คาด2เดือนไวรัสสิ้นฤทธิ์
‘สุพัฒนพงษ์’ฮึดสู้
เร่งกอบกู้-ฟื้นฟูศก.ไทย
หากฉีดวัคซีนเป็นผลดี
เชิญเอกชนใน-นอกปท.
ลงทุนภาคอุตสาหกรรม
ย้ำมีงบเยียวยาเพียงพอ
นายกฯ หารือทีมเศรษฐกิจ เร่งช่วยเหลือประชาชน-ผู้ประกอบการ หลังโควิดระบาดครั้งใหม่ ด้าน “สุพัฒนพงษ์”คาดโควิดสิ้นฤทธิ์ภายใน 2 เดือน ก่อนฟื้นเศรษฐกิจประเทศ ดึง‘เอกชนใน-นอกประเทศ’ร่วมลงทุนภาคอุตสาหกรรมใหม่ ด้าน’วิษณุ’แจงอนุมัติงบ300ล้าน กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยสร้างสรรค์จำเป็นอย่างยิ่งในช่วงโควิด แนะสร้างหนัง-ละคร รณรงค์หลังโซเชียลฯวิจารณ์-ไม่มั่นใจ ชี้เป็นเงินจากกองทุนภาษีบาปไม่ใช่เงินงบประมาณแผ่นดิน
เมื่อวันที่ 15 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้หารือร่วมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจและรมว.พลังงาน นายกฤษฎา จีนะวิจารณะปลัดกระทรวงการคลัง นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการเพิ่มเติมในการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการ ภายหลังการระบาดของเชื้อโควิด19 ระลอกใหม่
โดย นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวภายหลังการหารือและรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศกับนายกรัฐมนตรีว่าหากประเทศไทยได้วัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว ปี2564 จะเป็นปีปฏิบัติการเชิงรุก ที่จะสามารถดึงดูดภาคเอกชนในประเทศและต่างประเทศให้มาลงทุนในภาคอุตสาหกรรมใหม่ๆของไทยได้ ซึ่งไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ โดยยังไม่ทิ้งอุตสาหกรรมเดิมที่ไทยมีความเข้มแข็ง เนื่องจากต่างชาติยังให้ความสนใจเรื่องดังกล่าวอยู่ รัฐบาลจะเริ่มเดินสายเชิญชวนนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน จะปรับกติกาให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน แม้ว่าขณะนี้ต้องมาดูแลประชาชน ซึ่งส่วนตัวเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพ แต่ขอให้คนไทยปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขและเชื่อว่าจะผ่านเวลาการระบาดไปได้ภายในระยะเวลา 2เดือนนี้
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนงบประมาณเงินกู้ ยืนยันว่า มีเพียงพอที่จะช่วยเหลือประชาชนหากมีการระบาดระลอกใหม่ โดยส่วนตัวไม่อยากคิดว่า จะเกิดการระบาดขึ้นอีกระลอก สำหรับการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศในเฟสอื่นๆต่อไป ก็จะพิจารณาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง โดยมีการติดตามสถานการณ์ทุกวัน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดโควิด ซึ่งขณะนี้พบว่า มีการปฏิบัติการเชิงรุกในการตรวจเชื้ออย่างมาก มีการจัดตั้งfactory quarantine การเยียวยาช่วยเหลือที่รวดเร็วขึ้น เชื่อว่าหากตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศไทยลดลง ภายในอีก 1-2เดือนนี้ ภาวะเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น แต่ขอให้ทุกคนช่วยเหลือกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีติดตามสถานการณ์อยู่ทุกวัน
ส่วนมาตรการเยียวยาประชาชน 3,500บาท เป็นระยะเวลา 2เดือนนั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เจาะจง หรือวางแผนให้เป็นเฉพาะจุดหรือจังหวัด ต้องรอดูรายละเอียดในวันที่19มกราคมนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลดูแลประชาชนทุกภาคส่วน ซึ่งการเยียวยาครั้งนี้ถือเป็นโมเดลใหม่ในการช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้ทำในรูปแบบเดิม เพราะไม่ได้มีการล็อคดาวน์ประเทศ แต่เป็นการประเมินสถานการณ์การระบาดในแต่ละพื้นที่ ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหม่ แต่มีเป้าหมายเดิม คือลดการระบาดและช่วยเหลือประชาชน
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกระแสวิจารณ์การอนุมัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์งบประมาณ 300ล้านบาท ถึงความเหมาะสมและความคุ้มค่าเกี่ยวกับงบประมาณดังกล่าวซึ่งหลายคนมองว่างบ300ล้านบาท นำไปพัฒนาประเทศด้านอื่นๆหรืออาจจะนำไปซื้อวัคซีน-19ว่า ได้รับจัดสรรงบประมาณมา 300 ล้านบาท เรื่องนี้มีความจำเป็น และหากใช้ไม่ครบหรือไม่หมด ก็ไม่เป็นไร แต่เงินดังกล่าวหากไม่ใช้อาจมีปัญหาเพราะไม่ได้เป็นงบประมาณแผ่นดิน แต่เป็นเงินกองทุนภาษีบาป หรือเป็นเงินที่ กสทช.จัดสรรมาให้ หากไม่นำไปใช้ก็ต้องส่งกลับคืนไป ซึ่งงบประมาณ 300ล้านบาท ได้ถูกนำมาแบ่งเป็นโครงการต่างๆ เกี่ยวกับเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุและคนพิการ แม้กระทั่งทำหนังเกี่ยวกับโควิด-19 ก็ได้ซึ่งก็อยากให้ทำ
เมื่อถามว่า มีการมองว่าสถานการณ์ช่วงนี้ทำไมถึงต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก นายวิษณุ กล่าวว่า ยิ่งในช่วงสถานการณ์แบบนี้ยิ่งจำเป็นต้องผลิตสื่อมาช่วย เช่น การกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ เราอยากให้ทำหนังพวกนี้ออกมา โดยใช้เด็ก ใช้คนแก่และคนพิการ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สังคมให้ความห่วงใยและตนยังได้ให้นโยบายไปว่า ช่วงที่วัคซีนโควิดที่กำลังจะเข้ามา จะมีคนกล้าฉีดกับคนไม่กล้าฉีด จึงต้องมีหนังพวกนี้ออกมาช่วยกันรณรงค์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี