เร่งขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด
นายกฯจี้อย.
ย้ำคนไทยทุกคนต้องได้ฉีด
2บริษัทยื่นเอกสารขออนุมัติ
‘แอสตราเซเนกา-ซิโนแวค’
ยันไม่ปิดกั้นนำเข้าจากตปท.
ติดเชื้อใหม่287-ลุกลาม59จว.
โฆษก ศบค.แถลงยอดติดเชื้อใหม่ 287 คน หนักใจกราฟป่วยยังชัน ขอแรงปชช.กดกราฟให้อยู่แนวราบ ไวรัสกระจาย 59 จังหวัด ร้อยเอ็ดไข่แตกล่าสุด สาววัย 48 ปีกลับจากศรีราชา จับตา 10 จว.คนป่วยมากกว่า 50 ชื่นชมระบบคัดกรองคนเข้าพื้นที่จ.อุบลฯ ที่ตรวจเข้มงวดไปแล้วนับหมื่นคน และความพร้อมรพ.สนาม ที่คนในพื้นที่ร่วมมือไม่ต่อต้าน นายกฯมั่นใจคุมโควิดได้ เร่งรัดอย.ขึ้นทะเบียนวัคซีนให้เร็ว มาถึงปุ๊บฉีดให้ปชช.ได้ปั๊บเรียงตามลำดับความเสี่ยง“อนุทิน”ไม่ขวางท้องถิ่นจัดงบซื้อวัคซีนฉีดให้คนในพื้นที่ แต่ต้องคุยรายละเอียดกับสธ.ก่อน ยันรักษาคนติดโควิดทุกคน ไม่ปล่อยให้ใครตาย เพราะเป็นหน้าที่ สธ. แต่หลังรักษาหายแล้ว ใครเข้าเมืองผิดกฎหมายต้องดำเนินการ บี้หน่วยงานเกี่ยวข้องเช็คบิล ขณะที่เลขาฯอย.แจงวัคซีนนำเข้าต้องขึ้นทะเบียนก่อนฉีด เพื่อความปลอดภัย ขณะนี้มี 2 บริษัทยื่นเรื่องมาแล้ว
เมื่อวันที่ 12มกราคม ที่โรงพยาบาล (รพ.) สนามจังหวัดอุบลราชธานี นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) รายงานสถานการณ์ระบาด ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยประจำวัน
ติดเชื้อใหม่287-ขอปชช.กดกราฟ
โดยวันนี้พบผู้ติดเชื้อใหม่ 287 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 278 ราย แบ่งเป็นตรวจพบในระบบเฝ้าระวังและบริการ 153 ราย และผู้ติดเชื้อจากการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 125 ราย กลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค (Quarantine) 9 ราย จำนวนผู้ป่วยรวมสะสม 10,834 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 8,659 ราย จากการคัดกรองเชิงรุก 2,964 ราย รักษาหายแล้ว 6,732 ราย มีผู้ป่วยอาการหนัก 28 ราย เหลือรักษาอยู่ 4,035 ราย ผู้เสียชีวิตคงที่ 67 ราย
“กราฟรายสัปดาห์ยังคงเดิม มีความชันขึ้นสูง จึงต้องขอแรงทุกคนช่วยกันดึงลงให้เป็นแนวราบให้ได้ คน 100% เท่านั้นที่จะช่วยทำให้โรคนี้หายไปจากประเทศของเราได้” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
ตรวจเข้มสมุทรสาครติดก้อนใหญ่
และว่า ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและบริการ 153 ราย พบกลุ่มก้อนใหญ่ในสมุทรสาคร 51 ราย อยู่ในวัยทำงานและผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ดังนั้น โรคนี้จะทำให้เกิดปัญหา อาการหนักถึงขั้นเสียชีวิต ส่วนกรุงเทพมหานคร (กทม.) 31 ราย และมีรายงานจากจังหวัดเดิม เช่น อ่างทอง 6 ราย สมุทรปราการ 9 ราย ผู้ป่วยอยู่ระหว่างสอบสวนโรค พบในจ.ระยอง 2 ราย กทม. 1 ราย ชลบุรี 9 ราย และสมุทรปราการ 2 ราย ดูเหมือนไม่ค่อยมาก แต่ยังนิ่งนอนใจไม่ได้เพราะการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน จ.สมุทรสาครยังพบถึง 125 ราย แบ่งเป็นคนไทย 4 ราย และชาวต่างชาติ 121 ราย เนื่องจากมีหอพัก โรงงาน ตลาด มีคนอยู่เป็นพันเป็นหมื่นคน
ลาม59จว.-ร้อยเอ็ดล่าสุด-10จว.มากสุด
นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า การจำแนกรายจังหวัดเป็นแผนที่ประเทศพบผู้ป่วยใน 59 จังหวัด โดยที่เพิ่มขึ้นมาคือ ร้อยเอ็ด หญิงไทย อายุ 48 ปี เป็นพนักงานในร้านคาราโอเกะ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม เข้าตรวจหาเชื้อเนื่องจากป่วย และวันที่ 10 มกราคม ผลตรวจพบเชื้อ ส่วนพื้นที่จังหวัดอื่น ได้แก่ พื้นที่สีแดง พบผู้ป่วยมากกว่า 50 ราย มี 10 จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง กทม. สมุทรปราการ จันทบุรี นนทบุรี นครปฐม อ่างทอง และปทุมธานี โดยตั้งข้อสังเกตคนในจังหวัดเหล่านี้เวลาจะเดินทางไปจังหวัดอื่น อาจถูกตรวจสอบ ขอทราบเหตุผลเดินทาง และขณะนี้จ.อุบลราชธานี ประกาศว่าผู้เดินทางจาก อ.บางบัวทองและบางใหญ่ เมื่อเดินทางมาแล้วจะต้องกักกันโรค 14 วัน แต่ตนมาจาก อ.เมือง นนทบุรี จึงเดินทางเข้าพื้นที่ได้ สีส้มพบผู้ป่วยน้อยกว่า 50 ราย มี 12 จังหวัด สีเหลืองพบผู้ป่วยไม่เกิน 10 ราย มี 37 จังหวัด และสีขาวยังไม่มีรายงานผู้ป่วยมากก่อน มี 18 จังหวัด
ชื่นชมระบบคัดกรองคนเข้าจ.อุบลฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ลงพื้นจ.อุบลราชธานีในฐานะผู้ตรวจราชเขตสุขภาพที่ 10 กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตรวจความพร้อมรับมือสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ 5 จังหวัด ประกอบด้วย อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร มุกดาหาร อำนาจเจริญ โดยได้หารือร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอุบลราชธานี มีรายงานผู้ป่วยในพื้นที่ 3 รายๆที่ 1 พบเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 เชื่อมโยงกับ จ.สมุทรสาคร รายที่ 2 พบเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม เชื่อมโยงจ.นนทบุรี และล่าสุดรายที่ 3 พบเมื่อวันที่ 9 มกราคม อยู่ในการสอบสวนโรค อายุ 62 ปี มีโรคประจำตัว ทำให้อาการหนัก ทั้งนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเกือบ 100 ราย เสี่ยงต่ำอีกกว่า 70 ราย ต้องค้นหาและเฝ้าระวังด้วยมาตรการที่ดี
“ที่ประทับใจคือ ใครเดินทางเข้ามาอุบลฯ จะให้อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ผู้ใหญ่บ้านทำทะเบียนไว้และติดตาม โดยบันทึกมาตั้งแต่ต้นปีถึงตอนนี้สะสมถึง 26,643 คน มาจากจังหวัดที่เสี่ยงสูงกว่า 18,838 คน ได้ให้กักตัวที่บ้าน พร้อมสุ่มตรวจหาเชื้อ แต่ยังไม่มีติดเชื้อ เป็นสิ่งที่มีระบบเฝ้าระวังตัวบุคคล ต้องขอบคุณ อสม.ที่ทำอย่างแข็งขัน” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
รพ.สนามเขื่องในจัดการดีคนพื้นที่ร่วมมือ
ส่วนการตั้งรพ.สนามในเขตสุขภาพตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขนั้น ในจ.อุบลราชธานีใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ตั้งรพ.สนาม รองรับผู้ติดเชื้อได้ประมาณ 100-1,000 ราย มีความพร้อมมากพอสมควร สิ่งสำคัญคือภาคเอกชนให้ความร่วมมือ อย่างที่เคยบอกไว้ว่า ถ้าภาครัฐเริ่มมีมาตรการออกมา ภาคเอกชนเข้ามาร่วมเติมเต็มกัน และภาคประชาชนช่วยกันด้วยก็เป็นความพร้อม
“ข้อเรียนรู้ที่ดี เนื่องจากสถานที่กว้าง จัดแบ่งเป็นล็อกรับผู้สงสัยติดเชื้อออกมาอยู่อีกที่หนึ่ง เมื่อเลย 5 วันไม่ติดเชื้อก็ย้ายไปอีกทีหนึ่ง และผลัดให้ผู้อื่นที่สงสัยว่าติดเชื้อเข้ามาอยู่แทน โดยพื้นที่แบ่งเป็นล็อกๆคือ 5 วันแรก 5-10 วัน และ 10-14 วัน ฉะนั้นยิ่งห่างไปโอกาสติดเชื้อน้อยกว่า ก็ไปอยู่ในโซนสะอาดมากขึ้น เป็นไอเดียที่ดี เพราะเคยได้ยินว่า เมื่อเข้าไปแล้วลูกบิดประตูของคนเก่า ทำความสะอาดไม่ดี คนมาใหม่ก็ติดด้วย อันนี้เป็นเรื่องน่าเรียนรู้และมาช่วยกัน” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นายกฯมั่นใจคุมการระบาดได้
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความเพจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ถึงการระบาดของโควิดระลอกใหม่ว่า การระบาดใหม่ ที่เกิดขึ้นมา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 20ธันวาคม 2563 ตัวเลขผู้ติดเชื้อแม้ยังสูงคือ 200-300 คนต่อวัน แต่เพิ่มค่อนข้างคงที่ ไม่ได้สูงขึ้นต่อเนื่องทุกวัน อย่างที่เราวิตกตอนแรก และผู้ติดเชื้อระลอกใหม่นี้ใช้เวลารักษาหายเร็วขึ้นมาก รอบ 4 วันที่ผ่านมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 มกราคมถึงวันนี้ รักษาหายรวมกันมากกว่า 2,000 คน อย่างไรก็ตาม ระบาดรอบใหม่นี้ เรามีความพร้อมมากกว่าปีที่แล้วมาก ทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ป้องกัน โรงพยาบาล บุคลากร องค์ความรู้ป้องกันโรค ที่สำคัญคือ ประชาชนให้ความร่วมมือจำกัดการระบาด แต่การที่ยังมีผู้ติดเชื้อ 3 หลักต่อวัน การตรวจหาเชื้อเชิงรุกยังพบผู้ติดเชื้อมากบ้างน้อยบ้างแต่ละวัน แสดงว่า แม้เราคุมการระบาดระลอกใหม่ได้เบื้องต้น แต่ยังต้องใช้เวลาอีกระยะ ทำให้ลดจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศให้ลดลงมาเหลือสองหลัก หลักเดียว จน ควบคุมได้ในที่สุด ตนมั่นใจว่า เราทำได้แน่นอน เหมือนที่เคยทำได้มาแล้ว
จี้อย.ขึ้นทะเบียนวัคซีนมาปุ๊บฉีดปั๊บ
นายกฯยังกล่าวถึงความคืบหน้าจัดหาวัคซีนว่า สั่งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ( อย.) เร่งรัดกระบวนการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด 19 ให้เร็ว วัคซีนมาถึง ฉีดให้ประชาชนได้ทันที โดยเฉพาะวัคซีน ของบริษัท แอสตร้าเซเนก้า ที่ประเทศไทยได้รับสิทธิให้เป็นผู้ผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย กระทรวงสาธารณสุขทำแผนฉีดวัคซีนไว้เรียบร้อยแล้ว ตามหลักสากลคือ เรียงตามลำดับความเสี่ยง กลุ่มบุคลการทางการแพทย์ ผู้สูงวัย ผู้มีโรคประจำตัว คนในพื้นที่ระบาดสูง เรื่องนี้เตรียมไว้หมดแล้ว
นายกฯยันคนไทยได้ฉีดครบทุกคน
พล.อ.ประยุทธ์แถลงหลังประชุมครม.อีกว่า ครม.เห็นชอบ กรณีให้หาอุปกรณ์ในการป้องกันเชื้อโควิด-19 ให้เพียงพอครบถ้วน รัฐบาลต้องขอขอบคุณหลายคนที่เชื่อฟัง และเชื่อมั่นรัฐบาล ให้หยุดอยู่บ้าน ทำงานอยู่ที่บ้าน ส่วนความคืบหน้าเรื่องวัคซีน โควิด-19 รัฐบาลขอยืนยันว่า คนไทยทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีนทุกคน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ต้องจัดทำแผนในการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึง และเพียงพอ เนื่องจากวัคซีนจะทยอยเข้ามา ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งคนที่ได้รับการฉีดวัคซีน ก็ต้องมีการพิจารณาฉีดคนบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่เสี่ยงติดเชื้อมากที่สุดก่อน ทั้งนี้ ก็ยอมรับเป็นห่วงเรื่องความเสี่ยง ซึ่งก็ต้องให้กระทรวงสาธารณสุขทำแผนงานในการกระจายและฉีดวัคซีนมา
อนุทินยันยึดกม.ใครติดรักษาทุกคน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงข้อห่วงใยเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ว่า กระทรวงสาธารณสุขยืนยันความพร้อมทั้งแพทย์ เวชภัณฑ์ และโรงพยาบาลในการดูแลระบาดรอบสอง ขอให้ทุกคนช่วยสอดส่องดูแลการลักลอบเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย ส่วนบุคคลที่ไปเล่นพนันในประเทศเพื่อนบ้านแล้วติดเชื้อกลับมา ต้องรับปิดชอบค่ารักษาเองหรือไม่นั้น ในพ.ร.บ.โรคติดต่อระบุไว้ชัดเจน ตามมาตรา 40,41และ 42 ต้องบังคับใช้กับรัฐธรรมนูญมาตรา 47 ประกอบ ที่ระบุว่า บุคคลย่อมมีสิทธิ์ได้รับการบริการสาธารณสุขของรัฐ ซึ่งเราต้องทำทุกอย่างตามกฏหมาย การจะไม่ให้การรักษานั้น เป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรเราก็ต้องรักษา
ไม่ขวางท้องถิ่นใช้งบซื้อวัคซีนฉีดเอง
ส่วนกรณีท้องถิ่นจะซื้อวัคซีนมาฉีดให้คนในท้องที่เอง นายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลมีมาตรการนำวัคซีนมาให้บริการประชาชนทั่วไปอยู่แล้ว แต่ถ้าท้องถิ่นมีงบดูแลประชาชน วัคซีนที่ใช้อย่างไรก็ต้องนำมาขึ้นทะเบียนให้อนุมัติก่อน ถ้าให้ดีที่สุดหากท้องถิ่นต้องการแบ่งเบาภาระของรัฐบาลด้วยงบประมาณของรัฐบาลก็ให้นำรายชื่อมาตรวจกัน ถือว่าช่วยกันคนละไม้คนละมือนี้คือหลักการทั่วไป แต่งไม่ลงรายละเอียด
ส่วนโรงพยาบาลเอกชนที่ต้องการสั่งวัคซีนให้คนที่มีกำลังจ่ายนั้น ตนให้นโยบายไว้นานแล้ว ไม่มีปัญหา วัคซีนที่มาจากต่างประเทศนำมาขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา (อย.) ของไทยได้เลย ทั้งนี้ โดยหลักการเราเปิดกว้างและขอให้ปลอดภัยและให้อธิบายได้ทุกอย่าง
ย้ำหน้าที่สธ.ต้องรักษาไม่ปล่อยใครตาย
หลังประชุม นายอนุทินให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงข้อสรุปการคิดค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ลักลอบเข้าประเทศซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมายว่า ตนไม่ได้เสนอเรื่องนี้ในครม. และไม่ต้องรายงานนายกฯแต่ให้ไปดูตามกฎหมาย โดยต้องตั้งคณะกรรมการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อขึ้นมา ที่ตนพูดมายังไม่ได้ให้ปฏิบัติ แต่ให้มาช่วยกันคิดในการบริหารค่าใช้จ่ายว่าจะเอาเงินมาจากไหน เราต้องบริหารจัดการ เราไม่ได้พูดว่าจะไม่รักษาพยาบาล เพียงแต่หลังรักษาแล้วจะดำเนินการอย่างไร ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำ สธ.ทำตามหน้าที่แล้วทุกอย่าง ไม่ต้องกังวลเรื่องมนุษยธรรมอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องมาถามว่าถ้าเกิดเจอคนป่วยต่อหน้าแล้วจะไม่รักษาเขาหรือ ตนรักษาหมด ไม่ปล่อยให้ใครตาย
จี้หน่วยงานเกี่ยวข้องเช็คบิลหนีเข้าเมือง
“ตอนนี้มีผู้ลักลอบเข้ามา โดยเฉพาะผู้ไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งไม่มีเจ้าภาพหรือนายจ้างเข้ามา เราจะรักษาเท่าไหร่ก็ได้เลยหรือ มันไม่ถูกต้อง ต้องบริหารจัดการให้ดี และขอทำความเข้าใจว่าหากเข้ามาแล้วเจ็บป่วยมันไม่ได้ ต้องมีค่าใช้จ่ายและผิดกฎหมายด้วย ส่วนคนไทยที่ลักลอบเข้ามาและทำผิดกฎหมาย มีกฎหมายตรงนั้นที่เขาต้องรับผิดชอบ ส่วนสิทธิที่เขาต้องได้รับการรักษาบัญญัติอยู่ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ซึ่งพ.ร.บ.โรคติดต่อกับรัฐธรรมนูญขัดกัน ถ้าผมไม่ทักก็ไม่มีใครเข้าไปดู พ.ร.บ.โรคติดต่อระบุว่าผู้ที่ลักลอบเข้าประเทศต้องดูแลตนเอง แต่รัฐธรรมนูญระบุว่าคนไทยต้องได้รับสิทธิการรักษา แน่นอนว่ารัฐธรรมนูญใหญ่กว่า พ.ร.บ. จบประเด็น ไม่ต้องถามอีกแล้ว แต่ต้องไปดำเนินคดีในความผิดอื่นๆ ในฐานะลักลอบเข้าเมือง หากมีค่าปรับถือว่าบ้านเมืองจะได้ค่าปรับตรงนี้แทนค่ายา ผมคิดอย่างนี้” นายอนุทินกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงคนไทยจากท่าขี้เหล็ก เมียนมา ลักลอบเข้าเมืองทาง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งรักษาหายแล้ว จะดำเนินคดีตามหลังหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า สธ.มีหน้าที่รักษา เมื่อหายแล้วจะดำเนินคดีหรือไม่ ตนจึงขอพูดดังๆ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินคดี สมควรทำหรือไม่ หรือจะไม่ทำก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ใช่หน้าที่ สธ.
อย.ยันวัคซีนนำเข้าต้องขึ้นทะเบียน
ขณะที่นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ชี้แจงข้อสงสัยการขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศไทยว่า ทำไมวัคซีนที่ผ่านขึ้นทะเบียนจากหน่วยงานด้านอาหารและยาของต่างประเทศแล้วยังต้องผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย. ไทยอีก เพราะ การขึ้นทะเบียนที่ อย. อีกครั้ง เพื่อให้ทราบผู้รับอนุญาตนำเข้าวัคซีนโควิด-19 คือใคร จะได้ติดตามตรวจสอบได้หากวัคซีนนั้นมีปัญหาเชิงคุณภาพหรือความปลอดภัย ผู้รับอนุญาตนำเข้าต้องรับผิดชอบ เนื่องจากวัคซีนอาจเกิดผลข้างเคียงหลังฉีดได้ ดังนั้น การขึ้นทะเบียนจึงกำหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องนำเสนอข้อมูลความปลอดภัย แผนการใช้ และการแก้ปัญหาเมื่อเกิดผลข้างเคียง ต้องมีเอกสารชี้แจงรายละเอียดมายืนยันพร้อมขึ้นทะเบียนกับ อย.
มี2บริษัทยื่นขึ้นทะเบียน-ปัดผูกขาด
สำหรับวัคซีนที่มาขึ้นทะเบียน อย.จะประเมินด้านความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิผล ที่เหมาะสมกับคนไทย ปัจจุบันมีบริษัทมายื่นขอขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 กับอย.มี 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาประเมินข้อมูล คาดว่าจะอนุมัติทะเบียนได้เร็วๆนี้ และวัคซีนของบริษัท ไซโนแวค ไบโอเทค โดยองค์การเภสัชกรรมเป็นผู้รับอนุญาตขึ้นทะเบียน ส่วนวัคซีนอื่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากหน่วยงานด้านอาหารและยาของต่างประเทศแล้ว ยังไม่มีการยื่นขอขึ้นทะเบียนกับ อย. แต่อย่างใด หากบริษัทที่เป็นเจ้าของวัคซีนหรือตัวแทนไม่มายื่นขึ้นทะเบียนกับ อย. ด้วยตนเอง อย. ไม่สามารถนำข้อมูลวิชาการของวัคซีนที่ได้รับขึ้นทะเบียนจากต่างประเทศมาขึ้นทะเบียนได้ เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้เป็นของบริษัท และเป็นความลับทางการค้าที่ไม่เปิดเผย ยืนยันว่า รัฐไม่ผูกขาด ไม่ปิดกั้นการนำเข้าวัคซีน ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าวัคซีนที่ผ่านขึ้นทะเบียนจาก อย.ปลอดภัย มีคุณภาพ มีประสิทธิผลป้องกันโรค
10จว.ติดเชื้อสูงสุดเฉลี่ย200คน/วัน
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ทวีทรัพย์ ศิระประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้าการตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 ว่า การระบาดรอบใหม่ มีผู้ป่วยสะสม 6,597 ราย ครึ่งหนึ่งมาจากการตรวจพบในระบบบริการและเฝ้าระวัง อีกครึ่งหนึ่งมาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน ผู้ป่วยในโรงพยาบาล (รพ.) สนาม 870 ราย และรักษาใน รพ. 2,588 ราย มีผู้ป่วยอาการหนัก อาการปอดบวม 28 ราย ที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 11 ราย ทั้งนี้ การจำแนกผู้ติดเชื้อรายจังหวัด พบจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 10 จังหวัดคือ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ จันทบุรี นนทบุรี นครปฐม อ่างทอง และปทุมธานี แนวโน้มพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ระดับประเทศเฉลี่ย 200 รายต่อวัน สมุทรสาครคงที่เฉลี่ย 100 รายต่อวัน ส่วนชลบุรี ระยอง กรุงเทพฯ มีแนวโน้มลดลง และสมุทรปราการวันนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีติดเชื้อในจังหวัดต่างๆ รวม 59 จังหวัด
ติดเชื้อคงที่เริ่มลด-ยกเว้นศรีราชา
นพ.ทวีทรัพย์กล่าวต่อว่า ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2563 มีแนวโน้มสูงขึ้นชัดเจน แต่สัปดาห์นี้ผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มชะลอตัว สาเหตุที่ทำให้พบผู้ติดเชื้อจำนวนมากในจ.สมุทรสาคร กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ระยอง จันทบุรี ชลบุรี นนทบุรี อ่างทอง และเชียงใหม่ เป็นการติดเชื้อจำนวนมาก ส่วนจังหวัดอื่นติดเชื้อแบบกระจายไม่ระบาดวงกว้าง หากมองภาพในสมุทรสาคร ติดเชื้อสะสม 3,194 ราย พบว่า นับตั้งแต่ 15 ธันวาคม ตรวจพบครั้งที่ตลาดกลางกุ้ง และค้นหาเชิงรุกในพื้นที่ พบผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างชาติจำนวนมาก จากนั้นค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยง เจอผู้ติดเชื้อใหม่สูงขึ้น สถานการณ์ปัจจุบันผู้ติดเชื้อใหม่ไม่เพิ่มขึ้นและยังไม่ลดลง
“ส่วนในนนทบุรี ที่ผู้ติดเชื้อจากสมุทรสาครเดินทางเข้าจังหวัด เชื่อมโยงกับแรงงานข้ามชาติที่ทำงานในตลาด และผู้สัมผัสเชื้อจากสถานบันเทิง เป็นการแพร่ระบาดในวงกว้าง แต่วันนี้ไม่มีรายงานผู้ป่วยใหม่ แต่ต้องค้นหาผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง ขณะที่ภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และจันทบุรี ภาพรวมทั้ง 3 พื้นที่ แนวโน้มผู้ติดเชื้อคงตัวและลดลง สำหรับชลบุรียังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ จากบ่อนพนันและติดเชื้อต่อเนื่องใน อ.ศรีราชา ซึ่งค้นหาให้กว้างขึ้น คาดว่าอีกระยะพบผู้ติดเชื้อน้อยลง” นพ.ทวีทรัพย์ กล่าว และว่า ภาพรวมโควิด-19 รอบใหม่ แม้จะพบผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนมาก แต่แนวโน้มเริ่มคงตัว ไม่เพิ่มขึ้นแล้ว เพราะค้นหาและควบคุมจุดระบาดที่สำคัญ ด้วยการติดตามผู้สัมผัส ปัจจัยเสี่ยงในการระบาดวงกว้าง เกิดจาก 1.สถานที่แออัด มีคนจำนวนมากและใกล้ชิดกัน เราจึงต้องให้ความสำคัญและเข้มงวดสูงสุด 2.แรงงานข้ามชาติที่ทำงานในไทย ความเป็นอยู่แออัด เราต้องค้นหาให้ความรู้ ป้องกันระบาดขยายตัว
กทม.ติดเพิ่ม32อายุน้อยสุด3เดือน
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อในกรุงเทพมหานคร (กทม.) พบผู้ติดเชื้อใหม่ 32 ราย ติดเชื้อในประเทศจากการไปพื้นที่เสี่ยง มีอาชีพเสี่ยง หรือสัมผัสผู้ติดเชื้อทั้งหมด ประกอบด้วยเพศชาย 12 ราย อายุ 3 เดือน, 21, 22, 26, 30, 35, 41, 45, 48, 58และ63ปี เพศหญิง 20ราย อายุ 6,7, 15, 20, 22, 23, 24, 28, 31, 35, 41, 46, 48, 57, 61, 65 และ71 ปี สัญชาติไทยทั้งหมด มีอาการป่วย 21ราย ไม่มีอาการ 11ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ 1 ราย, โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ 3ราย,โรงพยาบาลรามาธิบดี 1 ราย , โรงพยาบาลศิริราช 1 ราย และโรงพยาบาลเอกชนใน กทม.25รายและมีอีก1รายที่ติดเชื้อแต่อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค ทำให้กทม.มีผู้ติดเชื้อสะสม 488 คน
ชลบุรีเพิ่มอีก19สะสมทะลุ600
นพ.วิชัย ธนาโสภณ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊กสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 19 ราย มาจาก อ.ศรีราชา 15 ราย และ อ.บางละมุง 4 ราย ทำให้ชลบุรีมียอดผู้ป่วยสะสม 606 ราย สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน อ.ศรีราชา 15 ราย มาจากโรงเบียร์ 90 ศรีราชา 7 ราย ผู้สัมผัสใกล้ชิดโรงเบียร์ 2 ราย ร้านหนูไม่ดื้อ 3 ราย ผู้สัมผัสใกล้ชิดร้านหนูไม่ดื้อ 1 ราย และอยู่ระหว่างสอบสวน 2 ราย ผู้ติดเชื้อใน อ.บางละมุง 4 ราย มาจากผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยัน 2 ราย โรงเบียร์ 90 ศรีราชา 1 ราย และไปสถานที่ลับลอบเล่นการพนัน 1 ราย ขณะนี้มี 4 อำเภอของจ.ชลบุรี ที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด คือ อ.บ่อทอง อ.หนองใหญ่ อ.เกาะจันทร์ และ อ.พานทอง
ปากน้ำเจอ12รายยอดรวม281
นพ.พรณรงค์ ศรีม่วง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยพบผู้ป่วยใหม่ 12 ราย ในพื้นที่จ.สมุทรปราการ 7 ราย อีก 5 รายเป็นผู้ป่วยรับส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัด ส่วนผู้ป่วย 7 ราย อยู่ในเขตอำเภอเมืองสมุทรปราการ 6 ราย ประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 5 ราย และประวัติเสี่ยง 1 ราย ส่วนเขตอำเภอบางพลีพบ 1 ราย มีประวัติเสี่ยงติดจากบ่อนการพนัน 1 ราย รวมผู้ติดเชื้อในจังหวัด 281 ราย
เเม่ค้าบางใหญ่เฮขายได้14มค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาดบางใหญ่ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำโดยนายชมชน ขุนทวาท ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน ได้รื้อรั้วลวดหนาม หลังผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี สั่งปลดล็อค คืนพื้นที่สัญจรให้ประชาชนเข้าออกตลาดบางใหญ่ได้ตามปกติ นายชมชนกล่าวว่า ทางอ.บางใหญ่ร่วมมือกับเทศบาลตําบลเสาธงหินรรื้อรั้วลวดหนามออกจากพื้นที่ 8 จุด จากนี้ประชาชนสามารถเข้ามาจับจ่ายซื้อของได้ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม แต่ขอให้ทุกคนการ์ดอย่าตก ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ รวมไปถึงสเเกนไทยชนะทุกครั้งที่เข้าพื้น และโหลดเเอฟพลิเคชั่นหมอชนะ เพื่อติดตาม เฝ้าระวังตัวเอง ส่วนพื้นที่หมู่ 5 และหมู่ 6 ตลาดบางใหญ่ได้ตรวจเชิงรุกไปแล้วกว่า 3,000 ราย ผลเป็นลบทั้งหมด จะมีก็เฉพาะผู้ที่ติดเชื้อ 29 รายที่ตรวจพบครั้งแรก และตรวจพบเพิ่มเติมอีกประมาณ 2-3 รายเท่านั้น ขอให้เชื่อมั่นว่าทางเจ้าหน้าที่ได้คัดกรองและทำการฆ่าเชื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี