การันตีจับ11รมต.ขึ้นเขียง
ฝ่ายค้านลับมีด
ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ25ม.ค.
พปชร.เชื่อบิ๊กตู่ตอบได้หมด
‘อนุทิน’บอกไม่น่ามีปัญหา
ปชป.ระดมถกสส.-ทีมงาน
เฟ้นหาตัวคนชิงผู้ว่าฯกทม.
โจ้-จิรายุ เผยฝ่ายค้านยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาล 25 มกราคมนี้ แย้มมี 11 รัฐมนตรี ขึ้นเขียงแน่ ด้านพปชร.มั่นใจบิ๊กตู่เอาอยู่เหน็บกลับไปถึงแม้ว-ปู ทำเลอะเทอะไว้หลายโครงการ ด้านเสี่ยหนูพร้อมชี้แจง “ปชป.” นัดระดม “สส. -อดีตสส.”คุยเตรียมความพร้อมนโยบายเพื่อคนกรุงฯ รับสู้ศึกเลือกตั้งผู้ว่ากทม
มื่อวันที่ 24มกราคม นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวเตรียมจัดทำนโยบายกรุงเทพมหานครว่า ในวันที่ 25มกราคม เวลา 14.00น.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคปชป.นัดประชุมร่วมกันระหว่าง สส.อดีต สส.อดีตผู้สมัคร เพื่อหารือ ระดมความคิดเห็น ในเรื่องนโยบายกรุงเทพมหานคร เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ส.ก. ซึ่งการเตรียมความพร้อมในเรื่องนโยบายซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการจะเข้าไปทำงานไม่ว่าจะในส่วนของ บุคคลที่จะไปทำหน้าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะเป็นผู้บริหาร และในส่วนของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ส.ก.ซึ่งจะเข้าไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งสองส่วน มีความสำคัญที่จะต้องมีนโยบายเป็นหลักการทำงานพื้นฐานที่สำคัญ การระดมความคิดเห็นทุกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร มีหลายเรื่องที่จำต้องมีนโยบายใหม่เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด มีหลายเรื่องที่ต้องปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น และเรื่องใดที่เป็นของเดิมที่ดีอยู่แล้วก็จะมีการสานต่อและทำให้ดียิ่งขึ้น เพื่อนำเสนอนโยบายที่ดี ในการทำงานให้กับพี่น้องชาว กทม.ต่อไป
เสนอตัวชิงผู้ว่ากทม.เพียบ
นายราเมศ กล่าวต่อว่า หลังจากที่เปิดให้ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ในส่วนของการเลือกตั้ง ส.ก.ได้มีผู้ที่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก หลายคนเป็นคนมีศักยภาพ อยู่ใกล้ชิดทำงานให้กับพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว มีส่วนของคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจเข้ามาอาสารับใช้ประชาชนก็มีหลายคน ความเป็นสถาบันทางการเมือง ของพรรค การดำเนินการมีการดำเนินการรอบคอบ ผ่านการคิดที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วม นโยบายที่จะนำไปใช้ต้องก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครอย่างแท้จริง
มั่นใจบิ๊กตู่รับมือซักฟอกสบาย
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการยื่นอภิปรายไม่วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านนั้น รัฐบาลไม่ได้วิตกกังวลอะไร เพราะที่ผ่านมามั่นใจว่ารัฐบาลบริหารงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความตั้งใจที่จะทำงานให้กับประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมาย เป็นรูปธรรมชัดเจนประชาชนจับต้องได้ การที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นอภิปรายในครั้งนี้ส่วนตัวมองว่าอาจจะเป็นเวลาที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก เนื่องจากขณะนี้ประเทศกำลังประสบปัญหาวิกฤตโควิด ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในหลายๆ ด้าน รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างเต็มที่เพื่อให้ประเทศผ่านวิกฤติในครั้งนี้
นายธนกร กล่าวอีกว่า การใช้เวทีสภาฯ ตรวจสอบรัฐบาลเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามครรลองประชาธิปไตย ซึ่งตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่จะเป็นเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ประชาชนก็เฝ้ามองอยู่ เพราะเท่าที่ตนทราบการอภิปรายในครั้งนี้ไม่ได้มีข้อมูลใหม่อะไร เท่าที่โหมโรงมาก็เป็นเรื่องเก่า เกรงว่าประชาชนจะเบื่อหน่าย ยิ่งถ้าเอาเรื่องความล้มเหลวของการบริหารโควิด-19มาอภิปรายก็คงไม่ใช่ เพราะรัฐบาลบริหารจัดการได้ดีจนทั่วโลกชื่นชม ส่วนการระบาดระลอกใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ก็บริหารจัดการจนสถานการณ์ผ่อนคลายลงเรื่อยๆ และประชาชนชื่นชมที่ไม่ได้ล็อกดาวน์ อย่างน้อยก็สามารถผ่อนคลายความเดือดร้อนไปได้บ้าง เศรษฐกิจก็ไม่ได้แย่มาก อย่างไรก็ตาม เห็นพรรคร่วมฝ่ายค้านจุดพลุว่าดุเดือดเลือดพล่าน แต่คงเหมือนฉายหนังเก่า ประชาชนเดาได้ว่าตอนจบไม่มีอะไรใหม่ ระวังพระเอกตายตอนจบ ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์สามารถชี้แจงได้ทุกเรื่องเพราะรัฐบาลไม่ได้ทำอะไรผิด บริหารงานโดยใช้หลักธรรมาภิบาล จึงไม่กลัวการตรวจสอบ แต่ไม่อยากให้ฝ่ายค้านใช้วาทกรรมหรือข้อมูลเท็จโจมตีรัฐบาล เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์ อยากให้อภิปรายอย่างสร้างสรรค์
พปชร.สับกลับรัฐบาลแม้ว-ปู
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ว่า7ปี สู้ โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐทำวันเดียวไม่ได้นั้น อยากให้พรรคเพื่อไทย ย้อนกลับไปว่า นับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เราทำอะไรบ้าง อย่าว่าแต่แค่คำสั่งที่มิชอบที่ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ เคยทำเอาไว้เลย พล.อ.ประยุทธ์มาล้างโครงการโคตรโกงที่รัฐบาล2พี่น้องเคยทำเอาไว้มากมาย และยังมีผลงานโปรเจคในรัฐบาลนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมากมาย แต่ไม่เคยมีข่าวทุจริตเรื่องการเรียกเก็บสินบนใต้โต๊ะเหมือนในสมัยรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เหมือนในอดีตยุคของนายทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ที่ปล่อยให้ เจ้ ด.เข้ามาสั่งการทุกเรื่อง
“พลเอกประยุทธ์ต้องใช้ความสามารถหาเงินใช้หนี้แทนหลายโครงการ อาทิ โครงการจำนำข้าว ที่ต้องหาเงินมาช่วยชาวนาหลังจากเจ๊ ด. หอบเงินแสนล้านหนีไปสมทบพี่ชาย น้องสาวในต่างประเทศ ไปเสวยสุขกันที่นั่น ปล่อยให้ลิ่วล้อติดคุกติดตะราง กันจนทุกวันนี้ คนไทยไม่มีวันลืมได้ลงและเจ็บปวดหัวใจที่สุด”นายสุภรณ์ กล่าว
นายสุภรณ์ กล่าวอีกว่า ยังไม่หมดเท่านี้ โครงการโคตรโกงที่ศาลตัดสินแล้ว คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากมายมหาศาล โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังจะมีหน้ามาพูดอีกว่า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ 7ปีไม่มีผลงานและไม่ได้ทำอะไร หัดใช้สมองไตร่ตรองดูหน่อย ถ้าทำดีไม่โกง จะหนีหัวซุกหัวซุนไปทำไม แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ ใครทำไม่ดีพระสยามเทวาธิราช ท่านจะลงโทษ จะไม่มีแผ่นดินอยู่ จะถูกคนไทยตราหน้าว่า ทรราชย์หากพรรคเพื่อไทยถ้ายังสนับสนุนทรราชย์ก็จะได้ชื่อว่าเป็นสมุนของทรราชย์ เช่นเดียวกัน
บอก”ประยุทธ์”ไม่ด่างพร้อย
ตนขอย้ำว่า หากคิดจะเอาการแก้ปัญหาโควิดมาโจมตีพลเอกประยุทธ์นั้น ตนบอกเลยคิดผิด เพราะทั้งโลกเขายกย่องประเทศไทย องค์การอนามัยโลกก็ยกย่องประเทศไทยในการเอาชนะโควิด ฉะนั้นพรรคเพื่อไทย กรุณาตรวจสอบข่าวด้วยอย่าพูดพล่อยๆพูดมั่วๆ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังอ่อนหัดพรรษาทางการเมือง จะพูดจาอะไรระวังเข้าตัว พรรคจะเสียหาย เอาสมองส่วนไหนมามาคิด หน้าดูสวยดี แต่สมองกลับบูดเบี้ยวตรงกันข้ามกับใบหน้ามากเอาอะไรมาพูด ประธานาธิบดีโจไบเดนเพิ่งเข้ามา 1วันจะมีผลงานมากกว่าได้อย่างไร เป็นคำพูดเปรียบเปรยที่ทุเรศไร้สาระมากๆความคิดต่ำกว่าเด็กอนุบาลเสียอีก”
“พลเอกประยุทธ์ทำงานมา7ปี ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยเรื่องการโกงหรือทุจริตคอร์รัปชั่นเหมือนกับคู่อดีตนายกฯสองพี่น้องของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นผู้นำเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ จากเงินภาษีของพี่น้องประชาชนคนไทย จนร่ำรวย สุดท้ายหอบเงินหนีไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ต่างประเทศ เห็นแก่ตัวเอาเปรียบคนไทยที่สุด อย่างนี้เรียกว่า มีผลงานขี้โกงใช่ไหม ทำไมโฆษกสมองเด็กอนุบาลเช่น น.ส.อรุณี ไม่นำมาเปิดเผยให้ประชาชนทราบบ้าง” นายสุภรณ์ กล่าว
ค้านค่าโดยสารรถไฟฟ้าสีเขียว
วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พร้อมด้วยนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี และนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าว กรณีการขึ้นคาฝ่ารถไฟฟ้าสายสีเขียว 104 บาท
โดย นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า วันนี้พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากทม. ได้ประกาศว่า วันที่ 16 ก.พ.นี้ จะขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว 104 บาท ซึ่งวันนี้สถานการณ์โควิด-19 เศรษฐกิจ ปะชาชนกำลังเดือดร้อน การที่มาขึ้นค่าโดยสารสุงสุด 104 บาทต่อเที่ยว ซึ่งหากไปกลับจะเป็นเงิน 208 บาท แต่ค่าแรงขั้นต่ำของคนกรุง 331 บาท วันนี้เขาจะอยู่ได้อย่างไรและถามว่าผู้ว่ากทม. คิดได้อย่างไรในการให้เหตุผลว่า ถ้าไม่ขยายสัมปทานออกไป 40 ปี ก็ต้องมีมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) สั่งไม่ให้กทม.ขึ้นค่าโดยสาร อย่างไรก็ต้องขึ้นค่าโดยสาร ทั้งยังท้าให้ฟ้องป.ป.ช. ได้เลยไม่สนใจ สาเหตุที่ต้องดำเนินการเนื่องจากทม. เป็นหนี้บีทีเอสอยู่ เช่นนี้เหมือนเอาประชาชนคนกรุงเทพฯมาเป็นตัวประกัน และเป็นการซ้ำเติมวิกฤตโควิด-19 และวิกฤตเศรษฐกิจ จึงไม่ทราบว่า นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำไมยังอยู่เฉย และไม่มีการเรียก พล.ต.อ.อัศวิน ไปพูดคุยเพื่อหาทางยับยั้งไม่ให้ขึ้นค่าโดยสาร และเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวนี้จะเป็นประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ต่อด้วย ส่วนที่มีการถามว่า เหตุใดจึงเอาข้อมูลมาแถลงเปิดก่อนนั้น เนื่องจากพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อประธานสภาฯ ในวันที่ 25ม.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา และคาดว่าจะได้อภิปรายไม่ไว้วางใจหลังวันที่ 16ก.พ.นี้
ต้องยับยั้งใม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อน
“ถ้าพรรคเพื่อไทยรอ จะไม่ทันการ เพราะจะมีการขึ้นค่าโดยสารไปก่อน ดังนั้น เราจึงหาวิธีการยับยั้งความเดือดร้อนของประชาชนก่อน” นายยุทธพงศ์ กล่าว
และว่า นอกจากนี้ ที่มีปัญหาคือ กทม.การรับโอนส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว คือเขียวเหนือและเขียวใต้ มาจากกระทรวงคมนาคม โดยเป็นหนี้รฟม. 51785 ล้านบาท พล.ต.อ.อัศวิน จึงได้มีการออกข้อบัญญัติกทม.เรื่องการกู้เงินเพื่อให้ในการโอนทรัพย์สินและหนี้สินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตและช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ พ.ศ.2561 เพื่อกู้เงินไปจ่ายแต่จนึงวันนี้ผ่านมาแล้ว 3 ปี ยังไม่ทำอะไรเลย ไม่มีการกู้เงินสักบาท และมาใชวิธีการขึ้นค่าโดยสาร ซึ่งเรื่งนี้เคยเข้าครม. ไปแล้ว และครม.ก็อนุมัติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังกู้เงินมาให้กทม. เพื่อใช้หนี้รฟม. แปลว่ากทม. เตรียมการเรื่องเป็นหนี้อยู่แล้ว และมีแหล่งเงินที่จะไปจ่ายคืนให้รฟม.อยู่แล้วด้วย เหตุใดจึงไม่ดำเนินการ นอกจากนี้มติครม. ยังกำหนดให้กทม.บริหารจัดการรายได้ตั้งงบประมาณให้เพียงพอต่อการชำระหนี้ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และพิจารณาค่าโดยสารให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ ซึ่งเป็นมติตั้งตั้งแต่ปี61 จึงถามว่าเหตุใดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่ากทม. จึงไม่ปฎิบัติตาม ทั้งนี้เรื่องหนี้ 5 หมื่นกว่าล้านนี้ นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่ากทม. เข้าข่ายการละเว้นปฎิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 และจับเอาคนกทม. เป็นตัวประกัน
แนะให้ชะลอออกไปก่อน
“ดังนั้นจึงมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาล คือ 1. ขอให้กทม. ชะลอการขึ้นค่าโดยสาร 104 บาท ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ออกไปก่อน 2. การคิดค่าโดยสารที่เหมาะสม ราคาเริ่มต้นและสุงสุดต้องอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะไม่มีใครอยากนั่งต้นสายไปยังปลายทาง เพราะค่าเฉลี่ยประชาชนจะนั่งเพียง 12 สถานีเท่านั้น และ 3.โครงการรถไฟฟ้าเป็นบริการสาธารณะ ไม่ใช่ลงทุนไปแล้วมาคิดเอากำไรกับประชาชนเพื่อให้ได้กำไรสุด และกทม.ต้องดูแลประชาชน และทำอย่างไรให้ประชาชนได้ค่าโดยสารที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามหลักฐานดังกล่าวนี้ วันที่ 26 ม.ค.นี้ ตนจะนำไปยื่นหนังสือต่อ นายกฯรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าฯกทม. เพื่อยับยั้งไม่ให้ขึ้นค่าโดยสาร” นายยุทธพงศ์ กล่าว
นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ครั้งนี้จะต่างจากอภิปรายครั้งที่แล้ว เพราะปีที่แล้วไม่ให้เอาเรื่องเก่ามาอภิปราย แต่การอภิปรายครั้งนี้รัฐบาลบริหารงบประมาณมาแล้ว 2 ปี มีการใช้งบประมาณที่บกพร่อง ทุจริต เอื้อประโยชน์ ฯลฯ ดังนั้นการอภิปรายครั้งนี้พรรคฝ่ายค้านมีทีเด็ดและหลักฐานค่อนข้างชัดเจน และสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลที่สุด
ย้ำเปิดอภิปรายประมาณ11คน
เมื่อถามว่า การอภิปรายครั้งนี้จะมีรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายกี่คน นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า รายชื่อที่สื่อมีอยู่ที่ประมาณ 11 คน ตนเรียนว่ายังไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่ถูกประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว
เมื่อถามย้ำว่ามี 11 คนใช่หรือไม่ นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า มีประมาณ 11 คน แน่นอน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ นายยุทธพงศ์ และคณะแถลงข่าวนั้นทาง บริษัทบีทีเอสได้ส่งทีมงาน นำโดย พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะที่ปรึกษาบริษัทบีทีเอสมาร่วมรับฟังการแถลงข่าวด้วย
โวยนายกฯไม่ให้ความสำคัญสภา
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการจ่ายเงินเยียวยาว่า จากการตั้งกระทู้ถามเรื่องนี้ในสภาฯ นายกฯ ไม่มาตอบ ทั้งยั้งไม่ได้มีการมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดมาตอบ ซึ่งเรื่องที่อยากถามคือ ทำไมครั้งนี้จึงจ่ายเพียง 3500 จำนวน 2 เดือน ขณะที่ครั้งที่แล้วให้ 5,000 บาท จำนวน 3 เดือน นอกจากนี้ เรารู้สึกว่าการจ่ายเงินเหตุใดจึงมีความยากลำบาก ต้องจ่ายผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆและไม่จ่ายเป็นเงินสด คนไม่มีอินเทอร์เน็ต หรือโทรศัพท์มือถือจะทำอย่างไร แล้วเหตุใดเงินประกันสังคมตามมาตรา33 จึงไม่สามารถนำมาใช้ได้ รวมถึงข้าราชการก็ไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ ที่ผ่านมา เงินกู้ที่ ครม. กู้มาเพื่อแก้ปัญหาโควิด ท่านเอาไปใช้อะไรบ้าง แล้วหมดหรือยัง เพราะยังไม่เห็นความคืบหน้าจากส่วนใด
นายครูมานิตย์ กล่าวอีกว่า การเยียวยาครั้งนี้ค่อนข้างสับสน พันกันไปมากับกลุ่ม SME ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่ได้รับการดูแลอีก เรื่องนี้ พรรคพท.ได้มอบหมายให้ตนรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปสู่การอภิปรายต่อไป ทั้งนี้ เมื่อนายกฯ และรัฐมนตรีไม่ให้ความสำคัญกับสภาฯ ตนจึงเสนอผ่านนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. … ว่า เมื่อการแก้รัฐธรรมนูญยังดำเนินการอยู่ ขอให้เพิ่มการแก้รัฐธรรมนูญในหมวดที่ 6 เรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรี อย่างน้อยต้องเคยผ่านการเป็นส.ส.มา 1 สมัย เพื่อให้เขาเห็นความสำคัญและเข้าใจการทำงานของสภาฯ
ด้าน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องบ่อนการพนันว่า พอท่านให้ตำรวจเป็นอิสระ การปราบปรามบ่อนกลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ผู้ว่าราชการจงหวัดก็ไม่สามารถประสานงานกับตำรวจได้เหมือนเดิม จึงฝากข้อสังเกตไปถึงนายกฯว่า จะทำอย่างไรให้ทุกหน่วยงานบูรณาการกับเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้
‘อนุทิน’ ไม่กังวลถูกซักฟอก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวมีชื่อถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ไม่รู้สึกกังวลใจ เพราะเป็นเรื่องปกติที่สถานการณ์โควิด-19 จะต้องมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าไปอยู่ในโผรายชื่อที่จะถูกอภิปราย แต่เห็นว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้มีโอกาสชี้แจง และบางประเด็นอาจช่วยเสริมคำชี้แจงของรัฐบาลได้ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี