วันพฤหัสบดี ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ทายาทคณะราษฎร2475 แถลงทั้งน้ำตาสำนึกผิด ขอพระราชทานอภัยโทษแทนบิดา

ทายาทคณะราษฎร2475 แถลงทั้งน้ำตาสำนึกผิด ขอพระราชทานอภัยโทษแทนบิดา

วันอาทิตย์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.
Tag : ทายาทคณะราษฎร
  •  

ทายาทคณะราษฎร2475

แถลงทั้งน้ำตาสำนึกผิด

ขอพระราชทานอภัยโทษแทนบิดา

ช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองกระทำมิบังควร

ต่อทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

ทายาทคณะราษฎร 2475 “ขุนนิรันดรชัย” สายทบ.แถลงสำนึกผิดทั้งน้ำตาแทนบิดา ขอพระราชทานอภัยโทษ กระทำมิบังควรต่อทรัพย์สินฯ ช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ยันสถาบันกษัตริย์ต้องอยู่คู่ไทยตลอดไป ไม่เข้าใจตรรกะคนรุ่นใหม่ แนะศึกษาประวัติศาสตร์ให้ถ่องแท้ อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 26 ธันวาคม ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กทม.พล.ท.สรภฎ นิรันดร บุตรชายของพ.ต.เสวก นิรันดร หรือขุนนิรันดรชัย หนึ่งในสมาชิกคณะราษฎร 2475 สายทหารบกแถลงข่าวขอสำนึกผิดแทนบิดาที่ได้กระทำการมิบังควรต่อทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาเป็นของตนเองโดยมิชอบ


โดย พล.ท.สรภฎ กล่าวว่าขณะบิดามียศเป็นร.ท.ได้ร่วมกับผู้บังคับบัญชากระทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองในนามคณะราษฎร2475 สายทหารบก ต่อมาเมื่อรับราชการเป็น พ.ต.บิดาได้ลาออกเนื่องจากคณะราษฎรแต่งตั้งให้ท่านเป็น นายกอง ก่อตั้งอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อสร้างอาคารบนสองฝั่งถนนราชดำเนิน ท่านได้สร้างที่อยู่อาศัยเป็นตึก4 ชั้น ตรงข้ามวังสวนจิตรลดาปัจจุบันให้โรงเรียนเอกชนเช่านอกจากนี้ บิดาได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบพระคลังข้างที่กับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ปี2475–2491 และสมัยนั้นมีส.ส.อุบลราชธานี สมัยนั้นอภิปรายถึงความไม่โปร่งใสของคณะกรรมการตรวจสอบพระคลังข้างที่ บิดาจึงจับส.ส.ท่านนั้นโยนน้ำหน้าตึกรัฐสภาต่อมาบิดาได้ร่วมกับหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ก่อตั้งธนาคารนครหลวง กระทั่งบิดาได้เป็น ประธานธนาคารนครหลวงในเวลาต่อมา

บิดาสั่งเสียขอพระราชทานอภัยโทษ

พล.ท.สรภฎ กล่าวอีกว่า เรื่องสำคัญ คือ ก่อนบิดาเสียชีวิต บิดาได้สำนึกในความผิดว่าท่านเป็นข้าราชการทหารแต่ท่านได้เสียน้ำพิพัฒน์สัตยาต่อพระมหากษัตริย์ สมัยที่ท่านเป็นกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ท่านได้ทำเรื่องบางเรื่องที่มิบังควร ท่านได้สั่งเสียต้องการขอพระราชทานอภัยโทษ แต่บิดาก็ไม่มีโอกาสได้เสียชีวิตไปก่อน ด้วยโรคความดันโลหิตสูงและอัมพาต เวลาผ่านมาตนได้ปรึกษาเรื่องนี้กับพี่ชายต่างมารดาบอกว่าเป็นโอกาสอันดีที่เราควรจะทำกัน แม้แต่นามสกุลก็เป็นนามสกุลพระราชทาน แต่พี่ชายก็ได้เสียชีวิตไปก่อนตนเห็นว่าเวลานี้รั้งรอไม่ได้อีกเพราะบุตรของบิดาที่มีชีวิตอยู่มี4 คน เหลือตนเพียงคนเดียวที่ยังพอมีแรงทำได้ จึงต้องทำความประสงค์ของบิดาขอทำหน้าที่ตามที่ได้สั่งเสียไว้ก่อนเสียชีวิต

แนะคนรุ่นใหม่อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ

สิ่งที่อยากบอกคือสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับประเทศไทยมานาน อยากให้เยาวชนศึกษาประวัติศาสตร์ให้ถ่องแท้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ร่วมสร้างบ้านเมืองมาตั้งแต่อดีต แม้ย้อนไปช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศไทยแพ้สงครามกองทัพสัมพันธมิตรเข้าสู่ประเทศไทยเต็มไปหมด ด้วยพระบารมีล้นเกล้ารัชกาลที่ 8 ท่านเป็นประธานสวนสนามต่อกองทัพพันธมิตรซึ่งเป็นเกียรติประวัติแก่ประเทศไทย และอยากให้เยาวชนยึดถือพระราชดำรัสล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 ว่าการรับรู้สื่อต่างๆควรใช้สติรู้คิดปัญญารู้ตัว อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ เพราะเยาวชนเป็นอนาคตของประเทศ ซึ่งต้องดูแลและรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์และรักษาบ้านเมืองไว้ตราบชั่วฟ้าดินสลาย

“การปฏิวัติ 2475 ส่วนคุณพ่อได้สำนึกผิดก่อนเสียชีวิตในการกระทำ วันนี้ถ้าดวงวิญญาณคุณพ่อรับรู้คงไปสู่สุขคติ ผมได้ทำหน้าที่แทนคุณพ่อและไม่สามารถตอบแทนคณะราษฎรหรือลูกหลานคณะราษฎรคนอื่นได้ อย่างไรก็ตาม จากที่มีโอกาสคุยกับบุตรของคณะราษฎรบางคน ก็รู้สึกสำนึกผิด และอยากขอพระราชทานอภัยโทษเช่นกัน แต่ไม่มีโอกาส”พล.ท.สรภฎ กล่าว

ย้ำสถาบันกษัตริย์ต้องอยู่คู่ไทยตลอดไป

เมื่อถามว่าผู้ชุมนุมบอกว่า จะปฏิรูปสถาบันมองอย่างไร พล.ท.สรภฎ กล่าวว่า ตนมองว่าเยาวชนมีความรักต่อสถาบัน แต่การแสดงออกของเขาในรูปแบบต่างๆ ตนก็ไม่เข้าใจเพราะเขาเป็นอนาคตที่ต้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงอยู่ต่อไปซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์ หลังการแผ่อิทธิพลของจักรวรรดินิยม

เมื่อถามว่าในอนาคต จะมีการคืนทรัพย์สินกลับไปหรือไม่ นายสรภฎ กล่าวว่า“ส่วนตัวไม่ขัดข้อง เพราะแม้แต่ชีวิต ก็สละให้ได้ แต่ต้องถามความเห็นของหลานๆและของที่คืนกลับไปต้องบริสุทธิ์ผ่องใส”

เมื่อถามการฟ้องร้องเกี่ยวกับคดีมรดกของครอบครัวเมื่อปี2561พล.ท.สรภฎ กล่าวว่าภายหลังได้ถอนฟ้องแล้วในปี2562 เนื่องจากพูดคุยเข้าใจกัน เป็นพี่น้องกัน ก็ถอนฟ้องหมด

บั้นปลายชีวิตพ่อสำนึกก็ไม่มีโอกาส

ภายหลังแถลงข่าวเสร็จสิ้น พล.ท.สรภฎได้พูดคุยเพิ่มเติมกับนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ม.รังสิต ที่เดินทางมาติดตามการแถลงข่าวและให้กำลังใจ โดยพล.ท.สรภฎระบุว่าคุณพ่อเสียตอนตนอายุ14ปี รู้เรื่องการเมืองและคณะราษฎรจากคุณแม่ซึ่งจะรู้การเมืองเยอะ หลายเรื่องทราบจากที่คุณแม่ถ่ายทอดให้ฟัง บางเรื่องไม่สามารถถ่ายทอดต่อสาธารณะได้เพราะเป็นในทางลบ จะเสียหาย ไม่ถูกต้องซึ่งมีเหตุผลอย่างยิ่ง ที่พ่อสำนึกผิด พ่อบอกทำอะไรไว้หลายประการไม่ถูกต้องจึงอยากขอพระราชทานอภัยโทษ บั้นปลายชีวิตท่านไม่มีโอกาสแล้วเพราะเป็นอัมพาต ได้แต่นอนร้องไห้บอกที่ท่านเป็นอย่างนี้ เพราะท่านถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ทำไม่บังควรต่อสถาบันระมหากษัตริย์

จัดพิธีขอพระราชทานอภัยโทษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการแถลงข่าวพล.ท.สรภฎได้ทำพิธีขอพระราชทานอภัยโทษต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.7 พระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวอานันทมหิดล ร.8 และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ร.9 โดยกล่าวทั้งน้ำตา และน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า “ข้าพเจ้า พล.ท.สรภฎ นิรันดร กราบขออภัยแทนบิดาคือ พันตรีเสวก นิรันดรคณะราษฎร 2475 ซึ่งไม่มีโอกาสแล้ว ผมขอทำหน้าที่แทน พระราชทานบรมราชานุญาตต่อล้นเกล้าทั้ง 3 พระองค์ ขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งนี้เพื่อวิญญาณของของคุณพ่อผม ขุนนิรันดรชัย ได้ไปสู่สุขคติและความเป็นสิริมงคลจะได้นำมาสู่ครอบครัวนิรันดร”

โพลชี้คนไทยเชื่อแก้ปัญหาในชาติได้

วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง สหประชาชาติ อย่าจุ้น ยุ่งไทย กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,328 คน ระหว่างวันที่ 21-25 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่าเมื่อถามถึงความมั่นใจในการแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติของไทยแก้ไขกันเองได้ พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.2 มั่นใจว่าแก้ไขกันเองได้ ขณะที่ร้อยละ 7.8 ไม่มั่นใจ

ขอยูเอ็นอย่าจุ้นไทย-ปม ม.112

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.4 เห็นด้วยว่า สหประชาชาติ ควรปล่อยให้ประเทศไทยจัดการความขัดแย้งภายในประเทศเองได้ เช่นเรื่อง การใช้กฎหมาย มาตรา 112 สหประชาชาติ ไม่ควรมายุ่ง ควรไปดูแลประเทศอื่นที่ขัดแย้งรุนแรงกว่าจะดีกว่า ในขณะที่ร้อยละ 7.6 ไม่เห็นด้วย ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.4 เห็นด้วยว่า ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ควรวางตัวเป็นกลางในเรื่องความขัดแย้งภายในของประเทศไทย ถ้าจะยุ่งให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะดีกว่า ในขณะที่ร้อยละ 5.6 ไม่เห็นด้วย

ที่น่าสนใจคือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.0 เห็นด้วยว่าประเทศจีนแสดงบทบาทที่ดีไม่เข้าแทรกแซงความขัดแย้งภายในประเทศไทย ในขณะที่ร้อยละ 7.0 ไม่เห็นด้วย นอกจากนี้ร้อยละ 94.3 ระบุว่ามีความจำเป็นรักษาความสัมพันธ์มหามิตรประเทศ กับสหรัฐอเมริกาและจีน ในขณะที่ร้อยละ 5.7 ระบุไม่มีความจำเป็น ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.1 เห็นด้วยว่า สหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา และจีน ช่วยจัดหาวัคซีนโควิดและช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้คนไทยจะดีกว่า มายุ่งเรื่องความขัดแย้งภายในของประเทศไทย

แนะช่วยหาวัคซีน-ช่วยแก้ศก.ดีกว่า

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า คนไทยทุกคนลองคิดดูว่า ทำไมต่างชาติจึงเข้ามาแสดงบทบาทต่างๆ บนเวทีในประเทศไทยที่มันต้องมีอะไรดึงดูดให้ต่างชาติเหล่านั้นเข้ามาปฏิบัติการต่างๆ ในประเทศไทย ประเทศไทยมีผลประโยชน์ชาติที่คนไทยทุกคนต้องช่วยกันรักษาไว้ในหลายด้าน สำคัญที่คนไทยต้องช่วยกันรักษาปกป้องไว้จึงเป็นเรื่องผลประโยชน์ชาติที่ต้องทำให้เป็นเนื้อเดียวกันกับเรื่องสังคมวัฒนธรรม เพื่อป้องกันไม่ให้เสาหลักของชาติล้มและประเทศชาติ ราษฎรล่มสลาย ดังนั้น ในสถานการณ์วิกฤติโควิดรอบใหม่นี้ คนไทยทุกคนต้องเรียกร้องให้ต่างชาติมายุ่งในเรื่องที่คนไทยต้องการ คือ วัคซีนและแก้เศรษฐกิจ ไม่ใช่มาจุ้นเรื่องความขัดแย้งของคนในชาติที่คนไทยแก้กันเองได้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'ภูมิธรรม'ย้ำแล้วย้ำอีก!! ปลดล็อก'โป๊กเกอร์'เพื่อการกีฬา หวังจัดแข่งระดับสากล

'ภูมิธรรม'รับฟัง ทหารชายแดนใต้ร้องเยียวยาเทียบเท่าเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา"

พิพิธภัณฑ์เด็กกทม.1 จตุจักร ชวนมาเป็นนักสำรวจตัวจิ๋ว สัปดาห์วิทยาศาสตร์ 12-17 ส.ค.นี้

‘ภูมิธรรม’มอบนโยบายมหาดไทย ลั่นไม่ได้ข่มขู่-อำนาจบาตรใหญ่ แต่มีแกะดำมาเป็นราชการ​

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved