ศาลนัดฟังคำสั่ง 8 ก.พ. เพิกถอนปิดคลิปไลฟ์สด “ธนาธร” ปมวัคซีนโควิดพาดพิงสถาบันฯ หรือไม่ ธนาธรเผยไม่รู้สึกกังวล เพราะทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคำร้องที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการเผยแพร่คลิปการไลฟ์สดของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า รวมถึงการไต่สวนคำร้องคัดค้านของนายธนาธร ซึ่งยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนกานปิดกั้นการเผยแพร่คลิปการไลฟ์สดของนายธนาธร กรณีวิพากษ์วิจารณ์การจัดหาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีการพาดพิงถึงสถาบันกษัตริย์ด้วย
โดยในวันนี้ นายธนาธร ผู้คัดค้าน เดินทางมาศาลขึ้นเบิกความด้วยตัวเอง ขณะที่ฝ่ายดีอีเอส ผู้ร้อง มีนักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ และนายทศพล เพ็งส้ม ทนายความซึ่งปฏิบัติหน้าที่ที่ปรึกษากฎหมายให้ดีอีเอส ขึ้นเบิกความ
ทั้งนี้ฝ่ายดีอีเอส ผู้ร้องเสนอขอให้พิจารณาลับ ศาลพิจารณาแล้วยังไม่เข้าองค์ประกอบเพื่อการพิจารณาลับ จึงอนุญาตให้พิจารณาแบบเปิดเผย โดยศาลระบุถึงการไต่สวนวันนี้เป็นการพิจารณาเนื้อหากระทบต่อความมั่นคงตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับความผิดตาม ป.อาญา ม.112 จากนั้นได้เปิดคลิปไลฟ์สดของนายธนาธร หัวข้อ “วัคซีนพระราชทาน: ใครได้ใครเสีย?” ให้ชมในห้องพิจารณาคดีตั้งแต่ต้นจนจบ
จากนั้น นายธนาธร ขึ้นเบิกความมีเนื้อหาสรุปได้ว่า เหตุผลที่ออกมาไลฟ์สด ตนเป็นห่วงเรื่องการจัดการวัคซีนของไทย ควรฉีดให้กับประชากรอย่างทั่วถึงรวดเร็ว กลยุทธ์การจัดการวัคซีนของรัฐบาลไม่เหมาะสม ครอบคลุมประชากรน้อยเกินไป แผนการฉีดวัคซีนล่าช้า ทำให้ประเทศเสียหายเดือนละ 2.5 แสนล้านบาท ตามเอกสารแนบท้ายการประชุม ครม. เรื่องโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ประกอบกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขชี้แจงต่อกรรมาธิการสภาฯ ว่าจะฉีดวัคซีน 50% ได้ภายใน 3 ปี ไม่มีประเทศไหนทำอย่างนี้ หมายความว่าคนไทยต้องอยู่กับโควิดนานถึง 4 ปี การมีวัคซีนคือการเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์
ส่วนกรณีที่นายธนาธรพูดถึงในหลวง ร.10 ถือหุ้นในบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์นั้น นายธนาธร ระบุมีเอกสารหลักฐานยืนยันข้อเท็จจริงการถือหุ้น การจัดหาวัคซีนจากบริษัทแอสตราเซเนกามีสัญญา 3 ส่วน คือ 1.รัฐบาลจัดซื้อวัคซีนกับบริษัทแอสตราฯ จำนวน 26 ล้านโดส เพื่อฉีดให้ประชาชนไทยได้ราวเดือนพ.ค. 2.สัญญาบริษัทแอสตราฯ กับบริษัทสยามไบโอฯ ผลิตวัคซีน 200 ล้านโดส เพื่อกระจายขายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 3.รัฐบาลสนับสนุนทางการเงินให้บริษัทสยามไบโอฯ ผลิตวัคซีน
นายธนาธร เบิกความด้วยว่า วัคซีนทั้งหมด 21.5 % มาจากบริษัทแอสตราฯ 20 %กับบริษัทซิโนแวค 1.5 %ไม่กระจายความเสี่ยง บริษัทที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาลต้องมีการคัดเลือกโปร่งใส ประเด็นมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากข่าวทางยุโรปมีกรณีบริษัทผลิตยาส่งมอบวัคซีนไม่ทัน ถ้าความเสี่ยงดังกล่าวเกิดขึ้นกับไทย ใครจะรับประกัน รัฐบาลกล้ารับผิดชอบหรือไม่ ถ้าเป็นตนจะไม่เลือกบริษัทสยามไบโอฯ รัฐบาลควรคำนึงถึงเรื่องนี้ให้มากที่สุด
ศาลได้สอบถามนายธนาธรถึงการใช้คำว่าวัคซีนพระราชทาน นายธนาธร ชี้แจงว่า ตอนแรกคนเข้าใจเรื่องนี้ว่าเป็นวัคซีนพระราชทาน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พูด และหน่วยงานรัฐเป็นคนใช้คำนี้ ตนไม่ได้เป็นผู้เริ่มใช้ การที่หน่วยงานรัฐนำคำนี้มาใช้จึงไม่เหมาะสม ไม่ควรทำ ถ้าเกิดความผิดพลาดจะกระทบสถาบันฯ ได้
ต่อมา นักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการของดีอีเอส พยานฝ่ายผู้ร้องเบิกความเนื้อหาสรุปที่มาของการตรวจสอบเรื่องนี้ว่า เนื่องจากมีผู้ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ปอท. ให้ดำเนินคดีนายธนาธรในความผิดตาม ป.อาญา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และเมื่อพิจารณาข้อมูลต่างๆ แล้วก็ได้รับอนุมัติจาก รมว.ดิจิทัล ให้นำพยานหลักฐานต่างๆ มายื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งระงับปิดกั้น เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3 URL โดยเห็นว่า การไลฟ์สดของนายธนาธรเป็นการชี้นำให้ประชาชนตั้งคำถามกับในหลวงให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการถือหุ้นบริษัท มีผลกระทบทำให้เกิดการแสดงความคิดเห็นในสื่อสาธารณะ
ส่วน นายทศพล เพ็งส้ม พยานฝ่ายผู้ร้องอีกปาก เบิกความถึงการฟังไลฟ์สดของนายธนาธรแล้วเห็นว่ามีการบิดเบือน จึงไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับ ปอท. ให้ดำเนินคดีตาม ป.อาญา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เนื่องจากนายธนาธรพยายามบิดเบือนว่า รัฐบาลสั่งซื้อวัคซีนป้องกันโควิดจากบริษัทแอสตราฯ แล้ว จากนั้นบริษัทดังกล่าวจึงไปว่าจ้างบริษัทสยามไบโอฯ ให้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด ซึ่งนายธนาธรชี้นำให้เห็นว่าถ้าหากบริษัทสยามไบโอฯ ผลิตวัคซีนโควิดล่าช้า หรือไม่ได้คุณภาพ ก็จะเกิดความเสียหายกับผู้ถือหุ้น ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงว่าตามกฎหมายแล้ว กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทจะต้องรับผิดชอบมากกว่า
ภายหลังการไต่สวนทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้น ศาลจึงนัดฟังคำสั่งคดีนี้วันที่ 8 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น.
ขณะทีานายธนาธร เปิดเผยว่า ไม่ได้วิตกกังวลอะไร ศาลจะวินิจฉัยตัดสินอย่างไรก็เป็นอำนาจของท่าน เราทำตามหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ ได้ชี้แจงเหตุผลและพยานหลักฐานต่างๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี