ปชป.ระดมสมองทำนโยบายสู้ศึก ลต.กทม. “องอาจ”โว มีทั้งคนใน-คนนอกพรรคสนใจลงชิงผู้ฯว่ากทม.เพียบ
เมื่อวันที่ 25 ม.ค.64 เวลา 14.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่กรุงเทพฯ ได้เป็นประธานการประชุมอดีต ส.ส.กทม. และอดีตผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรคฯ เพื่อระดมความคิดเห็นต่างๆสำหรับการจัดทำนโยบายเพื่อใช้ในการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ นายองอาจ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า การประชุมในครั้งนี้จะเป็นการมาพูดคุยกันถึงเรื่องนโยบายของพรรคในการบริหารงานพื้นที่กรุงเทพฯ โดยก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ได้เริ่มจัดทำนโยบายดังกล่าว แต่อาจจะเว้นว่างในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งในช่วงที่เกิดปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 พรรคได้เปิดการระดมความคิดเห็นผ่านทางออนไลน์ ให้ประชาชนร่วมกันเสนอแนวทางการแก้ปัญหาฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 ในกทม.
นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือน ส.ค.2563 พรรคได้จัดกิจกรรมออกไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนในกรุงเทพฯ ซึ่งได้รับผลกระทบต่อสถานการณ์โควิด-19 โดยพรรคจะนำความคิดเห็นทั้งหมดนี้มารวมกับความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิด้านอื่นๆ ที่เราได้มีการเชิญมาพูดคุยด้วยเป็นระยะๆ เกี่ยวกับปัญหาในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาสังเคราะห์และจัดทำนโยบายเพื่อใช้ในการบริหารงานกรุงเทพฯต่อไป
เมื่อถามถึงความพร้อมในการจัดวางตัวบุคคลลงสมัครผู้ว่าฯกทม.และ ส.ก. นายองอาจ กล่าวว่า ในเรื่องการเลือกตั้ง ส.ก.นั้น พรรคประชาธิปัตย์มีอดีต ส.ก.อยู่แล้วครึ่งหนึ่ง จากทั้งหมด 50 เขต ซึ่งคนเหล่านี้ยังทำงานใกล้ชิดกับประชาชนมาตลอด และยังประสงค์ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ก.อีกครั้งเพื่อทำงานช่วยเหลือประชาชน อีกส่วนพรรคได้เปิดรับสมัครผู้ที่สนใจต้องการลงสมัครเป็น ส.ก.ผ่านทางออนไลน์ ซึ่งเพิ่งปิดรับสมัครไปเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในภาครวมเป็นที่น่ายินดีว่ามีคนหนุ่ม สาว รุ่นใหม่ ให้ความสนใจจะมาทำงานการเมืองระดับท้องถิ่นจำนวนมาก ทั้งนี้ จะนำรายซื่อทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการสรรหาผู้ที่มีความเหมาะสมในลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ก.ในเขตต่างๆต่อไป
ผู้สื่อข่าวถึงการส่งบุคคลลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. นายองอาจ กล่าวว่า พรรคได้มีการพูดคุยกับบุคคลที่สนใจจะลงสมัครผู้ว่ากทม.ฯ ซึ่งมีอยู่จำนวนหนึ่ง มีทั้งที่เป็นคนในพรรคและนอกพรรค ซึ่งล้วนแต่เป็นคนที่พร้อมทำงานรับใช้ชาวกรุงเทพฯและเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งจะให้คนเหล่านี้ได้มาแนะนำตัวต่อไปในอนาคต ส่วนคนในพรรคที่มีชื่ออกมาเป็นข่าวนั้น สมาชิกพรรคมีสิทธิ์เสนอชื่อใครก็ได้ แต่เราจะนำทั้งคนที่เคยมีชื่อออกมาและชื่อที่ยังไม่เคยปรากฏเป็นข่าวร่วมทั้งรายชื่อบุคคลภายนอกมาพิจารณาร่วมกันทั้งหมด ส่วนที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เสนอรายชื่อ 4 คนและมีชื่อตนด้วยนั้น ต้องไปถามนายเทพไทว่าเสนอจริงจังหรือไม่
เมื่อถามว่า ในการพิจารณาตัวบุคคลของพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องดูรายชื่อจากพรรคการเมืองอื่นด้วยหรือไม่ นายองอาจ กล่าวว่า ตรงนั้นเป็นปัจจัยภายนอก แต่พรรคพิจารณาปัจจัยภายในเป็นเรื่องสำคัญหรือผู้สมัครของเราเป็นหลักมากกว่า ส่วนผู้สมัครของพรรคอื่นก็เป็นเรื่องธรรมดา และในการเลือกตั้งในกรุงเทพฯไม่ว่าจะครั้งใดก็มีการแข่งขันอย่างเข้มข้นเสมอเราจึงต้องการเตรียมความพร้อมของเราให้ดีที่สุด
ทั้งนี้ การพิจารณาคนลงสมัครเราดูหลายอย่างผสมผสานกันเพราะการบริหารราชการกรุงเทพฯ ต้องผสมผสานหลายอย่างเพราะต้องทำงายร่วมกับหลายหน่วยงานและหลายองค์กรโดยมีเป้าหมายสำคัญคือการทำงานให้ประสบความสำเร็จ เราไม่ได้คิดแค่ชนะเลือกตั้งเท่านั้น แต่ต้องคิดด้วยว่าจะเข้ามาบริหารงานกทม.อย่างให้ให้ประสบความสำเร็จ สำหรับเรื่องความสดความใหม่ของตัวบุคคลก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ประสบการณ์ความรู้ความสามารถก็ถือเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เสนอรายชื่อผู้เหมาะสม 4 คน ลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่า กทม. ประกอบด้วย 1.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค 2.ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นอดีต ส.ส. และเป็นอดีตรองผู้ว่าฯกทม. 3.นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เคยเป็นรองผู้ว่าฯกทม.สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯ และ4.นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี