"ธนกร"โต้"พิชัย"รัฐบาลฟื้นเศรษฐกิจได้แน่ เพียงแต่ต้องใช้เวลา ย้ำ"บิ๊กตู่"เป็นผู้นำที่ทันโลก แจงใช้เทคโนโลยีดิจิทัลออกแบบมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชน
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายพิชัย นริพทะพันธ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า เศรษฐกิจไทยปี 2564 มีแนวโน้มย้ำแย่กว่าปีที่แล้วเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่สามารถก้าวทันโลกได้ จะทำให้ประเทศไทยตกยุคและเสื่อมถอย ว่า ตนไม่เข้าใจนายพิชัยเลย ปีใหม่ก็ยังจมปลักอยู่กับการเอาชนะทางการเมือง สิ่งที่นายพิชัยพูดไม่ใช่เรื่องใหม่ ประชาชนทราบดีว่าโควิด-19 ส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลออกมาตรการมากมายเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ก้าวทันโลกได้แน่ ไม่ได้เป็นคนแก่แบบนายพิชัย ที่แก่เพราะกินข้าวเฒ่าเพราะอยู่นาน
ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่นี้ รัฐบาลมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาด รวมถึงมีแนวทางการดูแลสาธารณสุขที่เพียงพอ และทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังสามารถดำเนินต่อไปได้ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านสาธารณสุขไปพร้อมกัน มั่นใจว่าประเทศไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และมีนโยบายการคลังที่พร้อมจะดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยได้อย่างแน่นอน เห็นได้จากกระทรวงการคลังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะฟื้นตัวและขยายตัวเป็นบวกได้อีกครั้ง โดยเห็นได้จากหน่วยงานเศรษฐกิจต่างๆ ที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัวได้อย่างน้อยในช่วงร้อยละ 3 - 4.5 ต่อปี และที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน สะท้อนจากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจล่าสุดในไตรมาส 3 ปี 2563 ที่หดตัวเพียงร้อยละ -6.4 ต่อปี ดีกว่าที่หน่วยงานหลายฝ่ายคาดการณ์ไว้เดิม และปรับตัวดีขึ้นจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ปี 2563 (ที่หดตัวร้อยละ -12.1 ต่อปี) ตัวเลขเครื่องชี้เศรษฐกิจล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2563 ส่งสัญญาณฟื้นตัว อาทิ ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ดัชนีผลผลิตสินค้าอุตสาหกรรม และการส่งออกสินค้า เป็นต้น
นายธนกร กล่าวอีกว่า จากพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยที่เข้มแข็ง ล่าสุด สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ได้ประเมินมุมมองอนาคตเศรษฐกิจของไทยปี 2564 ว่าเป็นประเทศที่น่าสนใจเป็นอันดับ 1 ใน 17 ประเทศในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging market economies) สะท้อนได้จากเงินสำรองระหว่างประเทศในระดับสูง ความแข็งแกร่งในภาคการเงินระหว่างประเทศและศักยภาพสูงในการดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ฐานะการคลังของประเทศไทยยังอยู่ในระดับเข้มแข็ง โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2563 อยู่ที่ ร้อยละ 50.5 ต่อ GDP และกระทรวงการคลังมั่นใจในระยะปานกลางหนี้สาธารณะยังคงอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ทำให้กระทรวงการคลังมีความพร้อมที่จะดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางสาธารณสุขที่เปลี่ยนแปลงไปสำหรับหนี้ครัวเรือนของไทย ยังไม่ได้ขึ้นไปถึงระดับร้อยละ 90 ต่อ GDP โดยระดับหนี้ครัวเรือนไทย ล่าสุด ณ สิ้นสุดไตรมาส 3 ปี 2563 อยู่ที่ร้อยละ 86.6 ต่อ GDP โดยสาเหตุที่ระดับหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เกิดจาก GDP หดตัวเป็นสำคัญ ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจสามารถกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP คาดว่าจะปรับลดลงได้ อีกทั้ง หนี้เสีย (NPL) ยังทรงตัวอยู่ในระดับที่ต่ำเพียงร้อยละ 3.1 ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
นายธนกร กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจของการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่จะน้อยกว่าช่วงที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนป้องกัน COVID-19 ได้แล้ว และคาดว่าปลายเดือนพฤษภาคม 2564 จะมีกำลังการผลิตทั้งหมดรวม 26 ล้านโดส โดยจะทยอยกระจายไปยังกลุ่มต่างๆ อย่างทั่วถึง ภาครัฐมีเครื่องมือทางเงินการคลังเพียงพอที่จะดูแลสถานการณ์โควิดได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้ว่า ภาครัฐมิได้ดำเนินนโยบายการคลังแบบเดิมในอดีต แต่ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการออกแบบและดำเนินมาตรการต่างๆ อาทิ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้
นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีเงินกู้ตามพระราชกำหนดในส่วนที่เหลือ จำนวน 6.5 แสนล้านบาท งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 และงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ที่จะดูแลและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ต่อไป ทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มกลับมาขยายตัว และจากประสบการณ์ในต่างประเทศในช่วงก่อนหน้า หลายประเทศที่ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฯลฯ เผชิญกับการระบาดรอบที่ 2 หรือ 3 ก็สามารถดูแลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงมั่นใจว่าประเทศไทยจะสามารถรับรองสถานการณ์ COVID-19 ระลอกใหม่ในปี 64 ได้เป็นอย่างดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี