‘บิ๊กตู่’ปลุกฝ่าวิกฤติโควิด-19
รวมไทยสร้างชาติ
มั่นใจคุมไวรัสร้ายอยู่หมัด
วางแผนการกระจายวัคซีน
รพ.รัฐ-เอกชนกว่าพันแห่ง
ตั้งเป้าฉีดเดือนละ10ล้านโดส
ยอดติดเชื้อรายวันแค่126ราย
นายกรัฐมนตรีติดตามการทำงานและมอบกำลังใจทีมแพทย์ สาธารณสุข ฝ่ายความมั่นคง มั่นใจควบคุมไวรัสโควิด-19 ได้ เพราะคนไทยร่วมมือกันด้วยดี ตามแนวทาง “รวมไทยสร้างชาติฝ่าวิกฤติโควิด-19” โดยวางแผนฉีดวัคซีน 10 ล้านโดสต่อเดือน มีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนให้บริการกว่า 1,000 แห่ง ศบค.เผย พบผู้ติดเชื้อใหม่ 126 ราย โดยที่สมุทรสาคร พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 53 ราย ในจำนวนนี้เป็นการค้นหาเชิงรุก 24 ราย ขณะที่สมุทรสงคราม คาด มีนาคมนี้เข้าสู่ภาวะปลอดภัย
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตีเผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ทั้งการแพทย์ สาธารณสุข การดูแลคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ การยับยั้งการกระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งเตรียมพร้อมวัคซีนเพื่อคนไทย โดยการรายงานของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19
จัดสถานที่ควบคุมโรคแห่งรัฐ579แห่ง
ล่าสุด พบว่าสถานที่ควบคุมโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) ทั้งหมด 579 แห่ง แบ่งเป็น State Quarantine (SQ) 152 แห่ง ยังคงมีห้องรับได้ 14,119 ห้อง และ Local Quarantine (LQ) จำนวน 427 แห่ง พร้อมใช้งาน 195 แห่ง/เตรียมพร้อม 232 แห่ง สามารถรองรับ 10,257 คน โรงพยาบาลสนามจัดตั้งแล้วใน 6 จังหวัด ได้แก่ จ.ปทุมธานี จ.อ่างทอง จ.สมุทรสาคร จ.จันทบุรี จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง ปัจจุบันเปิดให้บริการ 3,092 เตียง Factory Quarantine (FQ) ในจ.สมุทรสาคร 2,389 เตียง และช่วยคนไทยในต่างประเทศกลับประเทศไทยแล้ว ในช่วง 4 เมษายน 2563–8 ก.พ. 2564 จำนวน 167,617 คน ทั้งจากเที่ยวบินและจากด่านชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในด้านการยับยั้งการแพร่ระบาดภายในประเทศ มีการจัดตั้งจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 โดยเหล่าทัพและตำรวจทั่วประเทศ 1,522 จุด รวมทั้งจัดชุดสายตรวจคัดกรองบุคคลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 อย่างต่อเนื่อง ขณะที่การดำเนินการป้องกันและสกัดกั้นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยกระทรวงมหาดไทยตั้งจุดตรวจและจุดสกัด จำนวน 127 จุด ตรวจคัดกรองบุคคล จำนวน 9,882 คน
วางแผนฉีดวัคซีนเดือนละ10ล้านโดส
สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด–19 คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีแผนการกระจายวัคซีน 63 ล้านโดส โดย 2 ล้านโดส ให้กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และอีก 61 ล้านโดสจะกระจายไปยังจังหวัดที่พบผู้ป่วย โดยวางแผนฉีดวัคซีน 10 ล้านโดสต่อเดือน มีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนให้บริการกว่า 1,000 แห่งและอยู่ระหว่างการพิจารณาขยายไปให้บริการ ณ รพ.สต. ด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มใช้วัคซีนได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมอบกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกหน่วยงาน พร้อมย้ำว่าเมื่อทราบปัญหาแล้วต้องเร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว และพร้อมเข้าร่วมแก้ปัญหาของทุกหน่วยงาน ด้วยความมั่นใจว่าโควิด-19 สามารถควบคุมได้ เพราะคนไทยร่วมมือกันด้วยดีตามแนวทาง “รวมไทย สร้างชาติ ฝ่าวิกฤติโควิด-19”
ศบค.เผยไทยติดเชื้อใหม่126ราย
เวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 126 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังและบริการ 37 ราย ผู้ป่วยจากการคัดกรองเชิงรุก 79 รายและผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค 10 ราย รวมสะสม 24,405 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 21,797 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 2,608 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 21,180 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล(รพ.) 3,145 ราย เสียชีวิตสะสม 80 ราย
ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อในการระบาดรอบใหม่ สะสม 20,168 ราย แบ่งเป็นการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 13,833 ราย ผู้ป่วยรายใหม่ 5,501 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 834 ราย
ยอดป่วยทั่วโลก108ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 108,727,001 ราย อาการรุนแรง 99,388 ราย รักษาหายแล้ว 80,735,916 ราย เสียชีวิต 2,394,015 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน28,106,704 ราย 2.อินเดีย จำนวน 10,892,550 ราย 3.บราซิล จำนวน 9,765,694 ราย 4.รัสเซีย จำนวน4,042,837 ราย 5.สหราชอาณาจักร จำนวน 4,013,799 ราย ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 114 จำนวน 24,405 ราย
สมุทรสาครพบป่วยใหม่53ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จ.สมุทรสาคร ว่า เมื่อเวลา 24.00 น.ของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 จากข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร พบผู้ป่วยรายใหม่ลดลงมาอยู่ที่ 53 ราย โดยพบผู้ติดเชื้อจากการตรวจค้นหาเชิงรุก 24 ราย จำแนกเป็นคนไทย 7 ราย และคนต่างชาติ 17 ราย ขณะที่พบจากการตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาลอีก 29 ราย จำแนกเป็นคนไทย 13 ราย และคนต่างชาติ 16 ราย สำหรับผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดมีจำนวน 15,624 ราย เป็นคนไทย (ทั้งจากการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลและการค้นหาเชิงรุก) รวม 2,581 ราย และคนต่างชาติ (ทั้งจากการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลและการค้นหาเชิงรุก) รวม 13,043 ราย
ยอดติดเชื้อสะสม13,249ราย
ส่วนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ณ ปัจจุบัน จำแนกเป็น คนไทยที่อยู่ในระหว่างการรักษา 271 ราย ต่างชาติ 393 ราย และผู้ที่อยู่ระหว่างการสังเกตอาการอีกรวม 2,050 ราย เป็นคนต่างชาติทั้งหมด ด้านผู้ที่รักษาหายจากโรงพยาบาลกับผู้ที่เฝ้าสังเกตอาการจนครบกำหนดแล้วไม่พบเชื้อสามารถกลับบ้านได้รวมทั้งหมด 12,904 ราย นอกจากนี้ในส่วนของผู้เสียชีวิตยังคงที่ 6 ราย
สำหรับการค้นหาเชิงรุก ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ดำเนินการค้นหาเชิงรุกทั้งหมด 573 ราย ยอดสะสมจากการดำเนินการค้นหาเชิงรุกรวมจำนวนทั้งสิ้น 174,426 ราย ผลการตรวจแล็บ (12 ก.พ.64) จำนวน 1,712 ราย พบเชื้อ 24 ราย ยอดสะสมจากการตรวจแล็บรวมจำนวนทั้งสิ้น 174,426 ราย ยอดสะสมผู้พบเชื้อรวมจำนวนทั้งสิ้น 13,249 ราย
สมุทรสงครามพบป่วยเพิ่มอีก1ราย
ส่วนที่ จ.สมุทรสงคราม มีการยืนยันว่า ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 18 .00 น ได้พบผู้ป่วย เพิ่มอีก 1 ราย และยอดสะสม ขณะนี้ มี 69 ราย รักษาหายแล้ว 50 ราย และกำลังรักษา 18 ราย เสียชีวิต อยู่ที่ 1 ราย ผู้ที่มีความเสียงเข้ารับการคัดกรอง 54 ราย ผู้เข้าเกณฑ์ ตรวจหาเชื้อ 29 ราย ค้นหาในเชิงรุก ในชุมชน ไม่พบ ที่พบเป็นเพศหญิง เป็นรายที่ 69 มีอายุ 52 ปี อาชีพรับจ้างโรงงานผลิตเสื้อผ้า ตำบลท่าทราย สมุทรสาคร
ปทุมธานีลุยตรวจเชิงลึก
วันเดียวกัน ที่จุดคัดกรองตลาดพรพัฒน์ ซอยรังสิต-ปทุมธานี 19-21 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอธัญบุรี ได้บูรณาการร่วมกันเร่งตรวจคัดกรอง แรงงานในตลาด และ เจ้าของร้าน
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะดำเนินการสืบประวัติ แรงงานต่างด้าวที่เข้าทำการตรวจสอบสวนโรค พร้อมดำเนินการตรวจหาเชื้อโดยวิธีการ SWAB คือการนำไม้สอดเข้าไปในจมูกเพื่อเก็บสารคัดหลั่งจากหลังโพรงจมูก (Nasopharyngeal swab) นำสารคัดหลั่งเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. ได้ทำการตรวจคัดกรองไปจำนวน 169 พบผู้ติดเชื้อจำนวน 32 คน วันที่ 11 ก.พ. ตรวจคัดกรองไปจำนวน 288 คนพบผู้ติดเชื้อจำนวน 52 คน และในวันที่ 12 ก.พ. ตรวจคัดกรองไปแล้ว 360 คน พบเพิ่มอีก 40 คน โดยทั้ง 3 วัน ได้ตรวจคัดกรองไปแล้วกว่า 817 คนพบผู้ติดเชื้อโดยรวมทั้งคนไทย และ ต่างด้าว ติดเชื้อแล้วจำนวน 124 คน
พร้อมกันนี้ นายชรัส บุญณสะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม คาดว่า ในเดือนมีนาคมนี้ จ.สมุทรสงครามจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปลอดภัย และสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ การแพร่ระบาดน่าจะสิ้นสุดลง แต่เพื่อไม่ประมาท การ์ดต้องไม่ตก
พร้อมส่งแรงงานไปรัฐกาตาร์
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา แจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการนำเข้าแรงงานไทยไปยังรัฐกาตาร์ และจากการประเมินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 ของรัฐกาตาร์ที่มีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาด้านกฎระเบียบ และกฎหมายที่ดีขึ้น รวมทั้งเอื้อประโยชน์แก่แรงงานต่างชาติ ตลอดจนขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ตลาดแรงงานในรัฐกาตาร์มีความต้องการแรงงานไทยที่มีทักษะฝีมือ สำหรับโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก เพื่อเร่งสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รองรับการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 2022
“ กระทรวงแรงงาน ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาชนและคนหางานที่มีความต้องการเดินทางไปทำงานในรัฐกาตาร์ทราบทั่วกัน เพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานไทยได้เดินทางไปทำงานในต่างประเทศตามนโยบายส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศของรัฐบาล โดยการนำของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และความต้องการของตลาดแรงงานในรัฐกาตาร์ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กรมการจัดหางานกำหนด ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี