สยบข่าวปฏิวัติ-รัฐประหาร
กลาโหมโต้ม็อบ
ย้ำไม่มีมูล-อย่าขยายความ
ตร.ตามล่าคณะราษฎรบุกราบ11
พ่นสีทุบรถปล่อยลมพังยับ20คัน
‘กวิ้น,รุ้ง,ไมค์,อานนท์’ขึ้นโรงพัก
โดนคดีม.112ขู่ชุมนุมเข้มกว่าเดิม
กห.โต้ม็อบปูดข่าว“ปฏิวัติ-รัฐประหาร”ไม่มีมูลอย่านำไปขยายผลหวังเสี้ยมให้ระแวงกันชี้ชุมนุมเป็นพัฒนาการทางการเมือง ถ้าถูกต้องจะเป็นพลังเปลี่ยนแปลงสังคมที่ดีของคนรุ่นใหม่-เก่า ด้านตำรวจตามล่าผู้ชุมนุมคณะราษฎรมือบอน กรณีบุกกรมทหารราบที่ 11 ทั้งพ่นสี ทุบรถปล่อยลมยางพังไป 20 คัน ขณะที่ “อานนท์-กวิ้น-รุ้ง-ไมค์”เข้ารับทราบข้อหา ม.112 ยืนยันไม่กังวล ขู่เดินหน้าชุมนุมเข้มข้นกว่าเดิม
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหม ถึงการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มราษฎร ว่า นายรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่ได้พูดโดยตรง อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคงยังคงติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างต่อเนื่องโดยดูแลให้เกิดความสมดุล เราเข้าใจว่าประชาชนมีสิทธิ์ในการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธเพียงแต่การชุมนุมจะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ และต้องตกลงในเงื่อนไขที่ไม่ให้กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นและประโยชน์สาธารณะ
พล.ท. คงชีพ กล่าวด้วยว่าฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะตำรวจยังคงใช้กฎหมายปกติ คือพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ 2558 และยังคงดำรงเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัตินี้โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกเพื่อส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของผู้ชุมนุมที่ถูกกฎหมายและปกป้องความสงบเรียบร้อยของสังคมและความปลอดภัยของประชาชนทุกคน ทั้งนี้เราคงปฏิบัติงานโดยยึดหลักสากล ดูแลไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งของผู้ชุมนุมสองฝ่ายและติดตามทำความเข้าใจ โดยเจ้าหน้าที่ทุกคนอดทนต่อการยั่วยุ และจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนและประเทศชาติ
สยบข่าวปฎิวัติรัฐประหาร
เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าจะมีการทำปฏิวัติรัฐประหาร พล.ท.คงชีพ ยืนยันว่า ไม่มี ซึ่งได้รับการยืนยันจากผู้ใหญ่ทุกฝ่ายแล้ว คือทั้งนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพ เรื่องนี้ไม่มีมูลยืน ยันว่าไม่มีเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในลักษณะนี้ ขออย่าได้ขยายความให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคมเกิดความหวัดระแวงกัน คือต่างคนต่างทำหน้าที่ เชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายจะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด
“การชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นการพัฒนาทางการเมือง ถือเป็นความตื่นตัวตื่นรู้ทางการเมืองร่วมกันในการมีส่วนร่วมของสังคมในครั้งนี้ ถือเป็นการเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าร่วมกันในการทำความเข้าใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีส่วนร่วมต่อการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นไปด้วยกัน เพราะฉะนั้นเราช่วยกันนำพลังที่เกิดขึ้นพัฒนาในเชิงบวก เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมและประเทศชาติให้ก้าวผ่านอย่างเข้มแข็งและแข็งแรง โดยเฉพาะกระบวนมีส่วนร่วมทางประชาธิปไตยในสังคมได้ถูกต้อง” โฆษกกลาโหม ระบุ
เช็คบิลม็อบบุกราบ 11
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงการชุมนุมกลุ่มราษฎร ที่บริเวณด้านหน้ากรมทหารราบ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เมื่อเย็นวันที่ 23 พฤศจิกายน ว่า เบื้องต้นการชุมนุมไม่ได้มีการแจ้งจัดการชุมนุม และผู้กำกับการ สน.บางเขน ได้ประกาศให้ยุติการชุมนุมในเวลา 18.00 น.แต่ผู้ชุมนุมยังฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหน้าที่ ชุมนุมจนถึงเวลา 22.00 น.ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลังยุติการชุมนุมมีทรัพย์สินของราชการเสียหายหลายรายการ โดยเฉพาะรถตู้ของตำรวจมีการถูกทุบทำลาย พ่นสี และปล่อยลมยาง รวมกว่า 20 คัน
รวมทั้งบริเวณสวนหย่อมของ กทม.ถูกทำลายทำให้เสียหาย และผู้ชุมนุมบางส่วนนำสีมาเทใส่พื้นที่อยู่ด้านหน้ากรมทหารราบที่ 11 สกปรกเลอะเทอะ ตำรวจจึงได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยงข้องเข้าตรวจสอบประเมินความเสียหาย พร้อมแจ้งความดำเนินคดีแล้ว โดยภาพรวมของการชุมนุมเมื่อวาน พบว่าเข้าข่ายความผิดอย่างน้อย 2 ข้อหา คือ จัดการชุมนุมโดยผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ และทำให้เสียทรัพย์ซึ่งทรัพย์สินของทางราชการ ส่วนการปราศรัยของแกนนำอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดใดบ้าง
รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตำรวจยังสามารถจับกุม นายวชิระ ศรีงาม หรือเจี๊ยบ หนึ่งในผู้ชุมนุมที่ไปทุบทำลาย และปล่อยลมรถตู้ตำรวจ สน.สายไหม ที่จอดอยู่ตรงป้ายรถประจำทางบริเวณใกล้กับจุดที่มีการชุมนุม ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีเรียบร้อย
ดำเนินคดีกว่า170คดีแล้ว
ขณะที่ภาพรวมการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่ที่มีการจัดการชุมนุมจนถึงปัจจุบัน มีการดำเนินคดีทั่วประเทศไปแล้วกว่า 170 คดี เฉพาะในกรุงเทพมหานคร 110 คดี ส่งสำนวนให้อัยการไปแล้ว 21 คดี ส่วนเกือบทั้งหมดอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง นอกจากนี้ ยังมีคดีที่รอส่งให้อัยการอีก 4 คดี และคดีที่อยู่ระหว่างรอสอบสวนอีก 85 คดี ส่วนที่การประกาศรวมตัวชุมนุมช่วงบ่ายวันนี้ที่ สน.ชนะสงคราม และ สน.ลุมพินี เพื่อให้กำลังใจแกนนำที่ถูกดำเนินคดี ซึ่งก็ยังไม่ได้มีการแจ้งจัดการชุมนุมแต่อย่างใด
จี้เอาผิดม็อบสวมเสื้อเกราะ
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีกลุ่มบุคคลรวมตัวกันทำหน้าที่เป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัยหรือการ์ดให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ผิดกฎหมายที่เรียกตนเองว่าราษฎร 2563 ในพื้นที่จัดการชุมนุมต่างๆ ได้จัดหาเสื้อเกราะมาสวมใส่อยู่ตลอดเวลา ล่าสุดคือการชุมนุมที่บริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 11 เขตบางเขน มีการ์ดของคณะราษฎรและประชาชนทั่วไปที่มาร่วมชุมนุมนำเสื้อเกราะมาใส่อย่างเปิดเผยนั้น เสื้อเกาะดังกล่าวถือว่าเป็นยุทธภัณฑ์ตามประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง กําหนดชนิดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาต ตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 ลงวันที 30 พ.ย.2550 ซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายควบคุม ประชาชนทั่วไปไม่สามารถจัดซื้อจัดหามาใช้เองได้
กวิ้น-ไมค์-รุ้ง-นนท์ มอบตัวคดีม.112
ที่ สน.ชนะสงคราม นายอานนท์ นำภา หรือทนายอานนท์ , นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน , น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง , นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และนายปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ เดินทางมาเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน ในความผิดข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 คดีนี้สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง บริเวณสนามหลวง ในช่วงวันที่ 19 - 20 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา
โดย นายอานนท์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เป็นกังวลที่ถูกใช้มาตรา 112 มาดำเนินคดี พร้อมต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม เพราะมั่นใจในพยานหลักฐานที่ตัวเองมีว่าไม่ได้กระทำผิด และยืนยันว่า แกนนำจะยังคงยึดมั่นในแนวทางชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยจากนี้ไปจะมีแนวทางการเคลื่อนไหวที่เข้มข้นมากขึ้น
ขณะที่ น.ส.ปนัสยา ยืนยันว่า เป็นการปฏิรูปไม่ใช่ล้มล้าง แม้จะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 แต่ยืนยันว่าจะไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหว พร้อมจะยึดมั่นแนวทางการเคลื่อนไหว 3 ข้อเรียกร้องต่อไป
มีงมีรายงานว่า ในพื้นที่ สน.ชนะสงคราม ยังพบ นายพริษฐ์ มีการกระทำความผิด เข้าข่ายมาตรา 112 อีก 1 คดี จากการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 พ.ย.บริเวณแยกคอกวัว ซึ่งคดีนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนนายพริษฐ์ ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า พนักงานสอบสวนพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.อุบลราชธานี ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมไปก่อนหน้านี้แล้ว
บิ๊กตู่บอกต้องใช้กฎหมายเข้มข้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่สังคมกำลังเอือมระอากับการชุมนุมว่า ต้องฟังความทั้งสองฝ่าย อยากให้เข้าใจว่ากรกรีที่รัฐบาลจะต้องจัดการเด็ดขาดในการบังคับใช้กฎหมาย และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงหลักการและเหตุผลในการบังคับใช้กฎหมายมีขั้นตอนและกระบวนการมากมาย รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีหลายฉบับ แต่ทั้งนี้ต้องดูเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินทั้งของผู้ชุมนุมและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างกัน อยากให้ระมัดระวังเรื่องการสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น การชุมนุมในพื้นที่ปิดจะดีกว่าไปยึดถนนทำให้คนเดือดร้อนจากการจราจรที่ติดขัด อยากให้พิจารณาถึงสังคมโดยรวมด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีการมองว่าสื่อตั้งคำถามยั่วยุนั้น อยากให้สังคมติดตามดู ตนอยากให้สื่อนำเสนอข่าวที่เป็นกลางและเป็นประโยชน์ บางครั้งก็เป็นการไม่สมควรในสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสิ่งที่สมเด็จพระราชินีเสด็จเยี่ยมเยียนประชาชนแต่สื่อกลับนำเสนอพร้อมภาพประกอบไม่มาก ในขณะที่ข่าวการชุมนุมสื่อกลับให้ความสำคัญนำเสนอข่าวเต็มที่ อยากให้ชั่งน้ำหนักถึงความเหมาะสมด้วย รวมถึงข่าวที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจภาพรวมประเทศ อยากให้มีข่าวทั้งสองด้าน อย่าลืมว่าประเทศอยู่ได้เพราะคนทั้งประเทศช่วยกันเดินหน้า ตนในฐานะนายกฯก็บังคับใช้กฎหมายกับทุกกลุ่มทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน แต่ทั้งนี้กฎหมายก็คุ้มครองเรื่องสิทธิเสรีภาพเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการกระทำที่เกินเลย อยากให้สื่อช่วยกันตักเตือนเพราะบางครั้งก็อาจจะขยายความรุนแรงเช่นจำนวนกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีการพูดถึงในแต่ละวันก็เห็นแต่ภาพถ่าย แต่มีการไปเขียนว่ามีการมาเป็นจำนวนมาก ต้องดูด้วยว่าจริงหรือไม่ โดยเฉพาะที่มีการพูดว่ามาเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านก็ต้องไปดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ห่วงสื่อมวลชนได้รับอันตราย
ทั้งนี้ก็เป็นห่วงสื่อมวลชนที่ไปทำข่าวในพื้นที่หากเกิดความรุนแรงจะได้รับอันตราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ใช่ความรุนแรง แต่ทหารต้องดูแลหน่วยที่ตั้งของตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้บุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม อย่างไรก็ตามตนได้เน้นย้ำให้ดูแลเรื่องเบี้ยเลี้ยงของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน มีการเบิกจ่ายให้ตรงเวลา ซึ่งงบประมาณมีอยู่แล้ว แต่อาจมีปัญหาติดขัดบ้าง ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี