ดีอีเอสเดินหน้าดำเนินคดี
ผู้กระทำผิด496ยูอาร์แอล
โพสต์ผิดกม.ความมั่นคง
กระทรวงดีอีเอส ยื่นฟ้องดำเนินคดี 496 ยูอาร์แอล พบหลักฐานชัดเจนโพสต์ละเมิดกฎหมายความมั่นคง และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ช่วง 13 ต.ค.-4 ธ.ค.เตือนใช้สื่อโซเชียลอย่างสร้างสรรค์ ถึงใช้บัญชีอวตารก็สืบหาตัวบุคคลได้ “วิษณุ” กระตุ้นสำนึกสื่อสร้างสรรค์ หยุดกระบวนการเฟคนิวส์ระราน-ทำลายความสามัคคี ปลุกพันธมิตรทั่ว ปท.เฝ้าระวัง
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แถลงข่าวการดำเนินคดีเว็บไซต์ผิดกฎหมาย ระหว่างวันที่ 13 ตุลาคม-4 ธันวาคม 2563 ว่า ได้รวบรวมหลักฐานและดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด ทั้งสิ้น 496 ยูอาร์แอล แบ่งเป็น เฟซบุ๊ก 284 ยูอาร์แอล, ยูทูบ 81 ยูอาร์แอล, ทวิตเตอร์ 130 ยูอาร์แอล และอื่นๆ 1 ยูอาร์แอล ในส่วนนี้ ได้ดำเนินการพิสูจน์ทราบตัวตนบุคคลแล้ว จำนวน 19 บัญชี แบ่งเป็น เฟซบุ๊ก 15 ราย และ ทวิตเตอร์ 4 ราย โดยส่งข้อมูลผู้กระทำความผิดให้ บก.ปอท. ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายแล้ว
สำหรับผลการทำงานดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยกองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ปท.) กองกฎหมาย ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ซึ่งได้ร่วมกันตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายความผิดบนสื่อสังคมออนไลน์ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ในช่วงวันที่ 13 ตุลาคม-4 ธันวาคม 2563
“ขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นบัญชีจริงหรืออวตาร เจ้าหน้าที่สามารถพิสูจน์ทราบตัวตนบุคคลได้ การโพสต์ใดๆ ควรเป็นไปอย่างมีวิจารณญาณสร้างสรรค์และเคารพกฎหมาย” นายพุทธิพงษ์กล่าว
ขณะที่ การดำเนินการของเพจอาสา จับตา ออนไลน์ ในเดือนพฤศจิกายน ได้รับแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดกฎหมายจากประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 11,914 ยูอาร์แอล โดยจากการตรวจสอบ พบว่า ซ้ำซ้อน/ไม่พบยูอาร์แอลนั้นๆ /ไม่เข้าข้อกฎหมาย จำนวน 11,088 ยูอาร์แอล และมีจำนวนที่เข้าข้อกฎหมาย 826 ยูอาร์แอล แบ่งเป็น เฟซบุ๊ก 357 ยูอาร์แอล, ยูทูบ 231 ยูอาร์แอล, ทวิตเตอร์ 160 ยูอาร์แอล, Tiktok 4 ยูอาร์แอล และเว็บไซต์/อื่นๆ 74 ยูอาร์แอล โดยศาลมีคำสั่งแล้วจำนวน 765 ยูอาร์แอล และอยู่ระหว่างประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก 61 ยูอาร์แอล
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้ดำเนินการตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (แพลตฟอร์ม) ที่ไม่ดำเนินการปิด/ลบเนื้อหาผิดกฎหมายภายใน 15 วัน ตามที่มีการส่งหนังสือไปแจ้งเตือนให้ดำเนินการ โดยในเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีการดำเนินการส่งหนังสือแจ้งเตือนไปแล้ว 2 ชุด และคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีการทำหนังสือแจ้งเตือนอีก 1 ชุด
ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานปาฐกถาพิเศษในเวทีส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน 5 ภูมิภาค โดยกล่าวตอนหนึ่งว่ากองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรารค์ก่อตั้งมา 5 ปีซึ่งรัฐบาลตระหนักดีว่ากองทุนดังกล่าวมีความสำคัญ เนื่องจากโลกทุกวันที่เราต้องอยู่กับสื่อ ที่มีการส่งข้อมูลข่าวสารไปยังบุคคลอีกฝ่าย ขณะที่สื่อเฉพาะบุคคลไม่ค่อยมีปัญหามากนัก แต่ถ้ามีก็จะไม่ขยายวงกว้าง แต่ถ้าเป็นสื่อที่มีเนื้อหาสาระมากๆและเนื้อหาไม่ปลอดภัย ไม่สร้างสรรค์ คือสื่อที่นำเสนอข่าวเท็จ ระรานผู้อื่น หรือที่เรียกว่าเฟคนิวส์ หรือข่าวสารที่ทำให้เกิดการจงเกลียดจงชัง เกิดความรู้สึกเป็นศัตรู ทั้งหมดนี้เป็นสื่อที่ไม่ปลอดภัย และไม่สร้างสรรค์ มีแต่ทำให้เกิดความแตกร้าวทางความสามัคคี หากเกิดการหลงเชื่อในข่าวสารนั้น ก็จะทำให้เกิดผลร้าย ซึ่งบทบาทของสื่อในวันนี้ไปไกลมากกว่าที่มีในอดีต เพราะสื่อในวันนี้นำเสนอข่าวสารทำให้เราเปิดโลกทัศน์ออกไปรวดเร็วว่องไวกว่าในอดีต
“เทคโนโลยีทำให้ข่าวสารมาได้รวดเร็ว ถ้านำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ก็จะเกิดการเรียนรู้แต่ถ้านำมาใช้ในทางไม่สร้างสรรค์ สิ่งที่จะเกิดขึ้นย่อมเป็นอันตราย เพราะข่าวร้ายมันไปได้เร็ว และคนก็เชื่อ ทั้งในทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจ ดังนั้นรัฐจึงมอบหมายให้กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยฯ เป็นหน่วยงานที่จะช่วยทำให้เกิดสื่อสร้างสรรค์และมีความปลอดภัย จะมากน้อยไม่สำคัญแต่จำเป็นต้องช่วย แม้บุคคลากรและงบประมาณจะมีไม่มากที่จะใช้ผลิตสื่อกระตุ้นเตือน ปลอดภัย และสร้างสรรค์ จึงต้องสร้างการมีส่วนร่วมด้วยการหาพันธมิตร อาสาสมัคร และเครือข่าย” นายวิษณุ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี