1.เมื่อผู้มีเงินได้ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลได้คำนวนภาษีเงินได้ที่จะต้องชำระให้แก่ทางราชการแล้ว บางรายมีสิทธิขอคืนเงินภาษีที่ชำระไว้เกิน บางรายก็ต้องชำระภาษีอากรเพิ่มเติม ทางราชการก็จะต้องตรวจสอบว่าเป็นไปตามที่ผู้ขอคืนเงินภาษีอากรคืนหรือไม่

2.ในกรณีที่ทางราชการพิจารณาเห็นว่ามีการหักภาษีเงินได้เกินตามที่ผู้ขอคืนเงินภาษีอากรกล่าวอ้าง ทางราชการก็จะคืนภาษีให้โดยจ่ายเป็นเช็คหรือจ่ายคืนเข้าบัญชีธนาคารของผู้ขอคืนเงินภาษีอากร ในบางครั้งปรากฎว่ามีการคำนวนผิดพลาดทำให้จ่ายคืนเงินภาษีอากรผิดพลาดเกินไปไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่มีสิทธิหรือมีสิทธิได้คืนเงินน้อยกว่าเช่นนี้ ทางราชการก็จะมีหนังสือแจ้งยกเลิกหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีอากร (แบบค.37) หรือมีหนังสือแจ้งการสั่งคืนเงินภาษีอากรผิดพลาด (แบบค.31) เพื่อให้ผู้ขอคืนภาษีนำเงินที่ได้รับคืนเกินไปส่งคืนทางราชการ

3.ทางราชการได้เคยตอบข้อหารือส่วนราชการบางแห่งว่า หนังสือแจ้งการสั่งคืนเงินภาษีอากรผิดพลาด (แบบค.31) เป็นคำสั่งทางปกครองแต่มีบางส่วนราชการไม่เห็นด้วย จึงขอหารือว่าหนังสือแจ้งยกเลิกหนังสือคืนเงินภาษีอากร (แบบค.37) และหนังสือแจ้งสั่งคืนเงินภาษีอากรผิดพลาด (แบบค.31) เป็นคำสั่งทางปกครองที่คู่กรณีมีสิทธิอุทธรณ์ตามมาตรา 44 แห่งพรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 หรือไม่

4.ประเด็นข้อหารือดังกล่าว คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้เคยพิจารณาให้ความเห็นโดยสรุปว่า การที่เจ้าหน้าที่ได้นำคำสั่งทางปกครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นหรือผู้บังคับบัญชาก็อาจเพิกถอนคำสั่งทางปกครองดังกล่าวได้ (มาตรา 49,50,51 และมาตรา 52 แห่ง พรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ เรื่องเสร็จที่ 696/2543) สำหรับกรณีตามที่หารือการที่เจ้าหน้าที่สั่งคืนภาษีอากรผิดพลาด ก็ชอบที่จะแจ้งยกเลิกหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีอากร (แบบค.37) ดังนั้นการแจ้งยกเลิกตามแบบค.37 ถือว่าเป็นคำสั่งทางปกครอง ทำให้ผู้ขอคืนภาษีที่ได้รับเงินคืนภาษีอากรเกินไปมีหน้าที่จะต้องนำส่งเงินดังกล่าวคืนเช่นกัน หากผู้ขอคืนภาษีอากรที่รับเงินคืนภาษีอากรเงินไปไม่นำส่งคืน เจ้าหน้าที่ย่อมสามารถใช้มาตรการบังคับทางปกครองโดยการยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินเพื่อนำเงินมาชำระให้ครบถ้วนได้ตามมาตรา 57 (เรื่องเสร็จที่ 842/2552)...ก็ขอนำมาบอกกล่าวกันไว้...อย่านิ่งเฉย...