“วิษณุ” ย้ำเรียกคืนเบี้ยคนชรา ไม่มีติดคุกเพราะเป็นคดีแพ่ง แนะสอบเอาผิดเจ้าหน้าที่บกพร่อง ด้าน มท.1 แนะชะลอดำเนินคดี รอหารือ พม.สรุปแนวทางก่อนออกระเบียบฯ ส่วน ผวจ.โคราช เร่งถกแก้ปัญหาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหาเบี้ยผู้สูงอายุที่ถูกเรียกคืนย้อนหลัง
ว่าขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า แต่ได้สอบถามนายประภาส คงเอียด อธิบดีกรมบัญชีกลาง ทราบว่ากำลังคุยกันอยู่ว่าจะทำอย่างไร ส่วนที่นักกฎหมายให้ความเห็นว่าคนชราไม่ต้องคืนเงินนั้น เป็นหลักกฎหมายที่เข้าใจกันอยู่แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412 ซึ่งเป็นการให้ความเห็น แต่ต้องสุจริต ซึ่งบางคนดูแล้วว่าสุจริต แต่บางคนตนก็ไม่รู้ ยิ่งบอกว่าเมื่อเจอเป็นร้อยๆ ราย สมมติว่าคุณไปรับเงินบำนาญมานานแล้ว พอมารับเงินคนแก่ ซึ่งอาจจะสุจริตเพราะไม่รู้ แต่ต่อมา 2-3 ปี เกิดรู้ จึงเลยตามเลย รับต่อไป อย่างนี้ก็ไม่สุจริต ก็ต้องสอบเป็นรายๆ ไป
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า ส่วนที่จะมีการนำผู้สูงอายุติดคุกติดตะรางนั้นไม่เกี่ยว เพราะการเรียกคืนเงินเป็นคดีทางแพ่ง การจะคืนเงินหรือไม่คืนเงิน ก็เป็นเรื่องคดีแพ่ง ไม่มีติดคุก
เมื่อถามว่าจะมีการตรวจสอบหรือดำเนินการอย่างไรกับเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ชี้แจงเรื่องการรับสิทธิให้ผู้สูงอายุเข้าใจตั้งแต่แรก นายวิษณุ กล่าวว่า จะต้องสอบและดูกันให้ดี เหมือนอย่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยังมีเจ้าหน้าที่สมรู้ร่วมคิดทำผิดกฎหมาย หรือกรณีเงินทอนวัด ซึ่งเป็นลักษณะทำนองเดียวกัน
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมพิจารณาหาแนวทางดำเนินการ หากได้ข้อยุติแล้ว กระทรวงมหาดไทย จะแก้ระเบียบให้ เนื่องจากการออกระเบียบเป็นไปตามคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ กำหนดขึ้น และมีการมอบนโยบายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 7,850 แห่งทั่วประเทศ พิจารณาแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนจนกว่าเรื่องจะได้ข้อยุติ ซึ่งอาจจะมีการชะลอการดำเนินการกับผู้สูงอายุ 11,111 ราย โดยอยู่ระหว่างดำเนินการ 4,052 ราย และยังไม่ได้ดำเนินการอีกกว่า 1,700 ราย
พล.อ.อนุพงศ์ กล่าวต่อว่า หากพบในกรณีที่บุตรหลานทำงานเพื่อชาติ ก็น่าจะมีการพิจารณาออกระเบียบที่เหมาะสม ส่วนบางคนสมมติว่ารับบำนาญของตัวเองจำนวนมากอยู่แล้ว และไปรับเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำ ก็อาจจะมีระเบียบที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะพิจารณาหาข้อสรุป ถ้าจะให้แก้ไขระเบียบอย่างไร เราก็จะเร่งพิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าในระหว่างการหารือ ทางกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ อปท.ชะลอเรื่องการเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุก่อนหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า อปท.ไปสั่งไม่ได้ แต่เราได้ให้นโยบายในภาพกว้าง เช่น ถ้ายังอยู่ในระหว่างการเจรจาก็อย่าเพิ่งไปเรียกคืน ให้อยู่เฉยๆ อย่าเพิ่งดำเนินคดี ส่วนที่ดำเนินคดีไปแล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะไปหยุดอย่างไรเพื่อลดผลกระทบทั้งหมด
ด้านความคืบหน้ากรณีครอบครัวผู้สูงอายุหลายรายใน ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ร้องเรียนกรณีถูกเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุย้อนหลัง เฉลี่ย 70,000-100,000 บาท จนถูกฟ้องคดีต่อศาล ว่านายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา พร้อมด้วย น.ส.ศศินันท์ สันนิธิดาวัณย์ อัยการจังหวัดนครราชสีมา ได้ประชุมร่วมกับยุติธรรมจังหวัด คลังจังหวัด หาแนวทางช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ถูกเรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุ
นายวิเชียร กล่าวว่า จากการสำรวจของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พื้นที่ จ.นครราชสีมา พบผู้สูงอายุที่แจ้งในระบบสารสนเทศที่จะได้รับสวัสดิการจากภาครัฐซ้ำซ้อนกับเบี้ยผู้สูงอายุ 610 ราย มีจำนวนเงินที่รับเกินสิทธิจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 26,952,154.86 บาท ส่วนสถานการณ์เรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุจากผู้ไม่มีสิทธิ ดำเนินการแล้ว 195 ราย เป็นเงิน 7,802,898.86 บาท อยู่ระหว่างการดำเนินการ 285 ราย เป็นเงิน 15,026,896 บาท ยังไม่ดำเนินการ 89 ราย เป็นเงิน 3.792,300 บาท และยังไม่เบิกจ่าย 41 ราย
สำหรับแนวทางให้ความช่วยเหลือจะแบ่งออกเป็นกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ตามระเบียบ ซึ่งต้องมาดูรายละเอียดว่ามาจากสาเหตุใด เช่น อยู่ตัวคนเดียว ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จะต้องหาวิธีช่วยเหลือ เช่น การผ่อนชำระหรือไม่ ซึ่งจะต้องหารือกับหน่วยงานด้านกฎหมายและศึกษาถึงกฎระเบียบให้ชัดเจน ซึ่งทั้งหมดจะเสนอไปทางกระทรวงมหาดไทย
อย่างไรก็ดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้ให้ทางจังหวัดหาข้อมูลและเสนอแนวทางที่พอเป็นไปได้ไปให้พิจารณาแล้ว ทั้งนี้ ขอให้ผู้สูงอายุรอฟังข่าวดีเพราะภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจและกำลังหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี