ตัดปัญหาไม่มีสมาร์ทโฟน
สั่งแบงก์บริการ
ลงทะเบียน‘เราชนะ’ให้ปชช.
‘สุพัฒนพงษ์’ยืนยันทำได้
หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
เน้นระดับชุมชน-รากหญ้า
รัฐบาลยันไม่ทิ้งคนไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถลงทะเบียน “เราชนะ” ได้ สั่งธนาคารให้บริการอย่างทั่วถึง “สุพัฒนพงษ์” ระบุ “เราชนะ”ใช้จ่ายค่าเช่าบ้าน-ค่าแท็กซี่-จยย.รับจ้างได้ เผยเหตุทำไมไม่โอนเงินเข้าบัญชีเพื่อเบิกจ่ายถอนเป็นเงินสด เพราะต้องการจัดระเบียบโควิด ให้เงินลงถึงธุรกิจเล็ก-เป็นสังคมไร้เงินสด
\เมื่อวันที่ 21มกราคม นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า แม้ไม่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถใช้“เราชนะ”ได้ มีคนเป็นห่วงว่าประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน จะไม่สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิในโครงการเราชนะ ตอนที่เราทำแผนกันทีมงานคิดละเอียดทุกเรื่องเพื่อไม่ให้คนที่ควรจะได้รับการช่วยเหลือตกหล่นไป เราได้วางรูปแบบไว้แล้วว่าแม้จะไม่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถใช้“เราชนะ”ได้ ทั้งนี้ เราดูจากผลสำรวจเรื่องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2562 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติชี้ว่า ประเทศไทยมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ 56.7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 89.6 ของประชากรที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป และผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน เข้าถึงอินเทอร์เน็ตค่อนข้างสูงคือร้อยละ96.4
สำหรับประเด็นนี้กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ จะอยู่ในกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.8 ล้านคน ซึ่งไม่ต้องลงทะเบียนเราชนะ แต่จะได้รับเงินโอนเข้าบัตรโดยตรง คนที่อาจไม่มีบัตรสวัสดิการและไม่มีสมาร์ทโฟน เราก็ได้ประสานงานกับธนาคารของรัฐที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศให้ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนกลุ่มนี้ลงทะเบียนได้ ซึ่งได้รับการยืนยันมาแล้วว่าทำได้
ทั้งนี้ ก็เพราะเราได้วางรูปแบบให้มีเวลาลงทะเบียน 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม - 12 กุมภาพันธ์ ดังนั้นคนที่มีสิทธิตามเงื่อนไขโครงการ เช่น ไม่เป็นข้าราชการ ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ของพ.ร.บ.ประกันสังคม มีรายได้พึงประเมินไม่เกิน 3 แสนบาท ฯลฯ จะมีเวลาพอที่จะไปรับความช่วยเหลือในการลงทะเบียน
มีคำถามอีกว่าทำไมไม่จ่ายเงินเข้าบัญชี แล้วให้ถอนเป็นเงินสดได้จะได้ใช้จ่ายเงินได้ตามใจชอบ เรื่องแรกเลยคือเรากำลังอยู่ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 การสัมผัสธนบัตรจึงเป็นเหตุที่อาจทำให้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ ไม่เพียงเท่านั้น เรายังคิดถึงเรื่องการลดความแออัดของประชาชนจำนวนมากที่จะไปต่อคิวกดเงินสดออกจากตู้ ATM ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสนับสนุนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของกระทรวงสาธารณสุข
นอกจากนี้ เหตุผลสำคัญอีกประการก็คือ ความต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า และให้เงินหมุนเวียนอยู่ในชุมชนเพราะร้านค้าที่รับซื้อหรือรับบริการจะเป็นร้านเล็กๆ เรามีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือคนตัวเล็ก และให้เงินหมุนหลายรอบในระบบเพื่อช่วยเหลือการใช้เงินในชีวิตประจำวันของคนตัวเล็กให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดและครั้งนี้จะเปิดกว้างให้เป็นบริการทั่วไปได้ซึ่งรวมถึงมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ และอื่นๆ อีกมาก คนที่จะจ่ายค่าเช่าบ้านก็สามารถให้ผู้รับเงินเปิดแอพถุงเงิน เพื่อให้เราใช้เงินในแอพเป๋าตังจ่ายได้ หรือแม้แต่นำเงินสดที่ประหยัดได้จากการใช้วงเงินเราชนะ ที่นำไปใช้จ่ายในส่วนนั้นได้ สิ่งที่เป็นประโยชน์มากอีกอย่างก็คือ การสร้างสังคมไร้เงินสดซึ่งโครงการคนละครึ่งเริ่มต้นไว้ แล้ว “เราชนะ” ก็มาทำให้ต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลซึ่งอนาคตเราหนีเรื่องนี้ไม่พ้น อย่างไรก็ดี ผมขอขอบคุณสำหรับคำถาม ข้อสงสัยต่างๆ ทำให้เรามองเห็นเรื่องที่อาจเป็นปัญหา หรือที่เราอาจมองข้ามไป เราจะได้นำมาปรับปรุงแก้ไข เพื่อที่ประเทศไทยจะเดินต่อได้ วันนี้พวกเราต้องร่วมมือกันครับ
จากรณีที่สำนักข่าวแห่งหนึ่งได้เผยแพร่ความคิดเห็นของ นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สยท.) นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ และนายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวถึงโครงการเราชนะ ในส่วนของเกษตรกรว่าจะตรวจสอบรายได้ของเกษตรกรแต่ละคนและจะคำนวณอย่างไร เนื่องจากเกษตรกรไม่ได้มีเงินเดือนประจำ และมีรายได้ไม่แน่นอนในแต่ละวัน ทำให้การตรวจสอบจึงเป็นไปได้ยาก เชื่อว่าการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าว จะมีเกษตรกรตกหล่นจำนวนมาก
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า โครงการเราชนะมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนด้วยการสนับสนุนวงเงินช่วยเหลือไม่เกิน 3,500 บาทต่อคนต่อเดือน โดยจ่ายเป็นรายสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 2 เดือน (จ่ายเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนมีนาคม 2564)
น.ส.กุลยา กล่าวว่า การคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิ์จะคำนึงจากความสามารถในการจ่ายค่าครองชีพและการมีระบบคุ้มครองทางสังคมเป็นหลัก และการช่วยเหลือจะครอบคลุมประชาชนหลากหลายกลุ่มอาชีพ เช่น ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หาบเร่ แผงลอย รับจ้าง เกษตรกร เป็นต้น ซึ่งกำหนดคุณสมบัติผู้ได้รับสิทธิ์ ดังนี้ 1.เป็นผู้มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป 2.ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แห่งกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม 3.ไม่เป็นข้าราชการ พนักงานราชการ หรือเจ้าหน้าที่ ที่ได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐ 4.ไม่เป็นข้าราชการการเมืองตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 5.ไม่เป็นผู้รับบำนาญปกติหรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ 6.ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 300,000 บาท ตามฐานข้อมูลที่มีล่าสุด 7.ไม่มีเงินฝากรวมกันทุกบัญชีเกิน 500,000บาท ตามฐานข้อมูลที่มีล่าสุด ดังนั้น หากเกษตรกรเป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับวงเงินช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทันที
น.ส.กุลยา กล่าวว่า ส่วนเกษตรกรที่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะมีการตรวจสอบในกลุ่มผู้ที่มีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ที่ได้ให้ความยินยอมให้นำข้อมูลไปประมวลผลหรือเปิดเผยเพื่อดำเนินมาตรการอื่น ๆ ของรัฐได้ (กลุ่มผู้ที่มีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”ฯ) ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ หากผ่านการตรวจสอบและคัดกรองตามคุณสมบัติข้างต้นจากฐานข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ จะได้รับวงเงินช่วยเหลือผ่านระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยภาครัฐ (g-Wallet) แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ทันที
“หากเกษตรกรเป็นผู้ที่ไม่มีข้อมูลอยู่ในระบบฐานข้อมูลกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มผู้ที่มีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”ฯ ต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com หากผ่านการตรวจสอบและคัดกรองตามคุณสมบัติข้างต้นจากฐานข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ จะได้รับวงเงินช่วยเหลือผ่านระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง””
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี