‘แรมโบ้-ธนกร’รุมถล่มยับ
‘ธนาธร’มั่ววัคซีน
อย่าเบี่ยงเบนถูกกลั่นแกล้ง
ฮึ่มนรกมีจริงเห็นผลชาตินี้
ย้ำคดีม.112ไร้ใบสั่งนายกฯ
พท.จ่อซักฟอกไม่เกิน7รมต.
โวใบเสร็จทุจริตเชิงนโยบาย
“แรมโบ้” เตือน “ธนาธร” นรกมีจริง ไม่ต้องรอชาติหน้ารับผลกรรมในชาตินี้แน่นอน ยันรัฐบาลจัดหาวัคซีนโควิด-19ทั่วถึง-ปลอดภัยลั่นแจ้งเอาผิด ม.112 ทำส่วนตัว ไม่เกี่ยวใบสั่ง นายกฯ ‘ธนกร’ถล่มซ้ำ ยัน รบ.ไม่กลั่นแกล้งใคร อย่าเบี่ยงประเด็นถูกกลั่นแกล้ง หยุดวิจารณ์วัคซีน โปร่งใส ตรวจสอบได้ เลขาฯประธานสภาฯแจงส่งให้ศาล รธน.วินิจฉัยสมาชิกภาพ’สิระ’แล้วกรณีร้องถอดถอนพ้นสส. ด้าน‘เพื่อไทย’แย้มมีรัฐมนตรีรอขึ้นเขียงซักฟอกไม่น้อยกว่า7คน โวมีใบเสร็จปมทุจริตเชิงนโยบาย สร้างขัดแย้งเชิงโครงสร้างในอนาคต
เมื่อวันที่ 22มกราคม นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การจัดซื้อวัคซีนโควิดและรัฐบาลแจ้งความ ม.112 เพื่อปิดปาก ว่า ไม่มั่นใจสิ่งที่ นายธนาธร ออกมาพูดนั้น เป็นการทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่ เพราะสวนทางกับพฤติกรรมที่ผ่านมาที่ล้วนทำไปเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองเท่านั้น บางอย่างอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคม หาก นายธนาธร อยากทำประโยชน์เพื่อประชาชนอย่างแท้จริงก็ไม่ควรออกมาสร้างความวุ่นวายสนับสนุนม็อบ ออกมาลงถนนตั้งแต่แรก
แรมโบ้ยันจัดซื้อวัคซีนโปร่งใส100%
ส่วนที่ นายธนาธร วิพากษ์วิจารณ์การจัดหาวัคซีนของไทยนั้น นายสุภรณ์ กล่าวว่า นายกฯได้ย้ำอยู่เสมอว่าคนไทยทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนและต้องปลอดภัยสูงสุด เพราะนายกฯและรัฐบาล ได้ให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้แล้ว รวมทั้ง รมว.สาธารณสุข ยังยืนยันการจัดหาวัคซีนโควิด เป็นไปตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)และยังสามารถไปค้นดูจากมติครม.ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน โปร่งใส100%
แจ้งจับในนามส่วนตัว/ไร้ใบสั่ง
“การที่ นายธนาธร ระบุว่าการแจ้งความมาตรา112และพรบ.คอมพิวเตอร์ เป็นการทำเพื่อผลทางการเมืองนั้น ยืนยันว่า ทำในนามส่วนตัว ไม่ได้สั่งการจากนายกฯตามที่ นายธนาธร กล่าวอ้าง เพราะผมและคณะที่ไปแจ้งความ ทนไม่ได้กับพฤติกรรมที่พูดจาบจ้วงสถาบันฯ พยายามดึงสถาบันฯมาเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ถือเป็นการทำผิดกฎหมายมาตรา112 ที่เป็นการละเมิดกฎหมายอย่างชัดเจน อีกทั้งยังปั้นแต่งเรื่องโจมตีนายกฯและรัฐบาลในช่วงที่นายกฯกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน เพียงเพราะความอิจฉาอาฆาตแค้นส่วนตัว ผมและคณะจึงนิ่งดูดายเรื่องนี้ไม่ได้ นายธนาธร ทำตัวเป็นคนเนรคุณแผ่นดินเกิดตัวเอง ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณก็ไม่สมควรอยู่ในประเทศนี้อีกต่อไปและมั่นใจว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็คิดเช่นเดียวกับผม อย่าเอาวัคซีนที่รัฐบาลเอามารักษาชีวิตประชาชน มาโยงใยเล่นตีกินทางการเมืองและทำลายสถาบันฯ เพราะประชาชนคนไทยจะสาปแช่งให้วิบัติมีอันเป็นไป ซึ่งไม่ผลเป็นดีต่อครอบครัวของ นายธนาธร แผ่นดินไทยสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ใครคิดร้ายต่อแผ่นดินและบ้านเมือง บาปกรรมมีจริงนรกมีจริง ไม่ต้องไปรอรับกรรมชาติหน้า แต่จะได้รับผลกรรมตามทันในชาตินี้แน่นอน ไม่เชื่อรอดู’
ธนกรชี้คดีน้องชาย’ธร’หลักฐานชัด
ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่า รัฐบาลกลั่นแกล้งตามบี้คดีน้องชายติดสินบนเจ้าหน้าที่สำนักทรัพย์สินฯและเรือยอร์ชซื้อมือสอง ไม่ได้จดทะเบียนเอง อีกทั้งถูกวางเพลิง ว่า ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยกลั่นแกล้งใคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นนายกฯ ของคนไทยทุกคน ไม่เลือกปฏิบัติ ทุกอย่างเท่าเทียมเสมอภาค คดีน้องชาย นายธนาธร เป็นไปตามปกติ รัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย และคดีนี้มีความชัดเจน เพราะมีหลักฐาน
“ผมผิดหวังกับพฤติกรรมนายธนาธร วันๆคิดทำแต่สิ่งที่ไม่ดี เชื่อว่าวันนี้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศรู้แจ้งเห็นชาติแล้วว่า นายธนาธร เป็นคนอย่างไร มีพฤติกรรมตรงข้ามกับสิ่งที่พูด หากสังคมปล่อยให้คนแบบนี้มาปกครองบ้านเมืองประเทศชาติจะเป็นอย่างไร นายธนาธร สร้างภาพเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต แต่พฤติกรรมตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นคดีน้องชาย คดียุบพรรคอนาคตใหม่ หรือคดีญาติรุกป่าฯลฯ”
เลี่ยงภาษี-จับได้หาว่ากลั่นแกล้ง
นายธนกร กล่าวอีกว่า ส่วนเรือยอร์ชเลี่ยงภาษีเป็นการวางเพลิงหรือไม่นั้น รัฐบาลก็ไม่เกี่ยวข้อง แต่สังคมรับไม่ได้ที่เลี่ยงภาษี หลายสิ่งหลายอย่างที่ นายธนาธร กระทำเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่พอเรื่องแดงก็มักจะหาทางออกโดยการกล่าวหารัฐบาลกลั่นแกล้งบ้าง สกัดไม่ให้เคลื่อนไหวทางการเมืองบ้าง อยากจะบอก นายธนาธร ว่า ขอให้กลับตัวกลับใจ ดูองค์คุลีมารเป็นตัวอย่าง สังคมยังให้อภัย การจัดหาวัคซีนนั้น นายธนาธร ควรหยุดบิดเบือนได้แล้ว ประชาชนเข้าใจแล้ว โปร่งใสตรวจสอบได้
พท.แย้มส่งขุนพลซักฟอก10คน
ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย(พท.)ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรคเพื่อไทย ว่าพรรคฝ่ายค้านไปพูดคุยกันมาตมลำดับได้กรอบกว้างๆและพรรคร่วมฝ่ายค้านจะประชุมกันในเย็นวันที่ 22 มกราคมนี้โดยจะสรุปทั้งประเด็น ข้อมูลและผู้จะอภิปรายและวันที่24มกราคม พรรคร่วมฝ่ายค้านจะประชุมกันเพื่อสรุปสุดท้ายอีกครั้ง เพราะอาจจะมีเรื่องเดียวกัน หัวข้อเดียวกัน เราก็จะมาดูกันว่าจะสนธิกำลังกันอย่างไร จะเหลือแค่เพียงเวลาว่า แต่ละพรรคจะได้เท่าไหร่ คงต้องยื่นญัตติก่อนแล้วคุยกับทางรัฐบาลว่าได้เวลาทั้งหมดเท่าไหร่ จากนั้นจึงมาค่อยแบ่งกัน
เมื่อถามว่าผู้จะอภิปรายของพรรคเพื่อไทยมีกี่คน นายสุทิน กล่าวว่า ประมาณ10 คน บวก 2-3คน ไม่น่าจะเกินนี้ จะน้อยกว่าครั้งก่อน เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่ามีปัญหาเรื่องการจัดสรรการอภิปรายในส่วนของพรรคเพื่อไทยกันเอง นายสุทิน กล่าวว่า จะมีอย่างนี้ตลอดทุกพรรค เพราะเวลามีการอภิปราย คนก็อยากอภิปรายเยอะ ซึ่งเนื้อหาอาจซ้ำกันก็ต้องมาจัดการ รวมทั้งเรื่องเวลาด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มีปัญหาเรื่อยๆทุกครั้ง แต่สุดท้ายก็จบไปได้ ไม่มีปัญหา ไม่ใช่เรื่องของความขัดแย้ง
คาดซักฟอกรมต.ไม่เกิน7คน
เมื่อถามว่า รัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายมาจากทุกพรรคใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ใช่ ทุกพรรคมีสิทธิเสนอ แล้วนำข้อหาและข้อมูลมาเพื่อวางเนื้อหาร่วมกัน ทั้งนี้ มีข้อมูลที่โยงไปถึงการทุจริตอย่างแน่นนอน นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความบกพร่องในการบริหารและความผิดพลาดจนทำให้บ้านเมืองเสียหาย ประชาชนลำบาก เมื่อถามย้ำว่า ถึงขึ้นมีใบเสร็จหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า “มีครับ คราวนี้มีใบเสร็จ เพราะมีการทุจริตเชิงนโยบายที่สร้างความเสียหายและสร้างความขัดแย้งเชิงโครงสร้างในอนาคต”ถามว่า พอจะแย้มได้หรือไม่ว่า มีรัฐมนตรีจะถูกอภิปรายกี่คน นายสุทิน กล่าวว่า ตอนนี้มีอยู่ประมาณ7บวกๆ”
‘เสรีพิศุทธ์’พุ่งเป้าปมบ่อนพนัน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ตนไม่อยากอภิปราย เพราะออกทีวีทุกวัน ตนเบื่อ แต่ครั้งนี้ นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา อดีตหัวหน้าพรรคประชาชาติ บอกว่า ในพื้นที่เขาอยากเห็นมวยคู่เอกระหว่าง“เสรีกับประยุทธ์”ตนเลยร่วมอภิปรายด้วย อยากจะดูว่าน็อคหรือนับ 9แล้วลุกขึ้นมา
เมื่อถามว่าจะอภิปรายเรื่องบ่อนใช่หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า “เยส เรื่องบ่อนตนชำนาญจับมาหมด ตั้งแต่ยังไม่เป็น ผบ.ตร.ก็จับมาหมด แล้วที่นายกฯบอกว่า ร้อยนายกฯก็จับไม่ได้ มันอะไรกัน ขอให้ใจเย็นๆ ไปฟังในวันอภิปราย” เมื่อว่าถามครั้งนี้จะมีหมัดเด็ดจนทำให้เกิดมวยคู่เอกจริงๆหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ถ้าตนอภิปราย หากไม่หน้าด้านก็ต้องออก ถ้าคนเรามีความรับผิดชอบ ไม่ต้องให้อภิปรายด้วยซ้ำไป ถ้าอภิปรายแล้วอย่าหน้าด้านก็แล้วกัน เมื่อถามย้ำว่านอกจากพล.อ.ประยุทธ์ มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ต้องพิจารณากันว่า เกี่ยวข้องหรือไม่ “สงสารพี่ป้อมเหมือนกัน เดี๋ยวแกเป็นลมเสียก่อน แค่นี้ก็เดินไม่ไหวอยู่แล้ว”
‘ครูตั้น’ให้‘ทยา’ตัดสินลงผู้ว่ากทม.เอง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยขึ้นด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ใช้เวลานั่งรอประมาณ 1ชั่วโมง ก่อนจะเข้าพบหารือใช้เวลา 15นาที จากนั้น นายณัฐพล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นางทยา ทีปสุรรณ อดีตรองผู้ว่ากทม.เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม.โดยปฏิเสธว่านายกฯไม่ได้เรียกมาพูดคุยเรื่องดังกล่าว การลงสมัครผู้ว่ากทม.ของภรรยา เป็นการเสนอตัวให้ประชาชนคนกรุงเทพฯเลือกแค่นั้น ไม่ได้มีอะไร เพียงแสดงเจตจำนงสนใจที่จะเป็นตัวเลือก ส่วนแผนงานที่จะทำให้ได้รับการเลือกก็ต้องมานั่งดูว่าจะไปทางไหน สำหรับตนมีความเป็นพรรคอยู่ก็ต้องระมัดระวังในการที่จะขับเคลื่อน เพราะมีเรื่องของกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่ต้องระมัดระวังพอสมควร
‘ข่าวช่วง 2วันที่ผ่านมาอาจมีความผิดเพี้ยนบางเรื่อง แต่ นางทยา ตัดสินใจเสนอตัวเพื่อเป็นตัวเลือกในการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ก็แค่นั้น นั่นคือเรื่องใหญ่สุด หลังจากนั้นจะมาเกี่ยวข้องกับพรรคใดพรรคหนึ่งเป็นเรื่องที่แต่ละพรรคจะต้องมาพิจารณาเรื่องความเหมาะสม เขาตั้งใจที่จะทำงานเพื่อการเมือง คงไปห้ามไม่ได้ ผมเป็นสามี ยังห้ามไม่ได้’นายณัฏฐพลกล่าว
ชงศาล รธน.ถอด’สิระ’พ้นสส.แล้ว
นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส กับคณะรวม 14 คน เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยความเป็นสส.ของ นายสิระ เจนจาคะ สส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(10) หรือไม่ว่า เป็นการยื่นผ่านช่องทางมาตรา82ของรัฐธรรมนูญ โดยยื่นคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฏร เพื่อให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็น สส.ของ นายสิระ สิ้นสุดลงหรือไม่ เมื่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏรทำตามขั้นตอนในทางธุรการ โดยตรวจคำร้องและลายมือชื่อของ สส.ที่เข้าชื่อแล้วจำนวนครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญและลายมือชื่อถูกต้อง มาตรา82 วรรคหนึ่งกำหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฏรส่งคำร้องดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัย เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้รับมอบอำนาจ จึงไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ วานนี้ (21ม.ค.)และได้มีหนังสือแจ้งไปยัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แล้ว ถือว่าคดีอยู่ในขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว การแสดงความคิดเห็นใดๆ ต้องใช้ความระมัดระวัง
‘สิระ’มั่นใจคุณสมบัติถูกต้องตามกม.
นายสิระ เจนจาคะ สส.กทม.รรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีคำวินิจฉัยออกไปในทิศทางใดและศาลจะมีคำสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องปกติที่บุคคลสาธารณะจะถูกตรวจสอบได้ มั่นใจว่า ตนเองมีคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ เพราะสมัยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก็ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติมาแล้ว จึงมั่นใจ ไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหาคำร้องของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี