“ไพบูลย์”ไม่หนักใจ ฝ่ายค้านจ่อซักฟอกรมต.อัดไม่ฉลาด หลังล็อกเป้าปมจัดการโควิดล้มเหลว ทั้งที่เป็นจุดแข็งรัฐบาล พร้อมชม“บิ๊กตู่”เป็นผู้บริหารปท.ที่จัดการโควิดดีสุดติดอันดับโลก ประชาชนเชื่อมั่น “บิ๊กตู่” พาชาติพ้นวิกฤติโควิด-เศรษฐกิจ เห็นด้วยใช้ชีวิตแบบ นิว นอร์มอล ทำมาหากินได้ดีกว่าล็อกดาวน์
เมื่อวันที่ 10มกราคม นายไพบูลย์ นิติตะวัน สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นสิทธิ์ของฝ่ายค้านที่ยื่นได้ปีละครั้งถ้าไม่ยื่นจะเสียสิทธิ์ได้ ซึ่งประเด็นที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจมันยังไม่ได้ ยังไม่มีเพียงพอ แต่จำเป็นต้องยื่นเพื่อรักษาสิทธิ์ ดังนั้น จึงไม่หนักใจเลย เพราะไม่ได้มีปัญหาอะไร มีแต่ผลงานที่ดีที่จะทำให้ทางซีกรัฐบาลได้ชี้แจงเรื่องต่างๆออกไปให้ประชาชนได้รับทราบรวมทั้งชี้แจงผลงานไปในตัวด้วย ดีกว่าการปล่อยให้ฝ่ายค้านไปให้ข่าวบิดเบือนใส่ร้ายกันฝ่ายอยู่เดียว การมาพูดในสภาฯจะได้โต้ตอบและชี้แจงข้อเท็จจริงกัน
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านเตรียมพุ่งเป้าประเด็นความล้มเหลวการบริหารงาน การจัดการเศรษฐกิจ และเรื่องโควิด-19 นายไพบูลย์ กล่าวว่า การที่ฝ่ายค้านจะยกประเด็นนี้มาอภิปราย ประชาชนที่ฟังอยู่จะเข้าใจว่าฝ่ายค้านไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่เข้าใจสถานการณ์ รัฐบาลไทยโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้บริหารประเทศที่บริหารเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลกอยู่แล้ว
“การโจมตีด้วยประเด็นนี้ถือว่าฝ่ายค้านไม่ฉลาดเลย เพราะเป็นประเด็น เป็นผลงานที่แข็งที่สุดของพล.อ.ประยุทธ์ เรียกว่าติดอันดับโลก ส่วนที่จะขอขยายวันอภิปรายมาเป็น 5-7 วันนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า หากจะอภิปรายแบบนั้นต้องดูองค์ประชุมด้วย ซึ่งฝ่ายค้านมักจะองค์ประชุมไม่ครบอยู่เรื่อย จะมีแต่ผู้มาร่วมอภิปรายเท่านั้นเอง จะเป็นปัญหาของฝ่ายค้านเสียเอง ดังนั้น เรื่องนี้ฝ่ายค้านก็คงต้องหารือกับทางวิปรัฐบาล
‘ปชป.’ไม่กังวล-ยึดซื่อสัตย์สุจริต
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า หลักการในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือหนึ่งในกระบวนการที่สำคัญในการตรวจสอบรัฐบาลตามระบบประชาธิปไตย เป็นหน้าที่ที่สำคัญของฝ่ายค้าน เชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลก็พร้อมชี้แจง รัฐมนตรีคนใดที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีหน้าที่ต้องชี้แจง ส่วนรัฐมนตรีของพรรค 7 คน ไม่มีความกังวล เพราะยึดหลักซื่อสัตย์ สุจริต ในการทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์
ส่วนห้วงของเวลาในการยื่นญัตติเป็นดุลพินิจของฝ่ายค้านที่จะมีการพูดคุยกัน และจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนใดบ้างก็เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน หากมีการยื่นรัฐมนตรีในส่วนของพรรคก็พร้อมชี้แจงด้วยข้อมูลที่ตรงไปตรงมาข้อมูลประกอบการอภิปรายของฝ่ายค้านสำคัญที่สุด รวมถึงข้อมูลชี้แจงของฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องมาสู้กันในสภา ทุกคำพูดทุกความเป็นจริงทุกคนทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ท้ายที่สุดประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน
โพลสำรวจเรตติ้งประยุทธ์
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง เที่ยวปลอดภัย อยู่พ้น โควิด กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,839 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 6 -9มกราคมที่ผ่านมา โดยเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถือธงนำใช้ท่องเที่ยวปลอดภัย รอดพ้นโควิด แก้วิกฤตเศรษฐกิจ เพิ่มเงินในกระเป๋าของประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ87.0 เชื่อมั่น ในขณะที่ ร้อยละ 13.0 ไม่เชื่อมั่น ส่วนใหญ่หรือร้อยละ97.4 เห็นด้วยกับ วิถีปกติใหม่ (New Normal) เช่น เดินทาง ทำมาหากินได้ ค้าขาย ท่องเที่ยว เข้มงวดปลอดภัย ห่างไกลโควิด ดีกว่า ล็อกดาวน์ ปิดเมือง เศรษฐกิจตายสนิท ไม่มีจะกิน ทุกข์หนักกว่าโควิด ในขณะที่ร้อยละ2.6 ไม่เห็นด้วย
ส่วนความคิดเห็นต่อมาตรการโครงการของรัฐบาล แก้วิกฤตบ้านเมือง ชนะโควิด เพิ่มเงินในกระเป๋าของประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.2 ส่งเสริม ท่องเที่ยวปลอดภัย ตามวิถีปกติใหม่ ห่างไกลโควิดเข้มงวด เช่น ล่องเรือสิริมหรรณพแม่น้ำเจ้าพระยา เที่ยวเมืองประวัติศาสตร์ทุกภาค ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ท่องเที่ยวช้อปแหล่งการค้า ท่องเที่ยวเชิงธรรมะ ศูนย์ปฏิบัติธรรมห่างไกลโควิด เป็นต้นรองลงมาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.7 ต้องการให้เชื่อมโยงโครงการคนละครึ่งกับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ครอบคลุมทั้งประเทศ ร้อยละ 83.4 ต้องการ โครงการคนละครึ่ง พักชำระหนี้สถาบันการเงิน ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ผ่อนอื่น ๆ ร้อยละ 83.0 ต้องการ โครงการคนละครึ่ง ค่าเทอม ค่าอุปกรณ์การเรียน ด้านการศึกษา และร้อยละ 82.3 ต้องการ โครงการคนละครึ่ง ค่าอาหาร ที่พัก ค่าเดินทาง เป็นต้น
เชื่อนายกฯพาชาติพ้นภัย
ส่วนแนวโน้มจุดยืนการเมืองของประชาชนตั้งแต่ เม.ย. 2563 ถึง ม.ค. 2564 พบว่า ฐานสนับสนุนรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ35.7 ในช่วงปลายปี 2563 มาอยู่ที่ร้อยละ 53.6 ในช่วงต้นเดือนม.ค.2564 ในบรรยากาศที่ยังไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่าของการแก้วิกฤตโควิดและเศรษฐกิจชาติ อย่างไรก็ตามกลุ่มพลังเงียบเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน จากร้อยละ32.9 มาอยู่ที่ร้อยละ 39.0 แต่ ฐานไม่สนับสนุนรัฐบาลลดต่ำลงจากร้อยละ 31.4 เหลือร้อยละ7.4 ในการสำรวจครั้งล่าสุด
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จะนำพาประเทศชาติพ้นวิกฤตโควิดและเศรษฐกิจได้ ในการถือธงนำท่องเที่ยวปลอดภัย สอดคล้องกับการยอมรับ วิถีปกติใหม่ (New Normal) มาใช้ในชีวิตประจำวันที่มีการคัดกรองโควิดเข้มงวด ดังนั้น การออกแบบบริหารจัดการที่ดีรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ในสภาวะวิกฤตชาติจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีและทีมงานนายกรัฐมนตรีควรทำทุกทางให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการ “ท่องเที่ยวปลอดภัย อยู่พ้นโควิด”โดยกระจายอำนาจและทรัพยากรความปลอดภัยไประดับพื้นที่ของแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เสริมสร้างความเชื่อมั่นและการสนับสนุนของสาธารณชนผ่านพ้นวิกฤตชาติครั้งนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี