“ชวน” ย้ำ ให้ “ฝ่ายค้าน” ยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาลภายในเดือนมกราคมนี้เพื่อกำหนดวันซักฟอก กลัวเปิดวิสามัญไม่ได้ สั่งขรก.พร้อมเปิดประชุมสภา 20-22 มกราคม เชื่อ สส.พื้นที่สีแดง ร่วมประชุมได้ “สิระ” ดักคอ สส.ฝ่ายค้าน ลงชื่อไม่ดูตาม้าตาเรือระวังถูกฟ้องกลับแนะดูเจตนารมณ์ รธน.ให้ดีก่อน
ด้าน’เสรีพิศุทธ์’ลั่นพร้อมลุยศึกซักฟอกรัฐบาล จองเช็คบิล‘บิ๊กตู่’พร้อมเดินหน้ายื่นคำร้องใหม่ ขู่จะตรวจประวัติ 487 สส.เป็นของขวัญ‘ตรุษจีน-วาเลนไทน์’
เมื่อวันที่ 8 มกราคม นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านในช่วงสิ้นเดือนมกราคมว่า ได้แนะนำไปยัง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านให้พยายามเสนอญัตติภายในเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ เพื่อแจ้งให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบ เพื่อกำหนดวันเปิดอภิปราย อย่ารอให้มีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพราะถือเป็นเรื่องยาก เนื่องจากอำนาจเป็นของ ครม.ที่สามารถเปิดได้ และ สส.มักจะเข้าชื่อกันไม่สำเร็จ จึงขอให้ดำเนินการภายในสมัยสามัญปกติ ที่ฝ่ายค้านเสนอญัตติมาก็สามารถบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมได้ ส่วนการเตรียมพร้อมห้องประชุมพระสุริยันสำหรับอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ได้กำชับไปยังสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจคัดกรองบุคคลเข้าออกภายในรัฐสภาและปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเข้มข้นทุกวัน ไม่ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นหรือน้อยลง แต่การประชุมสภาต้องดำเนินต่อไป ตามหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา เว้นเพียงสถานการณ์รุนแรงช่วงนี้เท่านั้น
นายชวนกล่าวถึงกรณีนายกสมาคมผู้ปกครองออทิซึมไทย มีหนังสือเรียกร้องให้ตักเตือน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่พูดลักษณะเสียดสี เปรียบเปรยสภาพบุคคล ที่ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้พิการ ว่า เรื่องนี้เกี่ยวโยงกับการตั้งคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรที่ตนเป็นประธาน ขณะนี้กำลังพิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนต่างๆว่า มีมูลหรือไม่และส่งให้คณะกรรมการจริยธรรมชุดใหญ่พิจารณาตัดสินว่า มีความผิดหรือไม่ ซึ่งขณะนี้มีเรื่องร้องเรียน สส.มาแล้ว 17เรื่อง
ด้านนพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า จากกรณีรัฐสภาฯได้งดการประชุม 2สัปดาห์เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19นั้น เมื่อวันที่ 7มกราคมที่ผ่านมา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯได้สั่งการให้ข้าราชการทุกสำนักในสภาฯ เตรียมพร้อมเปิดประชุมสภาฯอีกครั้งในวันที่ 20 -22มกราคมนี้ โดยประเมินสถานการณ์จาก ศบค.และจากมาตรการของรัฐบาลเพื่อให้เกดความปลอดภัยสูงสุดและจะต้องเข้มงวดกว่าเดิม เพราะก่อนหน้านี้มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเดินทางมาประชุมของสส.ว่า ถ้ามีการล็อกดาวน์เกิดขึ้น มีสส.จำนวนมากซึ่งในพื้นที่ควบคุมสูงสุด อาจจะมาประชุมสภาฯไม่ได้ แต่เมื่อมาตรฐานของรัฐบาลเป็นแบบนี้คิดว่า ไม่เป็นอุปสรรค์ในการเดินทางของสส.ต่อไป การเปิดประชุมครั้งใหม่ อย่างน้อยที่สุดต้องประชุมสัปดาห์ละ3วัน เพื่อชดเชยวันที่เราหยุดไป
ขณะที่ นายสิระ เจนจาคะ สส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของสส.พรรคฝ่ายค้าน 50คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา82 เนื่องจากมี สส.เพื่อไทย ถอนชื่อออกไป 2คน มีผลให้จำนวน สส.ที่เข้าชื่อเหลือเพียง 48คน ซึ่งเป็นจำนวนน้อยกว่า 1ใน10ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรตามที่รัฐธรรมนูญว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นขั้นตอนดำเนินการของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนไม่ขอแสดงความคิดเห็นใด แต่เชื่อว่าบุคคลที่ได้ถอนรายชื่อออกไปคงพิจารณาแล้วว่าตนไม่ได้มีความผิดอะไรและคงไม่ต้องการที่จะกลั่นแกล้งกันไปมา ขอเตือน สส.ที่จะร่วมลงชื่ออะไรกับใครที่มีจุดประสงค์กล่าวหา สส.ท่านอื่น จะด้วยความบริสุทธิ์ใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อย่าสักแต่ว่าเซ็นชื่ออย่างเดียว ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ละเอียดรอบคอบด้วย ที่สำคัญเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 แต่ละมาตราด้วยว่ามุ่งประโยชน์อะไร การเป็น สส.ต้องรู้ข้อมูลมากกว่าคนทั่วไป อย่าทำให้ตกม้าตายทีหลัง
นายสิระ กล่าวว่าทีมกฎหมายของตนกำลังพิจารณา คงไม่เกินวันพฤหัสบดีนี้ว่า จะไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.บางโพ ฐานแจ้งความเท็จต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรและปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามมาตรา157 กับ สส.57คน ที่ลงรายชื่อถอดถอนตนจากการลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ตนต้องใช้สิทธิที่ตนมีอยู่ เพราะเดี๋ยวนี้ สส.มักจะใช้สิทธิที่ตัวเองมีอยู่กลั่นแกล้งกันไปมาระหว่าง สส.ฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยกคำร้องกรณี สส.ยื่นคำร้องผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรให้วินิจฉัยว่า สมาชิกภาพของ นายสิระ เจนจาคะ สิ้นสุดลงหรือไม่ โดยให้เหตุผลว่าญัตติดังกล่าวมีสมาชิกร่วมลงชื่อไม่ถึงหนึ่งในสิบของสมาชิกที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย ขอยืนยันและแสดงเจตจำนงว่า จะร่วมกับพรรคเสรีรวมไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น ในการร่วมลงชื่อเสนอคำร้องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญใหม่ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญโดยเร็วต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยืนยันว่า พร้อมร่วมลงชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจที่หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะยื่นต่อประธานสภา โดยมีการประสานกันเบื้องต้นซึ่งพักจากประชุมในวันที่ 12 ม.ค.และจะประชุมร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในวันที่15ม.ค.เพื่อกำหนดแนวทางและตัวบุคคลในการอภิปราย ส่วนตนเอง ก็มีข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯหลายเรื่อง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญตี ตกคำร้องที่ขอให้วินิจฉัยสมาชิกภาพสส.ของนายสิระ เจนจาคะ สส.กทม.พรรคพลังประชารัฐว่า จะส่งคำร้องเรื่องสถานภาพสส.ของ นายสิระ ใหม่เร็วๆ นี้ ขณะนี้ได้ส่งหนังสือไปยังพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้ว เชื่อว่าจะไม่ซ้ำรอยเดิม สส.คนที่ถอนชื่อออก หากใครอยากมีปัญหากับตนก็แสดงตัวออกมา เล่นเทคนิคแบบนี้ ตนจะตรวจทั้งสภาเลย จะตรวจประวัติให้หมด เพื่อเป็นของขวัญวันตรุษจีนและวาเลนไทน์ให้ประชาชน
ทางด้าน นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงพรรคฝ่ายค้านเตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยจะขอเวลาอภิปราย 7วันว่าที่ผ่านมาความเห็นในโลกออนไลน์บอกว่าฝ่ายค้านทำหน้าที่ไม่สมกับผู้ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่กลับหมกหมุ่นแย่งชิงอำนาจ ปล่อยข่าว และข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง สร้างความสับสนและเอือมระอาให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง การที่ฝ่ายค้าน ขอโอกาสใช้สิทธิอภิปรายไม่ไว้วางใจสามารถทำได้ แต่ต้องขอเวลาให้เหมาะสม ไม่เช่นนั้น จะเข้าทำนองสุภาษิตว่า ‘น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง’เป็นแน่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี