‘ชวน’ส่งเทียบเชิญ
ดึง7ฝ่ายร่วมวงกก.สมานฉันท์
เร่งนัดถกหาทางออกประเทศ
‘ไพบูลย์’ลั่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ห้ามแตะหมวดพระราชอำนาจฯ
สิระชี้‘เต้’ถอนตัวไม่กระทบรบ.
ประธานรัฐสภาเผยส่งจดหมายเชิญ 7 ฝ่าย เข้าร่วมนั่ง กก.สมานฉันท์ เร่งตั้งหาทางลดขัดแย้งในบ้านเมือง หวังทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ายมากที่สุด สภาฯส่งเทียบเชิญทุกฝ่าย เหลือแค่ตัวแทนม็อบ ยังไม่รู้ประสานใครด้าน“ไพบูลย์”เสนอ กมธ.แก้ไข รธน.ห้ามแตะพระราชอำนาจฯทุกหมวดและให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างรธน.ฉบับส.ส.ร.แทนรัฐสภา พร้อม ให้คงม.269-272-279 ต่อไป “สิระ” ตะเพิด “มงคลกิตติ์” หลังประกาศถอนตัวร่วมรัฐบาล ชี้ไม่กระทบเสถียรภาพ
\เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงความคืบหน้าในการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ ตามโครงสร้าง 7 ฝ่าย จำนวน 21คนว่าได้มีการส่งหนังสือไปยังฝ่ายต่างๆเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะเมื่อวันที่25 พ.ย.ได้ส่งหนังสือไปยังที่ประชุมอธิการบดีของมหาวิทยาลัยต่างๆซึ่งขณะนี้รอการตอบกลับมา
ส่วนความคาดหวังว่าทุกหน่วยงาน จะให้การสนับสนุนหรือไม่นั้น ตนเคยบอกแล้วว่า ไม่ได้เล็งผลอะไรในการตั้งคณะกรรมการชุดนี้ เมื่อสภาฯ มอบหมายให้ทำ จึงคิดว่ารูปแบบของการหารือนี้ ไม่มีความประสงค์ที่จะต้องรอให้ครบทุกฝ่าย แต่หากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือได้ ทั้งหมดก็ถือเป็นเรื่องดี ถ้าได้การตอบรับมาเท่าไหร่ ก็เท่านั้นซึ่งคณะทำงานจะหารือต่อไปว่าควรทำอย่างไร ส่วนกรอบการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ต้องรอดูทั้ง7ฝ่ายว่า มีการตอบรับมากี่ฝ่ายซึ่งคงมีการรายงานให้ทราบต่อไป จากนั้นจะเป็นขั้นตอนเลือกประธานคณะกรรมการ
เร่งตั้งกก.สมานฉันท์ลดขัดแย้ง
นายชวน กล่าวต่อว่าสำหรับวาระเร่งด่วนของคณะกรรมการชุดนี้นั้น จะต้องหาทางลดความขัดแย้งภายในบ้านเมืองซึ่งต้องแยกให้ออกว่า รูปแบบของคณะกรรมการชุดที่ 2 ที่วางแผนจะดำเนินการต่อเป็นการมองในระยะยาวในอนาคต ซึ่งต้องนำบทเรียนในอดีตมาศึกษา เพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย โดยเชื่อว่าทั้งหมดมีวิธีการป้องกันได้จะนำเรื่องที่เกิดจริงในอดีตมาศึกษาว่าความขัดแย้งระหว่างประชาชนในกรณีนี้เกิดจากอะไรมาศึกษาเช่นปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดจากอะไรและนำตัวอย่างที่เกิดขึ้นมาป้องกันตั้งแต่ต้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก
เมื่อถามว่าหากผู้ชุมนุมไม่เข้ามาร่วมเป็นคณะกรรการฯด้วยจะทำให้ความจริงทั้งหมดไม่ได้ออกมาจากอีกฝ่าย นายชวน กล่าวว่า ความจริง ทางคณะกรรมการฯจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการสำหรับการให้ข้อมูล ทั้งนี้ การเข้าร่วมหากรอให้พร้อมทั้งหมด จะไม่มีทางทำอะไรได้เพราะบางฝ่ายไม่อยากเข้าร่วม แต่เป็นเรื่องที่คณะกรรมการชุดนี้ต้องหาทางต่อไปว่าทำอย่างไรให้ประโยชน์ต่อทุกฝ่ายมากที่สุด
สภาส่งเทียบเชิญนั่งกก.สมานฉันท์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำนักงานเลขาธิการธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ส่งจดหมายไปยังผู้แทนในโครงสร้างคณะกรรมการสมานฉันท์ 7 ฝ่ายประกอบด้วย เลขาธิการนายกรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายคณะรัฐมนตรี,ประธานคณะกรรมการประสานงาน(วิป)พรรคร่วมรัฐบาล ในฐานะส.ส.ฝ่ายรัฐบาล, ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)ในฐานะส.ส.ฝ่ายค้าน และเลขาธิการวุฒิสภาในฐานะผู้แทนฝ่ายสมาชิกวุฒิสภา ให้คัดเลือกผู้แทนฝ่ายละ2 คน ,ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.)คัดเลือกผู้แทน 3 คน,ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ คัดเลือกผู้แทน 1 คนและที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล คัดเลือกผู้แทน 1 คน เพื่อเข้าร่วมคณะกรรมการสมานฉันท์
เผยยังไม่ส่งเชิญตัวแทนม็อบ
ส่วนผู้แทนจากกลุ่มผู้ชุมนุม 2 คน และกลุ่มผู้มีความเห็นเป็นอื่นอีก 2 คน ยังไม่มีการส่ง เนื่องจากจะต้องรอการพิจารณาก่อนว่าจะต้องประสานงานกับบุคคลใด และเมื่อฝ่ายต่างๆได้ผู้แทนมานั่งกรรมการสมานฉันท์แล้ว ที่ประชุมกรรมการฯจะคัดเลือกบุคคลมาทำหน้าที่ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีประสบการณ์ด้านการปรองดอง อีก 4 คน มาทำหน้าที่ต่อไป
‘ไพบูลย์’เตรียมกมธ.แก้ไขรธน.
ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ในฐานะรองประธาน กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมกล่าวว่า ตนจะเสนอต่อ คณะกรรมาธิการฯให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญฯมาตรา256/13วรรคห้าและวรรคหกซึ่งร่างเดิมบัญญัติว่า“การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จะกระทำมิได้”กรณีที่รัฐสภาวินิจฉัยว่า ร่างรัฐธรรมนูญมีลักษณะตามวรรคห้า ให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้น เป็นอันตกไป”
“ผมจะเสนอแก้ไขเพิ่มเติมให้เป็น ดังนี้ การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ รวมทั้งพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในหมวดอื่นของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจะกระทำมิได้ และต้องบัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาลให้ มาตรา 269 มาตรา 272 และมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ยังคงมีผลใช้บังคับได้ต่อไป
เมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญ จัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าเป็นการชอบด้วยวรรคห้าหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญ ต้องวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ ไม่เป็นไปตามวรรคห้าให้ส่งร่างรัฐธรรมนูญคืนแก่สภาร่างรัฐธรรมนูญดำเนินการแก้ไข กรณีที่สภาร่างรัฐธรรมนูญไม่แก้ไขให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป
ห้ามแตะหมวดพระราชอำนาจ
นายไพบูลย์กล่าวอีกว่าเหตุที่เสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา256/13วรรคห้าและวรรคหก เพื่อให้เป็นไปตามความห่วงใยของกลุ่มประชาชนปกป้องสถาบันฯที่ออกมาคัดค้านการตั้งสสร.เนื่องจากห่วงกระทบพระราชอำนาจ แม้ตนจะโหวตให้มีการจัดตั้ง สสร.แต่มีจุดยืนไม่ยอมให้แก้ไขในส่วนเกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจ ในฐานะ กมธ.จึงเสนอให้นอกจาก ตามร่างรัฐธรรมนูญเดิม ห้ามแก้ไขเพิ่มเติมหมวด1บททั่วไป หมวด2พระมหากษัตริย์แล้ว ขอเสนอเพิ่มเติม ให้ห้ามแก้ไขพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ให้ครอบคลุมในหมวดอื่นๆของรัฐธรรมนูญด้วย และแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา256/13วรรคหก เมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าเป็นการชอบด้วยวรรคห้าหรือไม่ แทนเดิม กำหนดให้รัฐสภาเป็นองค์กรวินิจฉัย
ให้คงมาตรา269,272,279ไว้
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนที่เสนอ ต้องบัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญฯฉบับ สสร ให้ มาตรา 269 มาตรา 272 และมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญ2560 ยังคงมีผลใช้บังคับได้ต่อไป ด้วยเห็นว่าคง มาตรา 269 เพื่อรักษาสิทธิ์ ส.ว.ให้ดำรงตำแหน่งครบตามวาระ ส่วนที่เสนอให้คงมาตรา 272 เพราะมีที่มาจากประชาชน15ล้านคน ออกเสียงเห็นชอบ เฉพาะมาตรานี้ซึ่งมีผลในระยะ5 ปีแรกเท่านั้น และเสนอให้คง มาตรา279 เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับการดำเนินคดีเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบของนักการเมืองและข้าราชการที่ดำเนินการไปในสมัยคสช ดังนั้นตนจะเสนอต่อคณะกมธ.เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญมาตรา256/13 วรรคห้าและวรรคหกดังกล่าวเมื่อที่ประชุมกมธฯมีการพิจารณามาตราดังกล่าว
‘พี่เต้’ถอนตัวร่วม รบ.ฉะ’บิ๊กตู่’
ขณะที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ไลฟ์สดกลางดึกเมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย.เปิดใจประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม โดยอ้างว่านายกฯไม่มีความจริง ในในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีการปล่อยให้เกิดม็อบชนม็อบ ทำให้ประชาชนสองฝ่ายปะทะกันจนบาดเจ็บจำนวนมาก ที่สำคัญคือใช้กฎหมาย ม.112ดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม ทั้งที่นายกฯเคยบอกเองว่าในหลวง ไม่ต้องการให้ใช้กฎหมายมาตรานี้ เพราะมีอัตราโทษหนัก
“ผมยังมองไม่เห็นอนาคตว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อไปเรื่อยๆแบบนี้จะเกิดผลดีอย่างไร ยังมองไม่เห็นว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้อย่างไร เพราะท่านไม่มีความจริงใจแต่ยิ่งอยู่ บ้านเมืองยิ่งแตกแยก ผมจึงไม่สามารถอยู่ร่วมกันรัฐบาลของท่านต่อไปได้ ที่ผ่านมาท่าน ก็มีความดี แต่ตอนนี้ความดีไม่มีเหลือแล้วและยังเพิ่มความโกรธให้ประชาชน ทำให้ประชาชนขัดแย้งกับสถาบัน ผมจึงตัดสินใจออกมาเป็นฝ่ายค้านอิสระโดยมีจุดยืนคือ ภักดีต่อสถาบัน ซื่อสัตย์ต่อประชาชน และทำตามอุดมการณ์10ข้อของพรรค ผมมุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จ”นายมงคลกิตติ์ ย้ำ
“สิระ”หิ้วกล้วย3ลูกแจก“เต้”
ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ได้นำกล้วยหอมจำนวน 3 ลูก เตรียมมอบให้กับ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ หลังจากนายมงคลกิตติ์ ไลฟ์เฟซบุ๊กประกาศถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อไปทำหน้าที่ฝ่ายค้านอิสระ
โดยนายสิระระบุไม่แน่ใจว่านายมงคลกิตติ์ลาออกเอง หรือถูกบังคับให้ลาออก แต่มืออาชีพเมื่อออกไปแล้วก็ไม่มาว่า หรือสาวไส้กัน ขอให้ประชาชนดูว่าคนอย่างนี้เป็นคนอย่างไร วันนี้ถ้าเจอ ส.ส.เต้ จะเอากล้วยหอม ไปให้ เผื่อไม่ได้รับประทานข้าวเช้ามาสภา เดี๋ยวจะหิว ไม่มีอะไรกิน หรือหิวมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ก็กินกล้วย เผื่อจะได้มีสติปัญญาบ้างซึ่ง 3ลูกนี้ น่าจะพอ ถ้าไม่พอ ก็ไปหาเอาเอง
เมื่อถามว่าหากนายมงคลกิตติ์จะกลับมาร่วมรัฐบาลอีกจะต้อนรับหรือไม่ นายสิระย้ำว่า“ไปแล้วไปเลย อย่าเข้ามา และให้สัญญากับประชาชนด้วยว่าจะไม่กลับมา เพราะพฤติกรรมอย่างนี้ ใครจะต้อนรับ ผมไม่เอาคนหนึ่งแล้ว หนึ่งเสียงที่หายไป ไม่ได้มีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี