“นายกฯ”แจงสภาฯไม่เคยรับส่วยบ่อน เปิดคลิปโต้ “เสรีพิศุทธ์” ตัดต่อ-บิดเบือนคำพูด ลั่นไม่กลัวสภา ได้โอกาสเหมาะร่ายยาวชี้แจงปชช.
16 ก.พ.64 เวลา 15.38 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงกรณีที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจถึงเรื่องบ่อนการพนันที่ระบุว่า ร้อยนายกฯก็แก้ปัญหาไม่ได้ ว่า ใช้เวลานั่งฟังมาค่อนวัน ขอชี้แจงบางประเด็นก่อน มีสมาชิกให้ตนลองหลับตาตนก็หลับดูมันก็มืด แต่พอลืมตาขึ้นก็สว่างเหมือนเดิม จะให้หลับตาเพื่ออะไรตนไม่เข้าใจ หลับมากๆก็เวียนหัวหัวทิ่มอีก ทุกอย่างเปิดเผยได้อยู่แล้ว อยู่ในกระบวนการยุติธรรมหากจะกล่าวอ้างว่าใครผิดใครถูกต้องต้องไปกระบวนการยุติธรรม ไปฟ้องร้องและต่อสู้คดีกันไป ถ้าจะพูดในสภาฯก็เป็นแบบนี้พูดได้ตลอดทุกเรื่อง ซึ่งมีผลกระทบกับหลายคนหลายพรรค ต้องขอฝากด้วย เรื่องแรกที่ตนอยากจะชี้แจง คือ เรื่องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ตนเป็นนายกฯมา 6 ปี รู้ว่ากติกากฎหมายว่าอย่างไร และตนได้แจ้งเพิ่มเติมไปแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเปิดเผยเมื่อไหร่ กรุณาดูกฎหมายด้วย อย่าพาลว่าตนไปให้เขาแก้กฎหมายอีก ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับตนเลยทุกเรื่องตนกล่าวล่วงไม่ได้
ส่วนกรณีการเรียกรับผลประโยชน์มีคนอ้างอิงมีข้อมูลจากทางโทรทัศน์ ข้อมูลเหล่านี้เรียกว่าเป็นข้อมูลดิบ ฉะนั้นจะต้องไปหาหลักฐาน วัตถุพยาน พยานบุคคลเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องนอกสภาฯ เขาจะได้สู้กันเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง การนำข้อมูลมาจากสื่อฯตนคิดว่า เป็นข้อมูลที่จะใช่หรือไม่ใช่ตนไม่ทราบ แต่ตนยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง และจะเปิดให้ดูว่าที่ตนพูดจริงๆมันคืออะไร พอดีเก็บข้อมูลไว้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การบริหารสถานการณืโควิด-19 เรื่องประเด็นเปิดบ่อนการพนัน การเล่นพนันออนไลน์ อันนี้เป็นสิ่งที่ท่านกล่าวหาตนเอง ตนในฐานะนายกฯเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับข้อกล่าวหาข้างตน ในฐานะบุคคลธรรมดา ตนไม่สนับสนุน นิยมชมชอบการเล่นพนันขันต่อ ไม่ว่าจะรูปแบบใด เพราะการพนันถือเป็นเรื่องที่ขัดต่อศีลธรรมอันนี้ ขัดหลักศาสนา และเป็นสิ่งที่ต้องห้ามตามกฎหมาย และการตกเป็นทาสการพนันไม่ว่าจะรูปแบบใด จะก่อให้เกิดความเสี่ยง ไฟไหม้บ้าน 10 ครั้งยังเหลือที่ดิน แต่เล่นพนันครั้งเดียวอาจไม่เหลืออะไรสักอย่าง ตนทราบดีว่าการพนันต้องขจัดให้หมดสิ้นไป จึงได้มีการสั่งการอยู่เสมอ กำกับดูแลติดตามให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองเข้มงวดกวดขันไม่ให้มีการเล่นการพนันในท้องที่ที่รับผิดชอบ ไม่ต้องการให้ประชาชนหลงไหล มั่วเมา การพนันหากจับบ่อนการพนันในพื้นที่ใดได้ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะต้องรับผิดชอบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด -19 ตนได้มอบนโยบายสั่งการให้ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรงดำนเนินการอย่างเข้มงวด เพราะการรวมตัวในบ่อนการพนัน จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นการแพร่ระบาดกลุ่มก้อนได้ง่าย ซึ่งช่วงที่ผ่านมาได้มีการจับกุมบ่อนการพนันในพื้นที่ได้มาก มีการ สอบข้อเท็จจริงมีการสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับการฯ จนถึงผู้บังคับการฯ 51 ราย รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้รู้เห็นเป็นใจ หรือปล่อยปะละเลยให้มีบ่อนการพนันในพื้นที่หรือไม่ ซึ่งตนได้ให้นโยบายไปแล้ว หากตรวจสอบพบและมีความเกี่ยวข้องจริงต้องลงโทษสถานหนักหรือได้รับผลประโยชน์ ที่ผ่านมาเชื่อว่าทุกรัฐบาลมีนโยบายกวาดล้างการพนัน แต่การจัดการบ่อนการพนันอย่างที่สมาชิกได้กล่าวมาไม่ใช่เรื่องง่าย อดีตที่ทำมาได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ท่านบอกว่าใช้คนไม่กี่คน ใช้ลูกน้องไม่กี่ไม่จำเป็นต้องทำเอง ตนก็เห็นว่าต้องกำกับทุกอันเหมือนกันและวันนี้ลูกน้องของท่านที่ทำงานด้วยวันนี้เป็นใหญ่เป็นโตในสตช.หลายคนแล้วตนคิดว่าเขาคงใช้วิธีการที่ท่านเคยทำมา พี่สอนน้องมาอย่างไรเขาก็ทำตามนั้น วันนี้มีการปรับเทคโนโลยีต่างๆให้ดียิ่งขึ้น วันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้วเราต้องหาวิธีการ ตนไม่โทษกันไปมา
“ผมเชื่อมั่นว่าทุกรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่แต่ปัจจุบันการเล่นการพนัน การกระทำความผิดสลับซับซ้อนมายิ่งขึ้น วันนี้ผมสงสัยว่าทำไมจับได้เฉพาะคนเล่น ผมได้ให้นโยบายว่าต้องจับคนอยู่เบื้องหลังและนายทุนด้วย เจอเครือข่ายก็ต้องเล่นทั้งเครือข่าย ผมไม่มีผลประโยชน์อะไรจับหมด ฉะนั้นอย่ามาอ้างว่าตนได้รับผลประโยชน์ ก็ไปฟ้องร้องมาว่าจริงหรือไม่จริง หากไม่จริงผมก็สู้ข้างนอก ขออย่าหมิ่นประมาทกันในส่วนตรงนี้ถ้าผมไม่เอาจริงผมจะตั้งทำไม กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้รับผิดชอบโดยเฉพาะ เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างพัฒนาหมดแล้ว ผมยืนยันได้ว่ารัฐบาลเข้มงวดกวาดล้างการพนันทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะออนไลน์หรือออฟไลน์ไม่ปล่อยปะละเลย อย่างที่มีการกล่าวหา สถิติการจับกุมการกระทำความผิดพ.ร.บ.การพนันช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจากปี 2561-2563 มีการจับกุม 35,000 -50,000 คดีมีผู้ต้องหา 74,000 คน ถึง 98,000 คน และอาจจะมากกว่านี้หลังการสอบสวนเชื่อมโยงก็ต้องสู้คดีกันไป เรื่องนี้หลายคนอาจจะมองเป็นเรื่องง่าย เราอาจจะกล่าวหาว่าใครทำหรือไม่กระทำใครรับประโยชน์ใครเป็นเจ้าของบ่อน รวยจากบ่อนยจากสิ่งที่ผิดกฎหมายทั้งหมดในเมื่อเราเป็นนิติรัฐต้องใช้อำนาจทางกฎหมายจะไปข่มขู่ข่มเหงอย่างที่กล่าวมาคงไม่เหมาะสมกับเจ้าพ่อ มันไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนจะทำอะไรต้องระมัดระวังเราจะต้องพิสูจน์ให้ได้ปราศจากข้อสงสัย ถ้าผู้ถูกกล่าวหาทำผิดจริงต้องลงโทษได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การปฏิบัติเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายปกครองต้องรอบคอบ มีพยานหลักฐานและคิดว่าที่จับมามีหลักฐานครบถ้วนก็ต้องดำเนินการต่อไป มีหลายคดีที่เกี่ยวข้องในตอนนี้บ่อนการพนันในจ.ระยอง จ.ชลบุรี จ.จันทบุรี .จ.ตราด และจ.สมุทรปราการ บ่อนลอยฟ้ากทม.บ่อนไฮโลพาณิชย์ธนบุรี บ่อนแจ้งวัฒนะ บ่อนบางบัวทอง บ่อนไก่ชนทุ่งสเลียง บ่อนพนันออนไลน์ การจับกุมเสี่ยโป้ ผลการสอบสวนบ่อนพระราม 3 การรับส่วยเอื้อประโยชน์จากบ่อนการพนัน ท่านบอกว่าทำไมมาจับตอนนี้หลังจากที่ตนประกาศไปแล้วว่าทุกคนต้องร่วมมือต้องทำงานช่วยรัฐบาล แจ้งหลักฐาน แจ้งข้อมูลถึงนายกฯโดยตรง ตนก็ได้ข้อมูลมาและนำไปสู่การจับกุมมันไม่ง่าย โลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะแต่เราต้องยืนยันเจตนารมณ์ต้องจับให้ได้ตราบใดที่ยังไม่มีบ่อนถูกกฎหมายและเห็นว่าท่านก็ศึกษาอยู่เป็นเรื่องของท่าน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิด การเล่นการพนันและทำให้เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19กำกับโดยตนและรองนายกฯ มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยกับบ่อนการพนันภาคตะวันออกแล้ว ยืนยันทุกภาคจะถูกตรวจสอบทั้งหมด ใครที่กล่าวหาว่าตนรับผลประโยชน์ ยืนยันว่าบาทเดียวก็ไม่เกี่ยวข้อง เงินชั่วๆไม่รับจะรับแต่สิทธิประโยชน์ของตนตามกฎหมายเท่านั้น ท่านที่รู้โดยเฉพาะส.ส.ในฐานะข้าราชการการเมือง เมื่อรู้ต้องแจ้งความจะปล่อยปะละเลยไม่ได้และมาพูดทีหลังไม่ได้ ต้องแจ้งความนั้นคือการร่วมมือกันแก้ปัญหา ส่วนคำพูดในสื่อฯหรือคำพูดที่มีการกล่าวอ้างมา ตำรวจพูดอะไรพูดตนยืนยันว่าไม่ได้กับเขาคนจะพูดอะไรก็ได้ไปสอบสวนกระบวนความเอา หาข้อเท็จจริงกันไปที่นอกสภาฯเขาจะได้ชี้แจงได้
ทั้งนี้ในช่วงท้าย นายกได้หยิบโทรศัพท์มือถือ ขึ้นมาเปิดคลิปที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อภิปรายไปก่อนหน้านี้ สลับกับคลิปคำให้สัมภาษณ์ ของนายกฯในเรื่องบ่อนการพนัน เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า "บิดเบือนไหมครับ เป็นตัวอย่างหนึ่ง ในหลายๆอย่างที่ถูกบิดเบือน ตัดต่อ คำพูด กิริยาไปทำให้ดูไม่ดี วันนี้ผมลืมตาพูดแล้ว ทุกอย่างก็ค่อยๆเปิดไปเรื่อย" (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สุดเดือด! ‘เสรีพิศุทธ์-สิระ’ฮุคกันคนละหมัด ด่ากันลั่นขึ้น'ไอ้...'กลางสภา)
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ก็ยินดีที่ได้มาสภาฯ คิดถึง ผมไม่ได้หวาดกลัวอะไร และเป็นโอกาสที่ดีที่เราทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันทำเพื่อประเทศชาติ และประชาชนของเรา ถึงแม้ว่าท่านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ตาม ผมก็พร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง อยากฝากประชาชนฟังแล้วให้คิดจะเชื่อหรือไม่อยู่ที่ฉันตัดสินใจ และเชื่ออย่างมีเหตุผล ถ้าไม่ฟังก็ไม่ได้ แต่ถ้าเชื่อทุกอย่างก็ไม่ดี ขอให้ฟังว่าฝ่ายใดมีข้อมูลชัดเจน อะไรที่เป็นความก้าวหน้า อะไรที่เป็นปัญหา อะไรที่เป็นอุปสรรค อะไรที่เราต้องแก้ไข
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลและรัฐมนตรีที่เป็นผู้ปฏิบัติ ท่านต้องรู้ว่าควรเป็นนายกรัฐมนตรีทำงานอย่างไร หลายท่านพูดมาก็ไม่รู้ว่าต้องทำงานอย่างไร ลองไปเปิดระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐมนตรีมีอำนาจทางไหนทำงานอะไรได้บ้างปฏิบัติตามระเบียบอะไรบ้าง ซึ่งตนก็ไม่เคยทำอะไรนอกกรอบนี้ เพราะตนระมัดระวังอย่างที่สุดในการทำงาน ตนเป็นผู้กำหนดนโยบาย แสดงวิสัยทัศน์ และมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐบาลจากส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคไปปฏิบัติและติดตามกำกับดูแลเร่งรัด แก้ปัญหาให้เขา แต่สิ่งที่ดำเนินการคือนำนโยบายของตนไปแปลงสูตรพร้อมขับเคลื่อน และนำส่งไปยังหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติ เพื่อไปสู่ประชาชนข้างล่าง
"ผมได้ย้ำตลอด การทุจริต การผิดกฎหมายการใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า ไม่เคยละเว้นไม่เคยปล่อยอะไรไปง่ายๆหลายอย่างมีคนบอกว่าโครงการไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน ซึ่งก็อาจมีปัญหาอยู่พอสมควรเพราะบางโครงการเสนอขึ้นมา แต่ไม่มีพื้นที่ในการทำ แต่อยากได้ซึ่งมันเป็นที่พื้นที่ของวัดเราก็ให้ไม่ได้ ในรัฐบาลผมงบประมาณที่ลงไปให้ทุกจังหวัดและมากขึ้นกว่าเดิม ท่านจะรังเกียจคนข้างบน ตรงกลางข้างล่างไม่ได้เพราะทุกอย่างเป็นห่วงโซ่เดียวกัน ถ้าไม่มีการลงทุนถ้าไม่มีการลงทุนก็ไปไม่ได้"นายกฯกล่าว
พร้อมระบุว่า วันนี้รัฐบาลดูแลคนรายได้น้อยแต่ประสบปัญหาโควิด-19 ตนเห็นใจและเข้าใจจริงๆ วันนี้ตนเป็นนายกก็รักคนไทยทั้ง 67 ล้านคน แม้ว่าใครจะไม่รักตน แต่ตนก็รักท่านเพราะท่านอยู่บนแผ่นดินไทย ที่รักยิ่งของพวกเรา เกิดมา ทำอาชีพมา และตายบนแผ่นดินนี้ นั่นคือคนไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี