัฐสภาได้ลงมติรับหลักการมา แต่ยืนยันว่า เราจะผลักดันข้อเสนอของภาคประชาชนให้ได้มากที่สุด เช่นที่มาและกระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญซึ่งมีหลักการที่ตรงกันที่น่าจะเอาปรับใช้กันได้ โดยเราหวังว่าการพิจารณาของคณะกรรมาธิการจะเป็นการถกเถียงด้วยเหตุผลเป็นหลัก
ขู่ลุกเป็นไฟถ้าคงสว.โหวตนายกฯ
เมื่อถามว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะมีผลอย่างไรต่อการทำงานของคณะกรรมาธิการฯหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่าหากการแก้ไข รธน.ที่ออกมา ไม่ได้มีเนื้อหาเป็นประชาธิปไตยเลย ก็ยากที่ประชาชนจะยอมรับเพราะประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินทุกอย่าง การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นจะจบเพราะไม่ใช่ยาวิเศษ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นกระบวนการแก้ไขปัญหาในระยะยาว แต่ก็มีกระบวนการระยะสั้นที่ต้องแก้ด้วยเช่นมาตรา272ว่าด้วยการให้ส.ว.ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีแต่ถ้าหากในอนาคตอันใกล้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมาและยังให้ส.ว.เลือกนายกฯอีกครั้งประเทศลุกเป็นไฟแน่
วิษณุชี้กรอบแก้รธน.อยู่ที่สภา
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเรียกร้องให้กระชับเวลากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายใน45วันว่าเรื่องนี้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่มีอยู่ เพียงแต่ต้องบริหารว่า ช่วงเวลานั้นอย่าปล่อยให้ไร้ประโยชน์ ต้องทำให้คุ้มค่า ให้ประชาชนได้รับการชี้แจง การกระชับเวลากระบวนการแก้ไข รธน. ขึ้นอยู่กับสภา จะให้รัฐบาลไปบอก ก็คงไม่ได้ เพราะมีหลายคน หลายพรรค หลายฝ่าย คงต้องให้เขาว่ากันเองในสภา ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลเพราะรัฐบาลไม่มีอะไรต้องทำในส่วนนี้ เมื่อกฎหมายส่งมาจากสภาแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนของรัฐบาลที่ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯโดยมีกรอบเวลา20วันซึ่งรัฐบาลไม่เคยทำพ้นจากกรอบเวลาดังกล่าว
ปชช.โห่ไล่‘ธนาธร’รับข้อหา
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ สน.ทุ่งสองห้อง ตั้งแต่ช่วงเช้า มีประชาชนประมาณ 30 คน มายืนถือป้ายกล่าวโจมตีหลังรู้ข่าวว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า มีกำหนดเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีอาญาตามผิดตาม มาตรา151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)มีมติดำเนินอาญาคดีถือหุ้นสื่อบริษัท วีลัค มีเดีย จำกัด ในเวลา10.00น.ซึ่งสถานการณ์ตึงเครียด เมื่อประชาชนต่างพากันตะโกน แสดงความไม่พอใจที่เห็นกลุ่มที่สนับสนุนมารอรับนายธนาธร จนเกือบเกิดเหตุวุ่นวาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเข้าดูแลความสงบเรียบร้อย
ต่อมา นายธนาธร ได้เปลี่ยนสถานที่เดินทางมาเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาจาก สน.ทุ่งสองห้อง มาเป็นที่ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) เขตดอนเมือง แทน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงปัญหาความไม่สงบเรียบร้อย ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนได้นำเค้กวันเกิดมาอวยพรวันเกิดล่วงหน้า แก่ นายธนาธรด้วย ซึ่งจะครบรอบวันเกิดในวันที่ 25 พ.ย.นี้
ปัดทุกข้อหา/ลุ้นอัยการสั่งฟ้อง
ที่ บก.น.2 เขตดอนเมือง นายธนาธรได้เปิดเผยก่อนการรับทราบข้อกล่าวหา โดย ยืนยัน ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เพราะเชื่อมั่นในเอกสารพยานหลักฐานของตนเองที่มีการโอนหุ้นเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อย หากใช้มาตรฐานเดียวกันกับของ นส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐซึ่งถือหุ้นสื่อเช่นกัน ศาลก็ดูที่เจตนาที่ น.ส.ภาดาท์ได้แจ้งขายหุ้นไปก่อนแล้ว แต่บริษัทยังไม่ปิดและก็ไม่มีรายได้ ซึ่งของตนเองชัดเจนกว่าตรงที่บริษัทปิดไปเรียบร้อยแล้วและไม่มีรายได้เช่นกัน ดังนั้นหากใช้มาตรฐานเดียวกันตนเองก็จะไม่ต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองแน่นอน
ต่อมานายธนาธรกล่าวภายหลังเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนเป็นเวลาประมาณ 1ชั่วโมงว่าวันที่ 9 ธ.ค.นี้พนักงานสอบสวน จะส่งสำนวนให้อัยการ เพื่อพิจารณาจะส่งศาลอาญาเพื่อสั่งฟ้องหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี