ซัดไม่เข็ดหลาบกันอีกหรือ
‘บิ๊กตู่’ถามม็อบ
ย้ำต้องร่วมมือช่วยประเทศ
‘ราษฎร’มาตามนัดเคาะหม้อ
ก้าวไกลเหิมหนักชงแก้ม.112
‘วรงค์’ยื่นแสนรายชื่อขวางแก้
“บิ๊กตู่”ยืนยันรัฐบาลหนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญ ย้ำเข้าสภาไปแล้ว หากหาข้อยุติไม่ได้ ต้องส่งศาลตัดสิน “พปชร.”ยันไม่มีเกมยื้อ แจงมติรัฐสภาส่งศาลวินิจฉัยอำนาจตั้ง
สสร.แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อปิดช่องโหว่ ตัดไฟแต่ต้นลม ย้ำวาระ2 พร้อมเดินหน้า24-25ก.พ.รองปธ.สภาฯไฟเขียวญัตติ’ไพบูลย์’ส่งศาลรธน.ปมญัตติซักฟอก ชี้เข้าองค์ประกอบ ‘ก้าวไกล’ชงร่างกม.5ชุด ดันแก้ไข ม.112 หวังสถาบันพ้นการเมือง-ลดโทษรุนแรงเกินจริง’พิธา’ไม่หวั่นโดนยุบพรรค แค่ได้พูดก็คุ้มแล้ว หมอวรงค์ โร่ยื่นแสนรายชื่อค้านแก้ ม.112 ขณะที่’ปปช.’ส่งศาลฎีกา เชือด’ปารีณา’ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง บุกรุกป่า711ไร่ เสียหาย36ล้าน หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อศาลประทับรับฟ้อง ‘ผบ.ตร’พร้อมบังคับใช้กม.กับม็อบ จ่อเอาผิดผู้ชุมนุมทำร้าย ตร.บนสกายวอล์คปทุมวันกว่า10ราย นายกฯถามม็อบสามนิ้วยังไม่เข็ดอีกหรือ
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีถูกมองรัฐบาลพยายามยื้อแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา256 หลังสส.และสว.มีมติเห็นชอบยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจรัฐสภา ว่า ถ้าย้อนกลับไปจะเห็นว่า รัฐบาลสนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายอยู่แล้ว หน้าที่ของรัฐบาลคือการเสนอเข้าสภา จากนั้นเป็นขั้นตอนของรัฐสภาที่เกี่ยวข้อง ฉะนั้นจะบอกว่ารัฐบาลไปเกี่ยวข้องตรงนี้ ไม่จริงใจ อะไรนั้นไม่ใช่ อย่าเอาไปพันกันแบบนี้
“รัฐบาลจริงใจแก้รัฐธรรมนูญ แต่จะแก้อย่างไรก็ไปว่ากันมา ในส่วนของรัฐสภา จุดยืนของรัฐบาลให้แก้ไขอยู่แล้ว จะถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง แก้ได้ แก้ไม่ได้ ทุกคนมีสติปัญญาและทุกคนก็มีความคิดเห็นส่วนตัวเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น สส.หรือ สว.ก็ตาม ต้องหาข้อยุติกันให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็ต้องผ่านกระบวนการศาล ว่ากันไป ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะไปสั่งการอะไรตรงนี้ ผมนำเสนอเข้าไปแล้ว”นายกฯย้ำ
ไม่ร่วมติวรับมือซักฟอกหาข้อมูลเอง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นัดรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย แกนนำพรรค และส.ส.หารือในวันที่ 13-14กุมภาพันธ์ จะไปด้วยหรือไม่ ว่า นายกฯคงไม่ต้องไป ตนพูดเองของตนอยู่แล้วและได้เตรียมข้อมูลไว้เยอะพอสมควร แต่หลายอย่างตนไม่ควรลงรายละเอียดลึกมาก เป็นเรื่องของหลักการ นโยบาย เป็นเรื่องการทำงานตามกรอบของนายกฯส่วนรายละเอียดปลีกย่อยเป็นเรื่องของหน่วยงานที่จะแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ โดยรองนายกรัฐมนตรี กระทรวง และผู้ปฏิบัติไปถึงท้องถิ่นต่างๆก็ต้องชี้แจงมา ตรงนี้มีหน่วยงานรับผิดชอบอยู่แล้ว
ถามม็อบควรหรือไม่ ยังไม่เข็ดหรือ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มราษฎรที่สกายวอล์คปทุมวัน ในเย็นวันเดียวกันนี้ว่า“ก็ควรหรือไม่ ถ้าไม่ควร ก็อย่าไปสนับสนุนเขาสิ ยังไม่เข็ดหลาบกันอีกหรือไง ประเทศไทยสังคม ก็ต้องช่วยกันบ้างนะ”
‘ชวน’ยันแก้รธน.วาระ2ยังเดินหน้า
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีสภาฯมีญัตติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากมีถ้อยคำพาดพิงสถาบัน ว่า ยังไม่บรรจุระเบียบวาระการประชุม อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง คาดว่าน่าจะส่งมาถึงตนในวันนี้ ซึ่งตนต้องรอดูความเห็นของฝ่ายกฎหมายและจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะบรรจุได้เมื่อไหร่ ส่วนกำหนดการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสัปดาห์หน้า ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เมื่อถามว่า จะส่งญัตติให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เมื่อไหร่ นายชวน กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามมติ แต่ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ2 ในวันที่ 24-25ก.พ.เพราะไม่ทราบว่าศาลจะพิจารณาเมื่อไหร่
สภาฯรับญัตติ’ไพบูลย์’ไว้พิจารณา
นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง กล่าวว่า ได้พิจารณาญัตติด่วนที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.ยื่นขอให้สภาผู้แทนราษฎรมีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่เนื่องจากมีเนื้อหาเชื่อมโยงถึงสถาบัน โดยยืนยันว่า ฝ่ายกฎหมายสภาฯพิจารณาเนื้อหาญัตติดังกล่าวแล้วพบว่าครบองค์ประกอบตามข้อบังคับการประชุมข้อที่48 เพราะเป็นกรณีที่สส.เคลือบแคลงสงสัยอำนาจหน้าที่ของสมาชิก ดังนั้นเมื่อมีข้อข้องใจดังกล่าวก็สามารถเสนอญัตตินี้ให้สภาฯพิจารณาได้และจะบรรจุเรื่องนี้เข้าสู่วาระการประชุมต่อไป เมื่อถามว่า จะทันการประชุมสัปดาห์นี้หรือไม่นั้น นายศุภชัย กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับวิปและที่ประชุมสภาจะพิจารณา เพราะตนมีหน้าที่เพียงกลั่นกรองญัตติเท่านั้น หากเห็นว่าเป็นเรื่องด่วนที่ประชุมสภาสามารถหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาก่อนได้
พปชร.ยันส่งศาลเพื่อความรอบคอบ
น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ สส.กทม.เขต2 ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ขอยืนยันว่ามติรัฐสภาเสียงข้างมากให้ส่งคำร้องถึงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาว่า สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่ม สสร.ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับทำได้หรือไม่นั้น ไม่ได้ประวิงเวลาตามที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ เพราะแม้ส่งศาลวินิจฉัย แต่การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราวาระ2 ยังดำเนินต่อไปในวันที่ 24-25กุมภาพันธ์ เมื่อพบเหตุข้อสงสัยถึงอำนาจรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องปิดช่องโหว่ เป็นการตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนตามมา เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ เรื่องนี้ผู้รู้และเกี่ยวข้องทางกฎหมาย มีความเห็นออกเป็น 2ฝ่าย การส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จึงเป็นคำตอบ หากจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องส่งศาลและให้สมาชิกรัฐสภาพิจารณากันเอง คงจะทำไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่านี่คือการพิจารณาแก้ไขกฎหมายสูงสุดของประเทศ
พท.ซัดทำลายระบอบประชาธิปไตย
เวลา13.00น.ที่รัฐสภา แกนนำ6พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมประชุมสรุปแนวทางการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมถึงกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.เตรียมส่งญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไปยังศาลรัฐธรรมนูญโดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวว่าญัตติของฝ่ายค้านผ่านการวินิจฉัยของประธานสภาฯแล้ว โดยประธานสภาฯได้บรรจุและส่งเรื่องไปยังครม.ให้รับทราบ กรณีที่นายไพบูลย์ จะนำเรื่องนี้กลับมาทบทวนใหม่ ตนไม่เข้าใจว่ามีความคิดอย่างไร แต่เชื่อว่าเป็นการสมคบคิดกันเพื่อทำลายระบอบประชาธิปไตย เพราะทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนแล้ว หรืออาจต้องการหนีการตรวจสอบตามกลไกของสภาฯและที่เห็นได้ชัดที่สุด ขณะนี้คือเกิดการแตกแยกพรรคร่วมรัฐบาลเอง เพราะหลายฝ่ายก็ไม่ได้คิดเห็นเช่นนี้
ไม่เข้าข่ายส่งให้ศาลรธน.วินิจฉัย
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท.กล่าวว่า ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นไปตามข้อบังคับฯ เมื่อประธานสภาฯได้รับญัตติแล้วให้ประธานสภาฯตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งหากญัตติมีข้อผิดพลาดให้แจ้งภายใน 7วัน จากนั้นให้บรรจุเรื่องนี้เข้าระเบียบวาระ ดังนั้น ขณะนี้ประธานได้บรรจุญัตตินี้แล้วย่อมแสดงว่า ญัตติมีความถูกต้อง ไม่มีข้อบกพร่องใดๆทั้งสิ้น ต่อมาคือกรณีที่นายไพบูลย์ได้นำรัฐธรรมนูญมาตรา 210(2) มาอ้างนั้น ตนคิดว่า ฟังไม่ขึ้น เพราะมาตรานี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจของสภาฯ ในกรณีนี้สภาฯไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใดที่ต้องพิจารณาวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว เพราะฉะนั้น จึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยเรื่องนี้
ย้ำญัตติซักฟอกเสร็จสมบูรณ์แล้ว
นายประเสริฐ กล่าวว่า ญัตติการขอเปิดอภิปรายครั้งนี้ถือว่าชอบแล้ว ได้บรรจุในระเบียบวาระแล้ว และจะมีการอภิปรายในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งประธานสภาฯ ได้เรียกวิปทุกฝ่ายเข้ามาหารือกันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องจำนวนวัน เวลาที่ฝ่ายค้านจะได้รับ นอกจากนี้ หากดูข้อบังคับการประชุมสภาฯ สภาฯไม่ควรรับญัตติของนายไพบูลย์ เสียด้วยซ้ำ เพราะไม่มีเหตุผลใดๆที่ต้องพิจารณาญัตตินี้และประเพณีไม่เคยมีก่อนตั้งแต่มีสภาฯมาที่ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะถูกยื่นตีความโดยศาลรัฐธรรมนูญ การกระทำดังกล่าวจะเป็นการทำลายระบอบรัฐสภา เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย สุดท้าย หากสภาฯ ยังเดินหน้าเห็นชอบญัตติของนายไพบูลย์ ต่อไปสภาฯจะเดินหน้าลำบาก การร่วมมือต่างๆระหว่างพรรครัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้าน ต่อไปคงต้องพิจารณากันอย่างรอบคอบและการร่วมมือในอนาคตคงเกิดขึ้นยาก
ส่อผิดจริยธรรม-ปรปักษ์รัฐสภา
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ญัตตินี้สมบูรณ์แล้ว ตนเชื่อว่าครั้งนี้ทำให้สังคมเคลือบแคลง สส.หลายคนก็ไม่สบายใจกับพฤติกรรมของนายไพบูลย์ หลายคนตั้งคำถามและตั้งโจทย์ว่า เข้าข่ายผิดจริยธรรมขั้นร้ายแรงหรือไม่ เป็นปรปักษ์กับระบบรัฐสภาเองหรือเปล่า ถ้ามีญัตติใดแล้วต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความต่อไปหลักการถ่วงดุลอำนาจคงใช้ไม่ได้แล้ว ดังนั้น นายไพบูลย์ กำลังทำตัวเป็นปรปักษ์ต่อรัฐสภาและระบอบประชาธิปไตย
‘ก้าวไกล’ชงกม.ลดโทษทำผิดม.112
ที่รัฐสภา คณะ สส.พรรคก้าวไกล นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงว่า พรรคเตรียมเสนอชุดร่างกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพการแสดงออกและสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน 5ฉบับ ประกอบด้วย 1.ร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ.…โดยสาระสำคัญส่วนแรกคือยกเลิกโทษจำคุก ให้คงเหลือโทษปรับ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท หรือดูหมิ่นบุคคลทั่วไป รวมถึงดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ศาล หรือผู้พิพากษาและส่วนที่สองคือย้ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 ไปกำหนดเป็นลักษณะความผิดใหม่ คือ ลักษณะความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพื่อให้มีความเหมาะสม ทั้งในแง่โครงสร้างของบทบัญญัติ อัตราโทษ การยกเว้นความผิด การยกเว้นโทษและผู้ร้องทุกข์ จึงกำหนดให้ยังมีโทษจำคุก แต่ลดอัตราโทษลงมาไม่ให้รุนแรงเกินไป ไม่กำหนดโทษขั้นต่ำไว้ รวมทั้งพิจารณาลงโทษปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อให้ได้สัดส่วนกับสภาพความผิด 2.ร่างพรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 3.ร่าง พรบ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 4.ร่าง พรบ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและ5.ร่าง พรบ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
หวังดึงสถาบันพ้นประโยชน์การเมือง
นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีจุดยืนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยให้สถาบันปลอดจากคำติฉินนินทา ปลอดจากคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆของสาธารณชน ซึ่งต้องดึงสถาบันให้พ้นการเมือง เรามีหน้าที่ป้องกันไม่ให้กลุ่มบุคคลเข้ามาฉกฉวยแอบอ้างความจงรักภักดีเพื่อใช้โจมตีอีกฝ่าย โดยเฉพาะการใช้กฎหมายมาตรา112 เป็นเครื่องมือฟ้องร้องกลั่นแกล้งปิดปากผู้อื่น
‘เมื่อวานนี้(9ก.พ.)ศาลไม่ให้ประกัน นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นายอานนท์ นำภา นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้มและนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข หมายความว่า จำเลยทั้ง 4อาจถูกจองจำไม่มีกำหนดจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ทั้งที่เป็นการแสดงออกทางการเมืองโดยสันติ ไม่ใช่การก่ออาชญากรรมร้ายแรง วันนี้ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่ต่อการชุมนุม แต่จำเลยในคดีมาตรา112 ควรมีสิทธิ์ในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ภายใต้หลักการจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะพิพากษาถึงที่สุด กรณีนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้มาตรา112 ซึ่งกระทบเสรีภาพสิทธิประชาชนยุคสมัยใหม่’ นายพิธา กล่าว
แค่ได้พูดถึงถูกยุบพรรคก็ต้องยอม
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า การธำรงไว้ซึ่งสถาบันให้อยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตย จะไม่สามารถบรรลุได้ด้วยการใช้กฎหมายบังคับและการปราบปราม แต่ดำรงอยู่ด้วยความชอบธรรมและความยินยอมพร้อมใจจากประชาชน ดังนั้นก่อนจะสายไปกว่านี้เราต้องแสวงหากุศโลบายที่สอดคล้องกับยุคสมัย ทำให้สถาบันพ้นจากการเมือง ปกเกล้าแต่ไม่ปกครอง เพราะนอกจากปัญหามาตรา112 แล้ว ปีที่ผ่านมายังมีการใช้กฎหมายอื่นๆเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกด้วย เมื่อถามว่า ทุกครั้งที่หยิบยกเรื่องการแก้ไขมาตรา112 จะมีผู้ออกมาคัดค้านและกังวลหรือไม่ว่า จะเป็นประเด็นที่นำไปสู่การยุบพรรค นายพิธา กล่าวว่า ในระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติที่มีความเห็นต่างกัน แต่เราต้องคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ ส่วนจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ เราก็ต้องแก้กันไป แต่คงไม่พูดไม่ได้ ซึ่งคิดว่าคุ้มค่า
มุ่งลดโทษที่รุนแรง-เข้ากับยุคสมัย
เมื่อถามว่า หลายคนยังเข้าใจว่า พรรคก้าวไกลมีจุดประสงค์อื่นในการแก้มาตรา 112 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตลอดชีวิตของตนเห็นการล้มล้างการปกครองแบบเดียวคือการทำรัฐประหาร ตนยังไม่เคยเห็นการแก้ไขกฎหมายเป็นการล้มล้างการปกครอง ซึ่งการเสนอลดโทษมาตรา112 ยังไม่ได้เป็นการยกเลิกกลไกการคุ้มครองเกียรติยศพระมหากษัตริย์ แต่ปรับปรุงให้เข้ายุคสมัย ซึ่งเป็นการปรับลดเพื่อให้ได้สัดส่วน ไม่ใช่โทษรุนแรงเกินกว่าความเป็นจริง แน่นอนว่าสิ่งที่เราเสนอคงไม่ถูกใจคนที่เห็นว่าควรยกเลิกไปเลย แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันเราพยายามเสนอข้อเสนอที่จะรับกันได้มากที่สุด
เมื่อถามต่อว่า กลุ่มไทยภักดีได้ยื่นคัดค้านการแก้ไขมาตรา112 นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ทุกเรื่องในสังคมไม่มีทางเห็นร่วมกันหมดอยู่แล้ว ส่วนกลัวถูกยุบพรรคหรือไม่ เราในฐานะพรรคการเมืองจะหลับตาไม่มองปัญหาความเป็นจริงในสังคมไม่ได้ ซึ่งปัญหาเรื่องอื่นๆเราก็ทำด้วยและในฐานะผู้แทนไม่ใช่เวลาที่เราจะกลัว แต่เป็นช่วงที่เราต้องแสดงความกล้าเรียกร้องมโนสำนึกโดยเอาความกลัวไว้ข้างหลัง ต้องทำหน้าที่ผู้แทนดีที่สุด เวทีรัฐสภาน่าจะเป็นทางออก เมื่อถามว่า หากไม่กระทำผิดก็ไม่ต้องเดือดร้อนกับบทลงโทษ นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นการมองด้านเดียว เพราะความจริงตัวกฎหมายและการบังคับใช้ มีปัญหา ดังนั้นพวกเราจึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขให้เข้ากับยุคสมัย
หมอวรงค์ยื่นแสนชื่อค้านแก้ม.112
ที่รัฐสภา นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี พร้อมประชาชนกลุ่มอาชีพที่หลากหลาย เข้ายื่นรายชื่อประชาชน 101,568ชื่อ เพื่อคัดค้านแก้ไขมาตรา112ต่อ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ผ่าน นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง โดย นพ.วรงค์ กล่าวยืนยันว่า มาตรา112 ไม่ได้จำกัดสิทธิเสรีภาพหรือการแสดงออกใดๆของประชาชน ยกเว้นการกระทำที่ส่อเจตนาดูหมิ่น หมิ่นประมาทหรืออาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เนื่องจากปัจจุบันมีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งเจตนาร้ายต่อสถาบัน แต่ใช้คำเลี่ยงว่า ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ คนเหล่านี้จัดกิจกรรมแบบสมรู้ร่วมคิดระหว่างนักการเมืองและผู้ร่วมชุมนุม เพื่อกล่าวเท็จให้ร้ายใช้วาจาหยาบคายต่อสถาบันเพื่อให้เกิดความเสื่อมศรัทธาของประชาชน พวกเราและประชาชนในรายชื่อดังกล่าวยืนยันจุดยืนคัดค้านการดำเนินการใดๆของพรรคการเมืองที่คิดจะแก้ไขมาตรา112 ให้ถึงที่สุด เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข
ปปช.ลงมติเชือดปารีณารุกป่า711ไร่
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิกา ปปช.ในฐานะโฆษก ปปช.แถลงว่า ปปช.มีมติชี้มูลความผิด น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพปชร.กระทำความผิดฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ กรณีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติและที่ดินของรัฐ
จากการไต่สวนพบว่า น.ส.ปารีณา ได้ร่วมกับ นายทวี ไกรคุปต์ บิดา เข้ายึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ 711ไร่และวันที่ 25พ.ค.2562 น.ส.ปารีณา เข้าปฏิบัติหน้าที่ สส.โดยยังคงยึดถือครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว โดยอ้างเอกสารแบบแสดงรายการที่ดินฯ (ภ.บ.ท. 5) ทั้ง 29แปลงที่ถูกยกเลิกไปแล้วและมิได้รับอนุญาต เป็นการบุกรุกที่ดินของรัฐค่าเสียหาย 36,224,791บาท
ปปช.จึงมีมติว่ากรณี น.ส.ปารีณา ยึดถือ ครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินรัฐโดยมิชอบดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเป็นสส.กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยต่อไป ส่วน น.ส.ปารีณา จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.เลยหรือไม่นั้น ตามกฎหมาย ปปช.กำหนดว่า หากศาลประทับรับฟ้องจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในทันที เว้นแต่ศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ผบ.ตร.ลั่นม็อบอย่าทำผิดกฎหมาย
ด้านพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจชาติ(ผบ.ตร.)กล่าวถึงกลุ่มราษฎรนัดรวมพลคนไม่มีจะกิน ตีหม้อ ไล่เผด็จการ ที่สกายวอล์ก ปทุมวัน ช่วงเย็นว่า เรื่องการแพร่ระบาดไวรัสโควิดและพ.ร.ก.ฉุกเฉินยังจำเป็น ขอความร่วมมือ อย่าก่อให้เกิดอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย จริงๆ ตำรวจไม่อยากใช้มาตรการบังคับกฎหมาย พยายามพูดคุย แต่ถ้าจำเป็นต้องทำ ไม่เคยลังเล ทำอย่างนี้มาตลอดชีวิต อาจไม่ค่อยพูด แต่ถ้าจะทำก็ทำเลย การจัดกิจกรรมขอให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ถ้าขัดกฎหมายต้องดำเนินคดีเป็นอย่างอื่นไม่ได้
พร้อมฝากประชาชนที่จะมาชุมนุม ขอให้ระลึกถึงความสงบเรียบร้อย อยากเห็นการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์มากกว่า เราพยายามหลีกเหลี่ยงการใช้กำลังมาตลอด อาจจะมีการใช้น้ำฉีดไปคราวก่อน จริงๆแล้วถ้าเทียบกับสากลโลกเทียบกันไม่ได้ ประเทศที่เจริญกว่าเราเขาทำหนักกว่านี้เยอะ เราไม่ได้เอาอย่างนั้น
ตำรวจทำอะไรรุนแรง เราก็ขอโทษ ทั้งหมดเราตั้งใจรักษาความสงบเรียบร้อย
จ่อฟันเอาผิดผู้ชุมนุมกว่า10ราย
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมไปรวมตัวเรียกร้องให้ปล่อยตัว 4แกนนำราษฎรที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวที่บริเวณลานสกายวอลก ปทุมวันและมีการทำร้ายตำรวจที่ควบคุมดูแลในพื้นที่เมื่อค่ำวันที่ 9 ก.พ.ว่าได้รับรายงานข้อมูลว่า พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน อยู่ระหว่างการตรวจสอบกำลังพลที่ดูแลการชุมนุม มีผู้ได้รับบาดเจ็บกี่นาย หรือมีทรัพย์สินทางราชการ และเอกชนเสียหายหรือไม่ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมด ยืนยันว่า ทุกรายที่ถูกพิสูจน์ทราบ จะต้องถูกดำเนินคดีและต้องรับผิดชอบการกระทำที่เกิดขึ้นทั้งหมด ขณะนี้สน.ปทุมวัน มีการรวบรวมพยานหลักฐานและจะมีการแจ้งความร้องทุกข์ในวันนี้ เบื้องต้น พบผู้กระทำความผิดร่วมกันกว่า 10 รายที่พิสูจน์ทราบได้
เตรียมกำลัง5กองร้อยรับมือม็อบ
นอกจากนี้ ยังเตรียมดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม เมื่อวานนี้ ในข้อหาความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ เนื่องจากขณะนี้อยู่ในประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เรื่องห้ามการชุมนุมอันเป็นการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด จึงทำให้เจ้าพนักงาน ไม่สามารถอนุญาต ให้มีการชุมนุมที่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.การชุมนุมได้ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ทาง บช.น.จึงได้ประสานให้ตำรวจพื้นที่ บก.น.6 ซึ่งเป็นพื้นที่ทมีการจัดการชุมนุม เตรียมพร้อมรับมือ โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 กองร้อย ดูแลความปลอดภัยและสามารถใช้กำลังตามสถานการณ์หรือการบริหารกำลังตามที่เหมาะสมพร้อมทั้งจัด กองกำลังควบคุมฝูงชนสำรองอีก 3 กองร้อย ดูแลสถานการณ์
’ราษฎร’รวมตัวเคาะหม้อตามนัด
ขณะที่บรรยากาศ’กลุ่มราษฎร’จัดกิจกรรม“รวมพลคน ไม่มีจะกิน ตีหม้อไล่เผด็จการ”ที่ลานสกายวอล์ก แยกปทุมวัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา16.00น.มีประชาชนเดินทางเข้าร่วมจำนวนมาก โดยกระจายตัวตามจุดต่างๆ มีการนำหม้อ กระทะ พร้อมอุปกรณ์ครัวเคาะส่งเสียงเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ขับไล่เผด็จการ บางส่วนถือป้ายผลักดันยกเลิก มาตรา112และเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักกิจกรรม 4ราย ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ได้แก่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายอานนท์ นำภา, นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข โดยมีการถือภาพบุคคล 4ราย พร้อมชู 3นิ้ว นอกจากนี้ กลุ่ม B-Floor ยังนำกลองแต๊กมาเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี