‘กวิ้น-พวก’มอบตัว
ความผิดคดีมาตรา112
มติพรรคร่วมฝ่ายค้าน
คว่ำบาตรวงสมานฉันท์
ฝ่ายค้านตั้งโต๊ะแถลงยืนยันมติไม่เข้าร่วมวง กก.สมานฉันท์อัด รบ.ไม่จริงใจ และไม่เคยสร้างบรรยากาศของความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นจริง ด้าน”อานนท์-กวิ้น”รายงานตัวคดีม.112 ปมปราศรัยหน้าไทยพานิชย์
เมื่อวันที่ วันที่ 22ธันวาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 6พรรคได้ร่วมประชุมเพื่อพิจารณาทบทวนมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน กรณีการไม่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์โดย นายสมพงษ์ อมรวิวัตน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านขอยืนยันว่า จะไม่เข้าร่วม กก.สมานฉันท์ จนกว่ารัฐบาล คู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายจะเข้าร่วม และรัฐบาลต้องแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการสร้างบรรยากาศแห่งความปรองดอง ด้วยการยุติการคุกคาม ยุติการจับกุม คุมขัง ผู้เห็นต่าง ยกเลิกการตั้งข้อหากับผู้ชุมนุม อย่างขาดหลักแห่งความยุติธรรม
แนวทางแก้วิกฤตครั้งนี้ที่เหมาะสมที่สุดคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นกุญแจดอกสำคัญของการแก้ไขปัญหา รัฐบาลต้องทำให้สังคมยอมรับว่ามีความตั้งใจและจริงใจที่จะสร้างความเป็นประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง เพราะความเป็นประชาธิปไตยคือกลไกสำคัญที่ทุกฝ่ายจะยอมรับ และสร้างให้เกิดความเชื่อมั่น และคือหนทางสำคัญในการคลี่คลายทุกปัญหาของสังคมไทย ทั้งนี้ รัฐบาลควรแสดงความจริงใจโดยเร่งหาวิธีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นอำนาจของ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ ซึ่งเป็นประเด็นที่เป็นปัญหาให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ และยอมรับให้เกิดกระบวนการเลือก ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนทั้งหมด เพื่อพิสูจน์ให้ประชาชนเชื่อใจว่า พวกตนไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ และต้องการถอยออกจากอำนาจอย่างแท้จริง เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจกำหนดกฎกติกาให้เป็นประชาธิปไตย เพื่ออนาคตด้วยมือของประชาชนเอง
ไม่สนับสนุนระบบเผด็จการ
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน เราต้องระลึกว่า ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีความสมานฉันท์ เราเห็นด้วยกับการที่ต้องมีการสมานฉันท์ แต่ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจาก 1 การรัฐประหารโดย พล.อ.ประยุทธ์ 2.ระบอบการเมืองที่เกิดจากการรัฐประหารทำให้การเมืองถอยห่างออกจากความเป็นประชาธิปไตย 3.การใช้ไอโอสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในสังคม 4.การใช้อำนาจทั้งผ่านกระบวนการทางกฎหมาย และนอกกฎหมาย เพื่อกด และปราบปรามประชาชน ทำให้การสมานฉันท์ไม่เกิด และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ตราบใดที่ยังมีสิ่งเหล่านี้ ทั้งนี้ เราเคยมีคณะกรรมการสมานฉันท์ชุดต่างๆ ที่เคยสรุปแนวทางแก้ปัญหาข้อสรุปหนึ่ง คือการให้แก้มาตรา 112 วันนี้เราไม่เห็นหนทางแห่งการสมานฉันท์โดยที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้ใช้กฎหมายมาตรานี้มาดำเนินการกับประชาชน พรรคก.ก.มองว่าจะปรองดองกันได้ต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือ ต้องยุติการดำเนินคดีกับประชาชนในปัจจุบัน และต้องช่วยการสร้างระบอบการเมืองใหม่ผ่านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากประชาชน ผ่าน ส.ส.ร.ที่มาจากประชาชน และต้องร่วมกันไม่สนับสนุนระบอบที่มาจากเผด็จการ
รัฐบาลต้องแสดงความจริงใจ
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) กล่าวว่า ต้นเหตุของปัญหาความแตกแยกคือประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย และอำนาจไม่ได้มาจากประชาชน ดังนั้น รัฐบาลต้องแสดงความจริงใจ โดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญ ทุกส่วนไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ส.ว. และฝ่ายค้าน ต้องแสดงให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้นต้องแก้ไขความบกพร่องที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ได้ เช่น เรื่องอำนาจประชาชน อำนาจ ส.ว. ฯลฯ แบบนี้ถึงจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ ไม่ใช่แก้ในขณะที่บ้านเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตย และยังเป็นเผด็จการอยู่
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.) กล่าวว่า พวกเราฝ่ายค้านให้ความเคารพประธานสภา แต่รัฐบาลไม่มีความจริงใจเลยจริงๆ ตัวบุคลากรที่ทางรัฐบาลส่งเข้ามาเป็นคณะกรรมการ จะเข้ามาเพื่อปรองดองหรืออะไร ทั้งนี้ การจะเข้ามาสร้างความปรองดองต้องเอาคนที่จริงใจเข้ามาสร้าง ไม่ใช่เอาคนที่จะเข้ามาสร้างความขัดแย้งเพิ่มขึ้นเข้ามา เรื่องเหล่านี้รัฐบาลทำได้ ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจจริงๆ
ขณะที่นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า การสร้างความปรองดองสมานฉันท์สามารถสร้างได้ แต่จะสร้างได้จริงหรือไม่ เมื่อคณะกรรมการไม่มีอำนาจใดไปทำให้เกิดความปรองดองได้ ต้นเหตุของความขัดแย้งสะสมกันมานาน คนไทยก็ทดทน จนมาถึงมีการเลือกตั้ง ประชาชนก็พยายามเลือกคนใหม่เข้ามาบริหารบ้านเมือง แต่ก็ได้คนเก่าอีก กระบวนการยุติธรรมก็เป็นที่กังขา จึงเกิดความไม่เป็นธรรมในใจของทุกคน อย่างไรก็ตาม ประชาชน และฝ่ายค้านพร้อมที่จะปรองดองอยู่แล้ว แต่รัฐบาลต่างหากที่ยังไม่ทำ ดังนั้น การสร้างความปรองดองต้องเริ่มจากผู้มีอำนาจ ท่านต้องทำให้เห็นก่อน อย่างคณะกรรมการ นายกฯก็ควรเป็นตัวแทนของรัฐบาลมาร่วม แต่นี่แม้แต่จะพูดถึงเรื่อความปรองดองท่านยังไม่พูดถึงเลย แต่กลับส่งคนที่ประชาชนเห็นชื่อแล้วร้องยี้เข้ามา ตนจึงเห็นว่าการตั้งคณะกรรมการเป็นเพียงการยื้อเวลาในการอยู่ในอำนาจของรัฐบาลเท่านั้น
รอฝ่ายค้านตัดสินใจสมานฉันท์
นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงความคืบหน้าคณะกรรมการสมานฉันท์ว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลได้ส่งรายชื่อบุคคลที่เข้าร่วมเป็นกรรมการฯมาแล้ว ซึ่งชี้ให้เห็นถึงองค์ประกอบของคณะกรรมการที่เพิ่มขึ้น ส่วนฝ่ายค้านยังรอคำตอบอยู่ แต่ไม่ได้กดดันหรือคาดคั้น ซึ่งได้ชี้แจงเรื่องสัดส่วนกรรมการฯกับฝ่ายค้านไปแล้ว เพราะไม่มีการลงมติใดๆ แต่วัตถุประสงค์คือการระดมสมองและวางเป้าหมายของแต่ละฝ่าย เพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดความเรียบร้อย
5แกนนำม็อบรายงานตัวม.112
เวลา 10.00น.วันที่ 22ธันวาคม ที่ สน.พหลโยธิน นายอานนท์ นำภา พร้อม นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน น.ส.วรรณวลี เอมจิตต์ หรือตี้ พะเยา นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบร์ท นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือ ฟ้า รวม 6 คน พร้อมทนายความ เข้ารับทราบข้อหาตามหมายเรียกคดี ม.112 จากการชุมนุมปราศรัยในม็อบ 25 พฤศจิกา ไป หน้าธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ ถนนรัชดาภิเษก โดยมี พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.พหลโยธิน ร่วมสอบปากคำ
นายอานนท์ กล่าวว่า เหตุที่ถูกหมายเรียกครั้งนี้ เนื่องจากตนได้ขึ้นปราศรัยเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ไม่ได้กระทำการอื่นๆ ส่วนกิจกรรมในวันนี้จะไม่มีการเซอร์ไพรส์อะไร
ด้านทนายความกล่าวว่า วันนี้มีผู้ถูกหมายเรียกทั้งหมด 7 คน จากการชุมนุมครั้งเดียวกัน โดยมีนายพงศธรณ์ ตันเจริญ หรือ บอย ซึ่งติดธุระอยู่ที่ จ.มหาสารคาม จึงจะขอพนักงานสอบสวนเลื่อนวันนัดหมายออกไปก่อน ขณะที่นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ที่ถูกหมายเรียกก็กำลังเดินทางมา สำหรับการแจ้งข้อหาจะต้องรอพบพนักงานสอบสวนก่อนว่ามีคดีความอื่นอีกหรือไม่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.2 ได้จัดกำลังและตั้งแผงเหล็กไว้รอบหน้าโรงพัก พร้อมกันไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปภายใน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี