เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2564 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้ กล่าวถึงกรณีที่โฆษกพรรคก้าวไกลได้เขียนบทความถึงนายชวน หลีกภัย เพื่อให้ไปถอนแจ้งความกรณีที่มีการตัดต่อภาพนายชวน จนก่อให้เกิดความเสียหาย ว่าโฆษกพรรคก้าวไกลถือว่าทำตัวไม่สมกับความเป็น ส.ส.ที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยควรมีความรู้ว่าการใช้ช่องทางกระบวนการทางกฎหมายเพื่อรักษาสิทธิของตนคือแนวทางที่ถูกต้องตามหลักนิติรัฐ หากกรณีที่มีการนำภาพที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ชงกาแฟไปเผยแพร่หรือทำพื้นหลังหรือมีการเพิ่มเติมข้อความโดยถ้อยคำปกติ ไปทำเป็นพื้นสีเขียว ใส่ตัวการ์ตูนในเชิงสร้างสรรค์ไม่มีปัญหาสามารถทำได้
นายราเมศ กล่าวว่า เพราะเราเข้าใจในสถานะของความเป็นนักการเมืองนายชวน หลีกภัย เป็นนักการเมืองมายาวนานการตรวจสอบการกล่าวถึงในมุมมองต่างๆทำได้อย่างเต็มที่ เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ เป็นคนของประชาชนอยู่กับประชาชนมาตลอดชีวิตเปิดกว้าง เปิดรับ ปรับตัว เข้ากับสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในด้านเทคโนโลยีตลอดเวลา
“แต่กรณีที่เกิดล่าสุดที่มีการตัดต่อภาพมีการกระทำที่เกินเลยขอบเขต ภาพตัดต่อจำนวนมากทำให้เกิดความเสียหายประกอบข้อความที่ให้ร้ายกล่าวหานายชวน หลีกภัย ว่าสั่งให้ใช้ความรุนแรง สั่งให้ตำรวจทำร้ายประชาชน ใช้ภาพตัดต่อเป็นภาพลามกอนาจาร ตัดต่อในลักษณะไม่เหมาะสมในทางเพศ ตัดต่อในลักษณะที่มุ่งหวังชี้นำให้มีการใช้ความรุนแรง และที่ไม่สามารถเปิดเผย ต่อสาธารณะได้คือการตัดต่อภาพนายชวน หลีกภัยไปในลักษณะก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งสิ่งนี้คือสิ่งที่ยอมไม่ได้” นายราเมศ กล่าว
นายราเมศ กล่าวว่า มาตรา 16 ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ คือกระบวนการในการคุ้มครองประชาชนทั้งประเทศหากมีใครนำข้อมูลที่มีการตัดต่อเติมหรือดัดแปลงแล้วนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่จะทำให้ประชาชนเข้าถึง เข้าไปดูได้ เมื่อเป็นภาพตัดต่อที่ทำให้บุคคลอื่นเสียหายก็ถือว่ามีความผิดการใช้กระบวนการ ทางกฎหมายคือช่องทางที่ดีที่สุดในระบบประชาธิปไตย ตนมีสติปัญญาพอที่จะวินิจฉัยได้ว่าภาพตัดต่อเป็นพื้นสีเขียว ไม่ได้มีความผิดหรือภาพที่ตัดต่อแบบสร้างสรรค์สามารถทำได้ เพราะไม่เสียหาย แต่โฆษกพรรคก้าวไกลก็ควรมีสติปัญญาในการพูดเช่นกันข้อมูลในสำนวนมีภาพใดบ้างข้อหาอะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่ออกมากล่าวหาตนว่าใจไม่กว้างไม่เข้าใจสังคมโซเชียลมีเดียไม่ปรับตัวให้เข้ากับการใช้สิทธิและเสรีภาพ
“ข้อความที่ได้ออกมาจากโฆษกพรรคก้าวไกลถือว่าเป็นการบิดเบือนเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นโดยเฉพาะกล่าวหาว่าผมไปท้าทาย ข่มขู่ แบ่งแยกประชาชนอันที่จริงข้อความนี้เป็นหมิ่นประมาทแต่ผมใจกว้างพอไม่ติดใจที่จะดำเนินการแต่ก็ขอร้องว่าอย่ามาท้าทาย มาดูถูกเหยียดหยาม ผมว่าถ้าเป็นโฆษกพรรคก้าวไกลแบบนี้ไม่พ้นโปรเป็นข้อความที่ถือว่าไม่ให้เกียรติกันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยไปพาดพิงโฆษกคนนี้ แต่อยากจะเตือนว่าการทำงานการเมืองไม่ควรทำตัวในลักษณะดูถูกคนอื่น”
นายราเมศ กล่าวอีกว่า ตนคงไม่ไปอยู่พรรคก้าวไกลที่สืบทอดมาจากพรรคอนาคตใหม่เพราะตนอยู่พรรคประชาธิปัตย์นี่คือความภูมิใจคือพรรคที่เป็นสถาบันยึดมั่นในการครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข พรรคไม่เคยถูกยุบ พรรคยึดมั่น ชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ การที่บอกว่าเป็นคนเข้าใจสังคมโซเชียลมีเดียคือจะทำอะไรในพื้นที่นี้ทั้งที่ทำผิดกฎหมายได้ใช่หรือไม่ผมไม่กล้าไปสอนแต่อยากบอกว่าเป็น ส.ส.ควรให้ข้อมูลต่อประชาชนว่าเมื่อวิวัฒนาการของสังคมเปลี่ยนแปลงไปเทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้นการสื่อสารที่รับรู้ข้อมูลเร็วขึ้นในสังคมออนไลน์ควรที่จะใช้ในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์ไม่ใช่ใช้ในทางที่เป็นโทษนี่คือการปรับตัวไปในทางที่ดี
“ยิ่งคนเป็นผู้นำควรทำตัวเป็นแบบอย่างอย่านำข้อมูลในการสื่อสารผิดๆถูกๆให้กับพี่น้องประชาชนบางคนทำตัวเป็น ส.ส.โซเชี่ยล สส ทวิตเตอร์ แต่ ดูจากการสื่อสารแล้วควรได้รับฉายาเป็น ส.ส.ทวิตเซ่อ มากกว่า” นายราเมศ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี