"สมศักดิ์"ควง"วราเทพ"ประชุม คกก.ขับเคลื่อนไทย 3 จังหวัด ย้ำนโยบายแก้จนหาวิธีสร้างงาน-เพิ่มรายได้ให้ชาวบ้าน แนะแต่ละจังหวัดทำความเข้าใจเกษตรกรเรื่อง GAP ยกระดับสินค้าเกษตร ชม 3 จังหวัดคุมโควิดได้ดี ชี้ทุกโครงการต้องทำให้คุ้มค่างบประมาณ-วางแผนระยะยาวทำให้สำเร็จ
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 11 มกราคม 2564 ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่กำแพงเพชร สุโขทัย ตาก โดยมี นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม , นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม , นายวราเทพ รัตนากร ที่ปรึกษาคณะกรรมการ , นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ผู้แทนจากกรมต่างๆ และข้าราชการเข้าร่วมประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร็นซ์กับส่วนราชการทั้ง 3 จังหวัด
โดยช่วงแรกเป็นการรายงานความคืบหน้าของการขับเคลื่อนจากทั้ง 3 จังหวัด ซึ่ง จ.ตาก ได้รายงานปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับทางด้านการเกษตร คือ เกษตรกรบางส่วนยังไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร และไม่ให้ความสำคัญในการขอรับรองแหล่งผลิต การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) พืชเท่าที่ควร และมีปัญหาเกี่ยวกับที่ทำกิน ส่วน จ.สุโขทัย ก็มีปัญหาในลักษณะเดียวกันด้านปศุสัตว์ เกษตรกรบางส่วนยังไม่มีเอกสารสิทธิในการรับรองมาตรฐาน GAP และเกษตรกรยังไม่ให้ความสำคัญกับมาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านอุตสาหกรรมจากแรงงานในช่วงโควิด-19 สถานประกอบการบางแห่งมีความต้องการแรงงาน เช่นเดียวกับ จ.ตาก แรงงานไทยหายากมาก จึงต้องจ้างแรงงานต่างด้าว ที่สำคัญ จากสถานการณ์โควิดยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของทั้ง 3 จังหวัดด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในอนาคตเราอาจจะต้องเจอปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด ดังนั้น การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและหนี้สินต่างๆอาจจะมีมากขึ้น ซึ่งทางกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพที่จะผลักดันให้มีศูนย์ไกล่เกลี่ยทุกจังหวัด และเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายเหยื่อในคดีอาญา ขอให้ผู้เกี่ยวข้องช่วยดูแลให้ถึงประชาชน รวมทั้งเงินจากกองทุนยุติธรรมด้วย เพื่อช่วยเยียวยาประชาชนที่เดือดร้อน โดยตนเน้นแนวทางแก้ปัญหาความยากจน เมื่อดูจากกองทุนหมู่บ้าน แต่ละหมู่บ้านมีอยู่ 3.5 ล้านบาท หากเราไม่ทำให้ประชาชนในหมู่บ้านมีโครงการมีรายได้ เมื่อไรจะใช้หนี้หมด ทั้งนี้ อยากให้แต่ละจังหวัดนำเสนอแนวทางมา นอกเหนือจากการช่วยเหลือของรัฐบาลแล้ว เราควรคิดการช่วยเหลือเพิ่มตามงบประมาณและทรัพยากรรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่มี ว่าจะทำยังไงให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น มี เราต้องมองแบบนักบริหาร เอาข้อมูลทั้งหมดมาเรียงลำดับกันแล้วช่วยกันคิด
ด้าน นายวราเทพ กล่าวว่า การแก้ปัญหาความยากจนน่าจะมีหลายมิติต้องบูรณาการทั้งการเพิ่มรายได้และการลดหนี้สิ้น เช่น การลดภาระหนี้สินจากสถาบันการเงินต่างๆ การให้ความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆทั้ง เอกชน รัฐและภาคสังคม ซึ่งการทำงานต้องมีการบูรณาการร่วมกันทั้งจังหวัด ไม่ใช่ดูที่งบประมาณเพียงอย่างเดียว อาจจะมีโครงการลักษณะอื่นๆเข้ามาด้วย การแก้ปัญหาความจนเราพยายามแก้กันมานานแล้ว จังหวัดมีศักยภาพในการคิดและวางแผนอยู่แล้วแต่อาจจะขาดงบประมาณ ดังนั้น ต้องมีการบูรณาการและของบประมาณให้เป็น ซึ่งประเด็นหลักๆของ 3 หวัด คือ 1.ผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย สร้างแหล่งน้ำและพัฒนาดินให้เหมาะสมกับการปลูกพืช เพราะประชากรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร 2.ส่งเสริมการท่องเที่ยว และ 3.การพัฒนาชีวิตและความมั่นคงของสังคม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี