รมว.ยุติธรรม แจงเงื่อนไขพักโทษ “ณัฐวุฒิ” พร้อมเผยจ่อพักโทษให้ติดกำไลอีก 16,000 คน ยันนักโทษ7กลุ่มร้ายแรงไม่มีสิทธิ์วอนสังคมอย่ากังวล
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2563 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการพักโทษนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช.ว่า กรณีของนายณัฐวุฒิเป็นการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ และได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ตาม พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ ซึ่งมีการพิจารณาคุณสมบัติผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์โดยคณะอนุกรรม
การเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ ซึ่งกรณีของนายณัฐวุฒิ มีเงื่อนไขการคุมประพฤติ คือ ระยะเวลาคุมประพฤติตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.2563 - 29 มี.ค.2564 ติดกำไล EM 3 เดือน 11 วัน และต้องรายงานตัวกับสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรีเดือนละ 1 ครั้ง รวมทั้งต้องเข้ารับการอบรมตามหลักสูตรที่กรมคุมประพฤติกำหนดภายในระยะเวลาติดกำไล EM ห้ามยุ่งเกี่ยวหรือมีส่วนร่วมกับกิจกรรมทางการเมืองใดๆ เช่น ห้ามให้สัมภาษณ์ ปราศรัย ออกสื่อ หรือแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และมีพนักงานคุมประพฤติออกสอดส่องติดตามในระยะเวลาคุมประพฤติ อย่างน้อย 1 ครั้ง ห้ามออกนอกเขตจังหวัดนนทบุรี เว้นแต่มีธุระสำคัญเป็นครั้งคราวให้ขออนุญาตพนักงานคุมประพฤติและได้รับอนุญาตก่อนจึงจะออกนอกเขตพื้นที่ได้ และห้ามออกนอกราชอาณาจักร
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนายณัฐวุฒิแล้วยังมีผู้ต้องขังที่ได้รับความเห็นชอบพักการลงโทษอีก 76 ราย ซึ่งทุกคนจะต้องปฏิบัติตามระเบียบและเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด ซึ่งการได้รับการพระราชทานอภัยโทษมีผู้ต้องขังที่ได้รับสิทธิแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ กลุ่มแรกผู้ที่ได้รับการลดโทษแล้วครบกับโทษที่ได้รับ ก็จะได้รับการปล่อยตัวเลย กลุ่มที่สอง ผู้ที่ได้รับการลดโทษแล้วโทษเหลือไม่ถึง 1 ปีจะได้รับการพักโทษโดยการติดกำไล EM และกลุ่มที่สาม ผู้ต้องขังที่ถูกคุมขังมาแล้ว 1 ใน 3 ลดโทษแล้วเหลือเกิน 1 ปีแต่ไม่ถึง 5 ปี ซึ่งมีอยู่ประมาณ 16,000 คน ตรงนี้เราจะมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะสามารถนำมาติดกำไล EM เพื่อพักโทษได้หรือไม่ ซึ่งต้องทำให้เสร็จภายใน 3 เดือน ตรงนี้จะเป็นการลดความแออัดภายในเรือนจำได้ ตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรม
“สังคมไม่ต้องวิตกกังวลผู้ที่พ้นโทษจากการพระราชทานอภัยโทษและพักโทษ เพราะผู้ต้องขังเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับคดีร้ายแรง 7 ประเภทคือ ฆ่าข่มขืนเด็ก ฆ่าข่มขืน ฆาตรกรต่อเนื่อง ฆาตรกรโรคจิต สังหารหมู่ ปล้นฆ่าชิงทรัพย์และนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ซึ่งคนกลุ่มนี้จะไม่ได้รับการลดโทษ และหากผู้ต้องขังกลุ่มนี้พ้นโทษเรามีระบบการติดตามโดยศูนย์ JSOC ซึ่งเราจะพยายามอธิบายให้สังคมเข้าใจในรูปแบบและหน้าที่ของศูนย์เรื่อยๆต่อไป และเมื่อสังคมรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน จะช่วยส่งข่าวให้รับรู้และจะทำให้เกิดการระวังตัวทำให้ไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นอีก ซึ่งผู้ที่ได้รับการลดโทษและพักโทษนั้นจะเป็นผู้ต้องขังคดีไม่ร้ายแรงและมีความประพฤติดีตามการพิจารณาอย่างเข้มงวดของคณะกรรมการฯเท่านั้น”นายสมศักดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี