‘บิ๊กตู่’ยันสถานการณ์ดีขึ้น
แก้วิกฤติโควิด
ติดเชื้อรายวันแค่490ราย
สั่งล่าพวกมั่วสุมสุ่มเสี่ยง
ศบค.วอนงดงานตรุษจีน
กทม.เปิดผลตรวจเชิงรุก
เขตภาษีเจริญนำโด่ง26คน
“บิ๊กตู่” แจงการบริหารจัดการไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล ลั่นสถานการณ์ดีขึ้น ระบุโชคดีประเทศมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง พร้อมสั่งคุมเข้มพวกจัดปาร์ตี้งานบันเทิงสุ่มเสี่ยง ขณะที่ศบค. รายงานผู้ป่วยใหม่ 490 รายเผยเคสชายแม่สอดติดเชื้อ แพร่ไป7 ครอบครัว มีผู้ป่วยยืนยันแล้ว 11 ราย เร่งสอบสวนหาผู้สัมผัสเพิ่ม พร้อมเฝ้าระวังช่องทางธรรมชาติ 4 จว.ติดชายแดนมาเลเซีย หวั่นเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อ วอนหยุดฉลองตรุษจีน ด้าน กทม.เปิดผลตรวจโควิด-19 เชิงรุก 6 เขต พบยอดป่วยสะสม 54 ราย เขตภาษีเจริญนำโด่ง
เมื่อเช้าวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกรายการผ่านแอปพลิเคชั่น พอดแคสต์ไทยคู่ฟ้า ถึงการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า ขอย้ำว่าการแพร่ระบาดในขณะนี้เป็นการแพร่ระบาดใหม่ในประเทศ ซึ่งไม่ได้เชื่อมโยงกับการระบาดในรอบแรก โดยอยากให้ทุกคนตั้งข้อสังเกตว่าการระบาดในปีที่แล้ว ด้วยความไม่ประมาทเจ็บแต่จบเราเลือกการล็อกดาวน์ เพราะทั้งไทยและชาวโลกต่างก็ไม่รู้จักโรคระบาดนี้มาก่อน แต่ก็เป็นการล็อกดาวน์ค่อยเป็นค่อยไปตามจังหวะและเวลาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยคำนึงถึงสุขภาพและปากท้อง จนเราประสบความสำเร็จ ในขณะที่หลายประเทศไม่กล้าปิดประเทศ หรือตัดสินใจเมื่อสายไป สุดท้ายก็ต้องล็อกดาวน์อยู่ดี แต่ก็ไม่สามารถควบคุมโรคได้ จนถึงทุกวันนี้ที่มีการระบาดและรอบ 2 หรือ 3 สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเราต้องดูต่างประเทศด้วย
ปัดเอื้อเจ้าสัว-กล่าวหาเลื่อนลอย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าคนไทยเรามีคติภาษิตอยู่แล้วว่า “เจ็บแล้วต้องจำ” จึงบันทึกทุกอย่างเป็นบทเรียนและสถิติ พร้อมวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และเชื่อมั่นว่าเรารู้จักการรับมือโรคนี้มากขึ้น และปรับมาตรการต่างๆ ให้สอดคล้องกับการแพร่ระบาด โดยต้องตั้งบนหลักวิชาการและบริบทของประเทศไทย เช่นการที่เราจะปิดสถานประกอบการใดก็ต้องพิจารณาจากตัวเลขสถิติที่สะท้อนการแพร่ระบาดของโรค ซึ่ง ศบค. พบว่าการแพร่ระบาดร้อยละ 40 มาจากชุมชน ตลาด ร้อยละ 4 สถานบันเทิงและบ่อนการพนัน ร้อยละ 3 ในขณะที่ร้านอาหาร ร้อยละ 1 ตัวเลขเหล่านี้ จึงสะท้อนออกมาเป็นข้อกำหนดและมาตรการของ ศบค.
ส่วนที่มีหลายคนอ้างว่าสั่งปิดตลาดแต่ไม่ปิดห้างสรรพสินค้าเอื้อเจ้าสัวนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไร้ตรรกะและไร้ข้อมูลสิ้นเชิง นอกจากนี้จะเห็นว่าในครั้งนี้รัฐบาลเลี่ยงการล็อกดาวน์ทั่วประเทศได้ โดยหันมาใช้การแบ่งโซนพื้นที่และกำหนดมาตรการควบคุมให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อกำหนดมาตรการให้สอดคล้องในแต่ละจังหวัด อย่างไรก็ตามในอนาคตอันใกล้ที่เราจะมีการฉีดวัคซีนนั้นก็เป็นมาตรการเสริมในการป้องกันและควบคุมโรค แต่มาตรการหลักทุกพื้นที่อย่างจำเป็น ต้องการ์ดไม่ตก และมีวินัยอย่างเต็มที่เหมือนเดิม
ยันมีพัฒนาการในทางที่ดี-ควบคุมได้
นายกฯ กล่าวว่า ถ้าทุกคนได้ติดตามการรายงานสถานการณ์จาก ศบค. อย่างใกล้ชิดทุกวัน จะเห็นว่าวันนี้เรามีพัฒนาการไปในทางที่ดียังอยู่ภายใต้การควบคุม ส่วนในช่วงแรกที่เกิดการระบาดใหม่ที่หนักหน่วงกว่าปีที่แล้วนั้น เพราะเกิดจากการระบาดในกลุ่มแรงงานต่างด้าว งานรื่นเริงที่มีเครื่องดื่มมึนเมาและบ่อนการพนัน แต่ต่อมาได้ติดตามสอบสวนโรคอย่างไม่ลดละ และมีการตรวจเชิงรุกมากขึ้น เพื่อสร้างแนวกันชนไม่ให้มีการแพร่ระบาดออกนอกพื้นที่ เช่น ในโรงงานต่างๆ ใน จ.สมุทรสาคร ซึ่งวิธีนี้ใช้ได้ผลมาก ซึ่งปัจจุบันเมื่อผู้ติดเชื้อลดลง รัฐบาลได้ปรับมาตรการให้ยืดหยุ่นและผ่อนคลายมากขึ้น อีกทั้งกำชับหน่วยงานความมั่นคงให้ควบคุมและเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด พร้อมระบบเข้าตรวจตามแนวชายแดนที่เข้มข้นมากขึ้นในยามวิกฤติ
นายกฯ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ถือเป็นพลังทางสังคมที่เป็นส่วนร่วม เป็นยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วยให้บ้านเมืองปลอดภัยในทุกมิติ ซึ่งหากเราช่วยกันเป็นยามเฝ้าแผ่นดินก็จะแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน และได้ผลสัมฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพมาก ดีกว่าโทษกันไปมา เราต้องร่วมมืออย่าปล่อยให้คนไม่ดีคนชั่วหรือคนทำความผิดโจรผู้ร้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของเรา โดยมีมาตรการทางสังคม
ชี้บ้านเมืองมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าสำหรับข้อเน้นย้ำทุกพื้นที่ กระทรวงมหาดไทยได้สร้างกลไกเสริมเชื่อมโยงกับ ศบค. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ สร้างโครงข่ายแบบรังผึ้ง ขณะที่กระทรวงกลาโหมและตำรวจดูแลสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด โดยเฉพาะการเร่งตรวจค้นหาจับกุมบุคคลที่มั่วสุมทำผิดกฎหมาย ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยต้องดำเนินคดีและส่งฟ้อง ขณะเดียวกันหากสถานประกอบการใดไม่สามารถดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดได้ ก็จะให้พิจารณาหยุดการดำเนินการ
“บ้านเมืองเราโชคดีมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองและประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือทุกภาคส่วนสามัคคีกัน ถือเป็นจุดแข็งของคนไทยที่เมื่อมีภัยเราก็ร่วมมือกัน และไม่ควรที่ใครโดยเฉพาะคนไทยด้วยกันจะมาดูแคลนคนไทย ดูแคลนบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง ส่วนใครที่ยังเข้าใจคลาดเคลื่อนแล้วสื่อสารออกไปไม่ตรงกับความเป็นจริง ตนเชื่อว่าความจริงเหล่านี้จะทำให้ทุกคนสบายใจและหันมาร่วมมือมากขึ้น”
ศบค.รายงานผู้ป่วยใหม่ 490 ราย
เวลา 11.30 น. พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 490 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 67 ราย ได้แก่ จ.กรุงเทพฯ 23 ราย ตาก 2 ราย สมุทรสงคราม 1 ราย เพชรบุรี 1 ราย และสมุทรสาคร 40 ราย จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 412 ราย ได้แก่ จ.สมุทรสงคราม 1 ราย สมุทรปราการ 1 ราย และสมุทรสาคร 410 ราย เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 10 ราย และผู้เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย ผ่านช่องทางธรรมชาติ จ.นราธิวาส 1 ราย เป็นเพศหญิง สัญชาติกัมพูชา เข้าพักในโรงพยาบาลแว้ง จ.นราธิวาส ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 23,134 ราย รักษาในโรงพยาบาล 6,781 ราย ยอดหายป่วยสะสม 16,274 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 79 ราย
ย้ำ4จว.ติดมาเลย์ระวังลอบเข้าปท.
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ทั่วโลกมีจำนวนผู้ป่วยสะสม 105,907,231 ราย รักษาหายแล้ว 77,524,874 ราย เสียชีวิตสะสมรวม 2,308,853 ราย ทั้งนี้ ในส่วนประเทศที่ยังต้องเฝ้าระวัง คือ มาเลเซีย ซึ่งมีชายแดนติดกับ 4 จังหวัดของประเทศไทย คือ จ.นราธิวาส ยะลา สงขลา และสตูล โดยรายงานจากมาเลเซียพบว่ามีผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 3,391 ราย ซึ่งรัฐที่มีชายแดนติดต่อกับไทย คือ เพอลิสเคดา เปรัก และกลันตัน ซึ่งยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ จึงต้องเน้นย้ำ 4 จังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับมาเลเซีย ว่าต้องระวังเรื่องการเดินทางข้ามมาผ่านช่องทางธรรมชาติ ที่อาจะทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ได้
พญ.พรรณประภา กล่าวอีกว่า รายงานในวันนี้จากที่ประชุม โดย จ.สมุทรสาคร มีการคัดกรองเชิงรุกในชุมชนมากกว่า 150,000 คน พบติดเชื้อกว่า 13,000 คน และจะยังคงทำการตรวจอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการตรวจชุมชนโดยรอบโรงงานประมาณวันละ 2,000-3,000 คน ส่วนรายงานจังหวัดผู้ติดเชื้อจากช่วงต้นสัปดาห์ของเดือน ม.ค.ที่พบกว่า 30 จังหวัด แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาต้นเดือน ก.พ. เหลือเพียง 16 จังหวัด
เคสชายแม่สอดแพร่ไป7ครอบครัว
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมของผู้ป่วยโควิด-19 ที่จะยกเป็นเคสเพิ่มเติม เป็นผู้ป่วยเพศชาย อายุ 95 ปี อาศัยในกทม. เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบว่ามีการติดเชื้อเมื่อวันที่ 31 ม.ค. หลังจากที่มีการสอบสวนโรค พบมีลูกจ้างชาวเมียนมา 3 คน มีอาชีพดูแลคนไข้ ซึ่งมีความใกล้ชิดผู้ป่วยรายนี้ ดูแลพ่นยา ดูดเสมหะ ได้นำเชื้อมาจากข้างนอกมาติดผู้ป่วยติดเตียง ฉะนั้นสิ่งที่ต้องเน้นย้ำและเรียนกับประชาชน ถ้าบ้านใดมีแรงงานต่างด้าวทั้งที่อาศัยอยู่ในบ้านหรือเดินทางไปกลับ ให้เฝ้าระวังการติดเชื้อจากภายนอกนำเข้าสู่ในครอบครัวของเรา โดยอาจให้แรงงานดังกล่าวงดไปพื้นที่เสี่ยง งดปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อน และอีกหนึ่งเคสคือการสอบสวนโรคในจังหวัดตาก เป็นผู้ป่วยเพศชายอายุ 75 ปี ซึ่งพบมีการติดเชื้อใน อ.แม่สอด โดยกรมควบคุมโรคอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค แต่ในข้อมูลเบื้องต้นพบผู้ป่วยรายนี้ติดเชื้อไปใน 7 ครอบครัว และพบผู้ติดเชื้อยืนยันแล้ว 11 ราย หลังจากนี้จะมีการสอบสวนโรคเพิ่มขึ้น หาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เสี่ยงกลาง และเสี่ยงต่ำ โดยบ่ายวันเดียวกันนี้จะมีการรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข
พญ.พรรณประภา กล่าวด้วยว่า ในช่วงสัปดาห์หน้าเทศกาลตรุษจีน ศบค.อยากให้เป็นมาตรการตรุษจีนปลอดภัยห่างไกลวิด-19 ทั้งวันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยว อยากให้ประชาชนฉลองตรุษจีนอย่างปลอดภัย เฝ้าระวังไม่ให้เกิดการระบาดและการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างระหว่างกัน งดการทานอาหารร่วมกัน
สมุทรสงครามพบป่วยเพิ่มอีก1ราย
ผลจากการรายงานของโรงพยาบาลพระพุทธเลิศหล้าเข้ามายังศูนย์โควิด-19 ว่าเมื่อวันที่5กุมภาพันธ์ 2564 ได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย ขณะนี้ยออดสะสมอยู่ที่ 53 ราย รักษาหายแล้ว45 รายและกำลังรักษา 7 ราย เสียชีวิตอยู่ที่ 1 ราย ผู้ที่มีความเสี่ยง เข้ารับการคัดกรอง 184 ราย เข้าเกณฑ์ตรวจหาเชื้อ 105 ราย ค้นหาเชิงรุก 79 ราย รายที่พบเป็นรายที่ 53 เพศหญิง อายุ 25 ปี ไม่มีอาการอยู่ที่ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม มีอาชีพว่างงาน
ศูนย์โควิด-19สมุทรสงครามได้มีคำตอบให้ประชาชนชาวสมุทรสงครามได้ทราบว่าขณะนี้สถานการณ์ของสมุทรสงครามเป็นอย่างไร โดย นาย ชรัส บุญณสะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม
‘ภาษีเจริญ’ยอดผู้ป่วยนำโด่ง
วันเดียวกัน ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร (โฆษก กทม.) ได้โพสต์รายงานการค้นหาผู้ป่วยโควิด-19 เชิงรุก ในพื้นที่ 6 เขตของ กทม. จนถึงวันที่ 5 ก.พ. 64 พบติดเชื้อสะสม 54 ราย โดยกทม.ได้ค้นหาผู้ป่วยโควิด จากแรงงาน 13,192 คนในโรงงาน 118 แห่ง จากพื้นที่ 6 เขต ได้แก่ เขตภาษีเจริญ บางแค หนองแขม บางบอน จอมทอง บางขุนเทียน พบผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 54 ราย เป็นแรงงานของโรงงานใน 4 เขต คือ เขตภาษีเจริญ 26 ราย เขตบางแค 7 ราย เขตบางขุนเทียน 12 ราย เขตบางบอน 9 ราย
สำหรับโรงงานที่พบผู้ป่วยติดเชื้อ กทม. ได้สอบสวนโรคค้นหาผู้เสี่ยงติดเชื้อทั้งหมดแล้ว และทำความสะอาดพื้นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกันขอความร่วมมือให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะได้ควบคุมสถานการณ์การพร่ระบาดให้กลับมาปกติได้อีกครั้ง
สถาบันวัคซีนแห่งชาติชี้แจง
นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กรณีการเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ของประเทศไทย ว่า COVAX Facility (โคแวกซ์) เป็นโครงการประสานงานที่ถูกตั้งขึ้น เพื่อเป้าหมายแจกจ่ายวัคซีนโควิด19 ให้กับประเทศยากจน โดยในอาเซียนมีประเทศที่ได้รับวัคซีนฟรี ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ส่วนประเทศไทย บรูไน สิงคโปร์ และมาเลเซีย ไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับวัคซีนฟรี หากจะเข้าร่วมโครงการต้องนำเงินไปร่วมลงขันในการจัดหาวัคซีนโควิด 19 ซึ่งประเทศไทยมีแผนร่วมจัดหาวัคซีนโควิด19 กับโคแวกซ์ตั้งแต่ต้น และได้ส่งหนังสือแสดงเจตนารมณ์เข้าร่วมตั้งแต่ช่วงต้นของโครงการ โดยกระทรวงสาธารณสุขก็ได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญในหลายด้าน เป็นความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข ทั้งด้านวิชาการ กฎหมาย การเงิน ขึ้นมาเพื่อพิจารณาเงื่อนไขการทำข้อตกลงกับโคแวกซ์ด้วย
“สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เผย ประเทศไทยจัดอยู่ในประเทศที่มีรายได้ปานกลาง จึงไม่ได้สิทธิ์รับวัคซีนฟรีจากโครงการโคแวกซ์ หากเข้าร่วมโครงการฯต้องนำเงินไปร่วมลงขัน เลือกวัคซีนไม่ได้ ต่อรองอะไรไม่ได้ เสี่ยงได้วัคซีนช้า-ราคาสูง”
“การทำความตกลงซื้อวัคซีนโควิด 19 จากผู้ผลิตโดยตรง มีความยืดหยุ่นมากกว่า เราสามารถกำหนดจำนวนวัคซีนที่จะซื้อได้ สามารถต่อรองราคา หากซื้อเป็นจำนวนมาก ราคาก็ถูกลง และยังสามารถ ต่อรองเงื่อนไข ขอบเขตความรับผิดชอบได้ตามสมควร ทั้งนี้ การซื้อวัคซีนผ่านโคแวกซ์ ยังกำหนดให้ซื้อขั้นต่ำ ไม่น้อยกว่า 10 % ของจำนวนประชากร หากต้องการวัคซีนรวดเร็ว ผู้ซื้อต้องยอมรับเงื่อนไข และความรับผิดชอบใด ๆ ตามที่ผู้ผลิตเสนออีกด้วย อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงเจรจากับโคแวกซ์อย่างต่อเนื่อง และหากมีการปรับเงื่อนไขรวมถึงข้อเสนอที่ประเทศจะได้ประโยชน์ ก็อาจมีการทำข้อตกลงผ่านโคแวกซ์ได้” นพ.นคร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี