‘บิ๊กตู่’ไฟเขียวอุ้มผู้ประกันตน
‘ม.33เรารักกัน’
ลุ้นครม.เคาะ3,500-4,500บาท
เงื่อนไขมีเงินฝากไม่เกิน5แสน
ถกทีมเศรษฐกิจวางแผนเชิงรุก
ตั้งเป้าดึงต่างชาติลงทุน4แสนล.
“บิ๊กตู่”ไฟเขียวโครงการ “ม.33 เรารักกัน” เยียวยาผู้ประกันตน ใช้เกณฑ์เดียวกับโครงการเราชนะ เงินฝากไม่เกิน5 แสนบาท คาดเข้าหลักเกณฑ์กว่า 9 ล้านคน “สุชาติ”เตรียมนำเข้าครม.สัปดาห์หน้า พร้อมทยอยจ่ายเงินมีนาคมนี้ด้าน “สุพัฒนพงษ์” รับปี’64 ยังต้องประคับประคองเศรษฐกิจ ตั้งเป้าดึงต่างชาติลงทุนในไทย 4 แสนล้านที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
และรมว.กลาโหม ได้ประชุมทีมเศรษฐกิจ บนตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมโพสต์ภาพขณะนั่งประชุม 2 เรื่องสำคัญ เรื่องแรก คือ มาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 ประกันสังคม ผมได้เห็นชอบในหลักการให้ช่วยเหลือผู้ประกันตนให้ครบทุกคน โดยจะเร่งนำเสนอให้ ครม. พิจารณาโดยเร็ว
และอีกเรื่อง เกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการลงทุนให้กับนักลงทุนชาวไทย และชาวต่างชาติ รวมทั้งการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ภายหลังวิกฤตโควิด และมาตรการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจครับ จะเห็นได้ว่า เราพยายามอย่างหนักที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และขณะเดียวกันเราก็มุ่งมั่นที่จะมองไปข้างหน้าเพื่อวางทิศทางเศรษฐกิจหลังโควิด ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะความร่วมมือทุกภาคส่วน ความพยายามของพวกเราทุกคนจะต้องประสบผลแน่นอนครับ #รวมไทยสร้างชาติ #ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
สำหรับในรายละเอียดในการประชุม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เผยว่า นายกฯเห็นชอบแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกันตนตามมาตรา33 โดยพร้อมจะเยียวยาจ่ายเงินในรูปแบบเดียวกับโครงการเราชนะ ภายใต้ชื่อ โครงการว่า “ม.33 เรารักกัน”
“ผมนำเสนอเงื่อนไขผู้ที่จะได้รับเงินเยียวยาว่าต้องมีบัญชีเงินฝากไม่เกิน 5 แสนบาท โดยจะไม่นำเกณฑ์เงินเดือนหรือรายได้ทั้งปีไม่เกิน 3 แสนบาทมาเป็นเงื่อนไข เนื่องจากในแต่ละบริษัท เงินเดือนแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่รายจ่ายแตกต่างกัน ทุกคนควรจะได้รับการเยียวยาเท่ากัน ส่วนของเม็ดเงินที่จะนำมาใช้ในการเยียวยา เป็นเงินกู้โครงการเดียวกับโครงการเราชนะ รวมทั้งสิ้น 4 หมื่นล้านบาท” รมว.แรงงาน ย้ำ
และว่า สำหรับเกณฑ์วงเงินช่วยเหลือ จะอยู่ที่ 3,500-4,500 บาท ต่อคน จ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังค์ คาดว่าจะมีผู้ประกันตนที่ได้รับเงินเยียวยา ประมาณ 9 ล้านคน จากผู้ประกันตนตามมาตร 33 ทั้งหมด 11 ล้านคน ทั้งนี้ จะนำหลักเกณฑ์ที่ตั้งไว้ไปหารือกับกระทรวงการคลังวันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ และจะมีความชัดเจนในวันดังกล่าว ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.ให้เร็วที่สุดในสัปดาห์หน้าหรืออย่างช้าสัปดาห์ถัดไป เพื่อให้เป็นของขวัญในวันแห่งความรัก 14 ก.พ. โดยตั้งเป้าจะจ่ายเงินให้ได้ในเดือนมีนาคมนี้
“นายกรัฐมนตรี กำชับให้เร่งแก้ไขปัญหากองทุนชราภาพให้เร็วที่สุด ซึ่งทางออกมี 2 ทางคือ การแก้ปัญหาระยะยาวคือการแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนชราภาพ ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะสั้น จะนำเรื่องไปหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาช่วยตีความว่า สามารถนำเงินมาลงทุนกับผู้ประกันตนได้หรือไม่ ในรูปแบบการปล่อยกู้ให้กับผู้ประกันตนในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำเงินในกองทุนประกันสังคมมาใช้ได้.-สำนักข่าวไทย
อีกเรื่องหนึ่ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำทีมเศรษฐกิจเข้าหารือกับนายกรัฐมนตรีว่า วันนี้ น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)และนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ได้มารายงานความคืบหน้าและให้ความมั่นใจในตัวเลขการดูแลเรื่องการลงทุนในประเทศ ซึ่งปี2564 เป็นอีกปีสำคัญที่เราต้องประคับประคองเศรษฐกิจ ก่อนที่จะมุ่งหน้าเติบโตในปี 2565โดยปีหน้าจะมีการเตรียมการคือเรื่องการลงทุนว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน โดยทั้งอีอีซีและบีโอไอตั้งเป้ารวมกันแล้วประมาณ 400,000 ล้านบาท ที่จะมีการลงทุนในปีนี้กับภาคเอกชน
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ในส่วนของการเดินหน้าธุรกิจใหม่ๆเราจะใช้เวลาในปีนี้ดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ๆเป็นปฏิบัติการเชิงรุก โดยมีการรายงานถึงผู้ที่สนใจจะมาลงทุนในประเทศ ทั้งบรรดาหอการค้าประเทศต่างๆ และทูตจากหลายประเทศที่มีความสนใจ แต่เรามีบางประเด็นต้องปรับปรุงแก้ไข เช่น กฎระเบียบ กฎกติกา ที่จะมีการปรับปรุงให้มีความสะดวกสำหรับการเข้ามาทำธุรกิจในประเทศ การเข้ามาอยู่อาศัยในราชอาณาจักร การขอวีซ่า การขออนุญาตทำงาน การจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทย เช่น ผู้ที่มีสำนักงานอยู่ในสิงคโปร์หรือฮ่องกงและสนใจจะมาตั้งสำนักงานที่กรุงเทพฯ เราจะต้องมีการปรับปรุงความสะดวกในการประกอบธุรกิจในการทำงานของเขา รวมถึงระบบภาษีบางประเภทที่จะต้องทำให้สอดคล้องเพื่อไปแข่งขันกับประเทศที่นักธุรกิจเหล่านั้นมีสำนักงานในภูมิภาค ซึ่งจะเป็นการช่วยดึงดูดนักลงทุน โดยจะใช้เวลาจากนี้ประมาณ 60 วันที่จะมีความชัดเจน ในการหามาตรการต่างๆดึงดูดนักลงทุน โดยทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราไปทำการบ้านมา 1 เดือน แล้วกลับมารายงานนายกฯ
นายสุพัฒนพงษ์กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการโรดโชว์ที่ขณะนี้ติดสถานการณ์โควิด-19 ไม่สามารถเดินทางต่างประเทศได้นั้น เรามีการใช้เทเลคอนฟอเรนซ์พูดคุยกันได้ อีกทั้งเรามีตัวแทนของสำนักงานบีโอไอและหน่วยสำนักงานต่างๆอยู่ตามต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยตนได้เชิญ หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษาของตน ซึ่งท่านเป็นอดีตผู้บริหาร บริษัทเจพีมอร์แกน ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทการเงินขนาดใหญ่ระดับสากล มีลูกค้ามากมายทั่วโลก มาเป็นหัวหน้าทีมปฏิบัติการเชิงรุกทาบทามทั้งบริษัทเอกชนไทยใหญ่ๆและในต่างประเทศ โดยจะแสดงให้เข้าใจถึงศักยภาพความพร้อมของประเทศไทยและเชิญมาลงทุน ซึ่งท่านมีเครือข่ายและมีความเข้าใจเรื่องการลงทุนต่างประเทศ
“ลักษณะทีมงานเป็นทีมเล็กๆเคลื่อนตัวเร็ว ไม่ต้องตั้งคณะทำงานกันใหญ่โต แต่เน้นที่เป้าหมาย แก้ตรงจุด เช่น ถ้าเราตั้งสำนักงานภูมิภาคที่จะให้ประเทศไทยมีศักยภาพในด้านนี้ ก็จะสอบถามความต้องการและเปรียบเทียบกับประเทศที่มีความโดดเด่นในเรื่องนี้ว่าเขาทำอะไรกันบ้าง และประเทศไทยมีความแตกต่างจากเขาอย่างไร ส่วนใดแก้ได้ทันทีและจะดำเนินการแก้ไข” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี