“ปิยบุตร” เปิดเวที “บึงกาฬ” หนุน “ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น” - ปลุก ปชช.เลือกส่งเสียงสะท้อนไล่ “ประยุทธ์” - เจ้าตัวมั่นใจ “ปักธงก้าวหน้า – ธงประชาธิปไตย”ไม่ต้องรอ 10 ปีปลดแบน - เลือกนายก อบจ. “คณะก้าวหน้า” วันนี้ ได้ “ธนาธร” ลุยงานบริหารท้องถิ่นทันที
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2563 ที่ อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า พร้อมด้วยนายภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บึงกาฬ เบอร์ 2 พร้อมด้วยทีมผู้สมัครสมาชิกสภา อบจ. ร่วมเปิดเวทีปราศรัยหาเสีย เชิญชวนประชาชนร่วมลงคะแนนให้ผู้สมัครของคณะก้าวหน้าเพื่อการเปลี่ยนแปลงและยืนยันสานต่อภารกิจพรรคอนาคตใหม่และจุดยืนหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.
นายภูมิพันธ์ กล่าวว่า คณะก้าวหน้าให้โอกาสคนธรรมดาได้มาลงเป็นผู้สมัครนายก อบจ. ตนเองพร้อมยืนเคียงข้างแกนนำคณะก้าวหน้าร่วมต่อต่อต้านเผด็จการ และสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างเข้มแข็ง และการแข่งขันของเรายืนหยัดด้วยอุดมการณ์แนวทาง 3.เรื่อง คือ 1. แนวทางประชาธิปไตย 2. แนวทางการเมืองแบบใหม่ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ยืนหยัดด้วยเสียงบริสุทธิ์ของพี่น้องประชาชน ทำเพื่อประชาชน และ 3.ไม่ทุจริตคอรัปชั่น ไม่เข้ามาเพื่อผลประโยชน์และความร่ำรวย และตนมีความมั่นใจสำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ ว่าจะสามารถปักธงคณะก้าวหน้า ปักธงประชาธิปไตยในบึงกาฬได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ สำหรับเป้าหมายของเราในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของคนบึงกาฬ หลักๆแล้วมีสองเรื่อง 1.ความต้องการของพี่น้องชาวเกษตรกรที่ต้องการรายได้เพิ่ม ทุกวันนี้รายได้มวลรวมของจังหวัดบึงกาฬอยู่ที่ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาทต่อปี หารแล้วจะตกเฉลี่ยอยู่ที่ 7.8 หมื่นบาทต่อคนต่อปี ซึ่งเราตั้งเป้าว่าจะต้องบริหารเพื่อเพิ่มให้ไปถึงค่าเฉลี่ยที่ 1.2 แสนบาทต่อคนต่อปีให้ได้ และ 2. ความสุขมวลรวมที่วัดโดยสำนักงานส่งเสริมสุขภาพ (สสส.) วันนี้บึงกาฬอยู่ที่ 7.2 เราตั้งเป้าจะเพิ่มให้ไปถึง 8 ให้ได้
“ยางพาราเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนจังหวัดบึงกาฬ เรามุ่งมั่นอย่างมากที่จะผลักดันให้เกิดการแปรรูปขึ้นในจังหวัดของเรา ให้เรามีสิทธิในการกำหนดราคา นอกจากนี้เรายังเห็นถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน เราเห็นความสำคัญของเศรษฐกิจพื้นฐานของพี่น้อง นโยบายทั้งหลายเราใช้เวลาคิดมาเป็นปี ทำงานร่วมกันกับพี่น้องในการลงศึกษาดูพื้นที่ต่างๆ และเรายังมีนโบายด้านสาธารณูปโภค สวนสาธารณะ น้ำไฟฟ้า ประปา ฯลฯ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดของเรา นั่นคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน" นายภูมิพันธ์ กล่าว
นายภูมิพันธ์ยังระบุว่านอกจากนี้ คณะก้าวหน้าบึงกาฬยังมีนโยบายอีกหลายอย่างที่สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของชาวบึงกาฬ นั่นคือการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยว ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก ต่อยอดและพัฒนาจุดดึงดูดในพื้นที่ท่องเที่ยว และที่สำคัญคือการสร้างระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมโยงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเข้าหากัน
“ในด้านการขนส่งสาธารณะ มีนโยบายในการสร้างระบบขนส่งมวลชนระยะทาง 23 กิโลเมตร เชื่อมต่อจุดผ่านแดนบึงกาฬไปยังตัวเมืองบึงกาฬ และสิ้นสุดที่วัดโพธาราม ในราคาที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ที่ 15 บาทตลอดสาย รวมทั้งให้มีอัตราการเดินรถที่สะดวกและเพียงพอทุกๆ 30 นาที และทุกๆ 15 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน รวมถึงการพัฒนาพื้นที่รกร้างตามแนวการเดินรถให้เป็นสถานที่ค้าขาย นำรายได้ที่เกิดจากการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวและการคมนาคมให้กระจายลงสู่ชุมชน” ภูมิพันธ์ กล่าว
ด้าน นายปิยบุตร ระบุว่า สำหรับความเป็นมาที่พวกเรามาเป็นคณะก้าวหน้าและการมารณรงค์สู้ศึกชิงนายก อบจ.ในวันนี้ ต้องท้าวความย้อนไปตั้งแต่สมัยตั้งพรรคอนาคตใหม่ เชื่อว่าหลายคนที่นี่กาให้พรรคอนาคตใหม่ เราทุกคนทราบดีว่าเราก่อตั้งขึ้นมาเพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจของ คสช. และประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนั้นเราเสนอตัวนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนายกรัฐมนตรี พี่น้องสนับสนุนเรามา 6.3 ล้านเสียง แต่ธนาธรเข้าไปในสภาได้ไม่ถึง 10 นาทีก็ถูกเตะออกมาด้วยศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนตนยังได้เข้าไปทำงานในสภา พยายามเป็นปากเสียง แต่ก็มีเวลาอยู่แค่ 10 เดือน 28 วัน ศาลรัฐธรรมนูญก็ยุบพรรคอนาคตใหม่ตัดสิทธิดรรมการบริหารพรรค 10 ปี เตะตนออกมาจากสภาอีกคน แต่แม้พวกตนจะถูกตัดสิทธิออกมาแล้วก็ไม่ยอมอยู่เฉยๆ ถ้าทำแบบนั้นคนที่อยากให้ยุบพรรคจะได้ใจ เราเลยตั้งคณะก้าวหน้าขึ้นมาสืบสานแนวคิดของพรรคอนาคตใหม่ หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนการเมืองท้องถิ่น ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่น และผลักดันการกระจายอำนาจ เพราะฉะนั้นอย่าเสียดาย นี่ทำให้เราได้เดินทางมาพบกับพี่น้องได้ถึงที่ ได้ทุกที่
“วันนี้ก็มาอีกแล้ว มีพวกนักร้องเรียนไปร้อง กกต. ไปหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาทางสกัดกั้นพวกเราคณะก้าวหน้า ว่าเราทำตัวเสมือนพรรคการเมืองอีก และยังมีการมาปล่อยข่าวอีกว่าอย่าไปเลือกคณะก้าวหน้า เดี๋ยวคะแนนจะหายไปเปล่าๆ เพราะเดี๋ยวก็โดนคดีอีก ขอย้ำตรงนี้ว่า อย่าไปเชื่อ ยิ่งเป็นแบบนั้นพี่น้องยิ่งต้องมากาพวกเราให้มากๆ ให้ถล่มทลาย ยิ่งจะเป็นการช่วยไม่ให้พวกเราถูกคดี คนที่คิดจะทำลายพวกเรายิ่งต้องคิดหนัก ว่าจะยุบอีกกี่ครั้งประชาชนก็ยังสนับสนุนพวกเรา การยุบไปจะคุ้มหรือไม่ ทำให้เขาเห็นว่าเราไม่สยบยอมต่อพวกเขา” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า สิ่งหนึ่งที่เราจะสังเกตได้ คือช่วงนี้รัฐมนตรีต่างขยันมาก เดินทางไปจังหวัดต่างๆ ที่มีผู้สมัครเป็นเครือญาติกันลงสมัครเป็นนายก อบจ.แทบจะทุกสัปดาห์ ซึ่งไม่เป็นไร ต่างคนต่างทำหน้าที่ แต่สิ่งที่พวกเราต้องคิดกัน ว่าการที่คนในบ้านเดียวกันเป็นรัฐมนตรี อีกคนหนึ่งเป็น ส.ส. อีกคนเป็นนายกเทศมนตรี ฯลฯ เหมากวาดทุกตำแหน่งแบบนี้ เราเรียกว่าผูกขาดการเมืองหรือไม่ การที่ตระกูลหนึ่งสามารถยึดได้ทั้งจังหวัดทุกตำแหน่ง สำหรับเรานี่คือเรื่องที่เป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย การเมืองไม่ควรถูกผูกขาดไว้ที่บ้านหลังใดหลังหนึ่ง คณะก้าวหน้ายึดหลักว่าเจ้านายของเราคือประชาชน สำหรับภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ผู้สมัครนายก อบจ.ของเรา บ้านที่เขาสังกัดคือบ้านของชาวบึงกาฬทุกคน ชาวบึงกาฬทุกคนคือเจ้านายของเขา ไม่ใช่ธนาธร ไม่ใช่ปิยบุตร นี่คือการเมืองแบบใหม่แบบสร้างสรรค์ ที่ผ่านมาเวลาเราพูดเรื่องนายก อบจ. มีแต่คนบอกว่าการเมืองท้องถิ่นโหดนะ มีอิทธิพล เงินตรา อำนาจรัฐ กลไกต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องเต็มไปหมด แต่ที่เราตัดสินใจลงมาก็เพราะต้องการเปลี่ยนการเมืองแบบนี้
“หากการซื้อเสียงยังใช้ได้ผล ถ้ามีใครมาซื้อเสียงแล้วเรากาตามเขา ทำให้เขาได้รับเลือกตั้งไป เขาจะได้เข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่บริหารเงินแต่ละปีมีประมาณ 3-4 ร้อยล้านบาท ใครก็ตามที่เอาเงินมาแจก ขอให้พี่น้องตระหนักไว้เลยว่าที่เอาเงินมาแจกต้องอย่าไปกา ถ้าเขาได้มาเป็นนายก อบจ.เขาจะเอาคืนไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเท่า เพราะฉะนั้น ถ้าให้มาก็รับไว้ แต่ก็มองหน้าให้แม่นๆ ว่าเบอร์ไหน แล้วก็อย่าไปกา เราต้องการเปลี่ยนการเมืองแบบตระกูลให้เป็นแบบทั่วๆไป ภูมิพันธ์เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ เป็นประธานหอการค้านักธุรกิจรุ่นใหม่ อยากเข้ามาเปลี่ยนแปลงจังหวัดบึงกาฬ มีนโยบายต่างๆเต็มไปหมด ภูมิพันธ์ไม่ต้องใช้อะไรในการเดินเข้ามาคุยกับธนาธรและตน ไม่ต้องเป็นคนของบ้านไหน ไม่ต้องต่อแถวเดินตามนาย แต่ภูมิพันธ์มีความคิดประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ และมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอน ที่ทำให้คณะก้าวหน้าส่งภูมิพันธ์ลงชิงนายก อบจ.บึงกาฬ ดังนั้น อยากให้พี่น้องลองเลือกแบบใหม่ๆ หลายคนบอกว่าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าพี่น้องกาแบบเดิมก็จะไม่ได้แบบใหม่ เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการเปลี่ยนแปลงที่บึงกาฬ เราต้องกาหมายเลข 2 ให้เป็นนายก อบจ.บึงกาฬ แล้วจะได้การเปลี่ยนแปลงที่จังหวัดบึงกาฬแน่นอน” ปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวทิ้งท้ายว่า พี่น้องหลายคนที่มีมีจิตใจรักประชาธิปไตย ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เยาวชนที่ชุมนุมอยู่ที่กรุงเทพฯ ทำเท่าไหร่ประยุทธ์ก็ไม่ออกเสียที พี่น้องอยากช่วยแต่ต้องทำมาหากิน ไม่สามารถเสียค่ารถไปได้ ตนคิดว่ามีวิธีง่ายๆ ที่สามารถใช้ในการแสดงออกได้ทุกคน นั่นคือถ้าพี่น้องอยากให้ประยุทธ์ออกจากตำแหน่ง ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปชุมนุมก็ได้ ขอเพียงในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ เข้าคูหากาเลือกภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น เบอร์ 2 ให้เป็นนายก อบจ. เพราะนี่คือคนที่ธนาธรและตนสนับสนุนให้ลงที่นี่ ถ้าพี่น้องร่วมกันกาให้มากๆ จนถล่มทลาย นั่นก็คือการส่งสัญญาณไปดังๆ แล้ว ว่าเราไม่เอาประยุทธ์
“เพราะฉะนั้น ถ้ากาให้คณะก้าวหน้า พี่น้องจะได้การเมืองแบบใหม่ๆ ได้เปลี่ยนตัวนายก อบจ. เสียที นอกจากนั้น ยังได้ส่งสัญญาณว่าคนบึงกาฬไม่สนับสนุนประยุทธ์ ไม่เอาประยุทธ์ และที่สำคัญ พี่น้องที่เสียดายว่าพวกเราอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ถูกตัดสิทธิ อยากให้ไปทำงาน หลายคนบอก 10 ปีก็จะรอ กี่ปีก็จะรอ หากพี่น้องเห็นเราถูกรังแก ได้รับความอยุติธรรมมาตลอดเวลา เสียดาย ผมเสนอว่าถ้ายังรักธนาธร ยังรักผม เสียดายโอกาส ไม่ต้องรออีก 10 ปี วันที่ 20 ธันวาคมนี้ไปกากบาทเลือกผู้สมัครคณะก้าวหน้า นั่นก็คือการแสดงออกว่ายังรักและสนับสนุนพวกเราพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไปอยู่ แสดงออกให้พวกเขาเห็นว่าต่อให้ยุบอีกกี่พรรค พี่น้องประชาชนก็จะเดินหน้าสนับสนุนพวกเราต่อไป เลือกนายก อบจ.คณะก้าวหน้าวันนี้ ได้วิสัยทัศน์ธนาธรลุยงานบริหารท้องถิ่นทันที” นายปิยบุตร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี