ไม่เคยรับเงินบ่อนแม้แต่บาทเดียว
‘บิ๊กตู่’โต้เดือด
ถ้ามีหลักฐานให้ฟ้องได้เลย
เปิดคลิปสวนกลับ‘เสรีพิศุทธ์’
ใส่ร้ายตัดต่อบิดเบือนคำพูด
พท.อัดรบ.ปรสิต-รอพบจุดจบ
‘สิระ’แฉใบสั่ง‘ดูไบ’แทรกแซง
ศึกซักฟอกวันแรกถกปมญัตติพาดพิงสถาบัน “ชวน”ให้แค่ “สมพงษ์” อ่านเท่านั้น ผิดจากนี้ไม่ได้ เดือด“สิระ”ปูดกลางสภาใบสั่ง “ดูไบ” แทรกแซง“สมพงษ์”ผู้นำฝ่ายค้านฯเดินหน้าอ่านญัตติซักฟอก 10 รมต.ซัดเดือดลั่น รัฐบาลปรสิต-กัดกร่อนประเทศ รอนับถอยหลังจุดจบ “สุทิน” ประกาศนำทิ้งบอมบ์รบ.อัด “บิ๊กตู่”นักกู้แห่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก จวกรมต.ไร้มาตรฐานจริยธรรม ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ประท้วงวุ่น“เสรีพิศุทธ์”ซักฟอกบ่อน แต่นอกเรื่องโชว์ผลงานอดีต เจอ “สิระ-ปารีณา-ไพบูลย์”แท็กทีม ด้านนายกฯลุกแจงลั่น ไม่เคยรับส่วยบ่อนสักบาท เปิดคลิปโต้เสรีฯตัดต่อ-บิดเบือนคำพูด ยันไม่กลัวสภา แต่คิดถึง ได้โอกาสชี้แจงปชช.
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณาวาระพิเศษญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี เป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จำนวน 10 ราย ของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยพร้อมคณะพรรคร่วมค้าน เป็นผู้เสนอ
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการประชุมตั้งแต่ช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางถึงอาคารรัฐสภาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมร่วมการพิจารณาญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนอีก 9 รัฐมนตรีที่ถูกยื่นอภิปราย และรัฐมนตรีอื่นๆต่างทยอยได้เดินทางเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง บรรยากาศอาคารรัฐสภาเป็นไปอย่างคึกคัก
เริ่มถกเถียงเดือดนานร่วม1ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.45น.ที่รัฐสภา ก่อนเข้าสู่การพิจารณาวาระญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานซึ่งที่ประชุมได้ถกเถียงถึงเนื้อหาญัตติดังกล่าวที่มีเนื้อหากล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งส.ส.พรรคพลังประชารัฐต่างยืนยันการทำหน้าที่ประท้วงฝ่ายค้านที่อภิปรายพาดพิงถึงเรื่องดังกล่าวซึ่งการหารือประเด็นดังกล่าว ใช้เวลายืดเยื้อนานเกือบ 1 ชั่วโมง
บรรยากาศเดือดตั้งแต่เริ่มแรก โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ขอให้ฝ่ายค่านอ่านข้ามข้อความในญัตติฯ เนื่องจากมีบางถ้อยคำเกี่ยวข้องพาดพิงสถาบัน ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาทำให้การอภิปรายฯไม่ราบรื่น
ขณะที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐหารือว่าในการที่ประชุมตรวจสอบญัตติร่วมกันนั้นนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านได้รับปากที่จะปรับแก้ไขถ้อยคำในญัตติ ตนก็ขอบคุณท่านไปแล้ว แต่พอออกจากห้องประชุมก็มีโทรศัพท์จากดูไบ คนแดนไกล ไม่มีการแก้ไข และให้บรรจุญัตตินี้ให้ได้ท่านถูกแทรงแซงจากต่างประเทศ ทำให้ตนรับไม่ได้
‘ชวน’ชี้แจง/ขออย่าให้ทำงานมีปัญหา
ต่อมานายชวนชี้แจงว่า ญัตติของพรรคฝ่ายค้านนั้น สามารถบรรจุสู่ระเบียบวาระได้ แต่ในวันที่ตนหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งนาย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ตนได้พูดกับนายสมพงษ์ว่า ข้อความในญัตติ ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นข้อกล่าวหารัฐบาลที่รุนแรง อยากให้ปรับปรุงเพราะเชื่อว่าข้อความที่ปรากฏ รัฐบาลไม่อยู่เฉย ต้องอธิบายและชี้แจงทำให้คนชี้แจงอาจตกเป็นจำเลยและผู้กล่าวหาอาจตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาได้ ตนไม่อยากให้ฝ่ายใดตกเป็นจำเลยของสังคม ทำให้ผู้นำฝ่ายค้านฯรับไปปรับปรุง ตนย้ำด้วยว่าแม้ไม่แก้ยังจะบรรจุให้
“เพื่อไม่ให้ประท้วงโดยไม่จำเป็น ฝ่ายค้าน มีสิทธิอ่านญัตติ เพราะเสนอเป็นญัตติมาแล้ว และรัฐบาลมีสิทธิชี้แจงเพราะเป็นคำกล่าวหา ทั้งนี้ ในความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติมีโครงสร้างตรวจสอบซึ่งกันและกัน สำหรับการประชุมนั้นต้องเปิดให้อภิปรายและชี้แจง หากรัฐบาล จะตอบเกิน42ชั่วโมงต้องให้ เพราะรัฐบาลไม่ถูกจำกัดเวลา การประชุมนั้น ไม่ใช่ว่าใครโกหกเก่ง คนนั้นจะชนะ อย่าทักท้วงให้เสียเวลาเพื่อให้กระบวนการของรัฐสภาเดินไปไม่ได้ ทั้งนี้ การควบคุมเป็นหน้าที่ของประธานสภาฯ ที่จะวินิจฉัยและคำวินิจฉัยให้ถือเป็นที่สุด ขออย่าให้การทำงานมีปัญหา”นายชวน กล่าว
‘ไพบูลย์’ย้ำจุดยืนยื่นส่งศาลตีความ
ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ผู้เสนอญัตติขอให้สภาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเนื้อหาของญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ได้ยืนยันต่อการทำหน้าที่ประท้วงการอภิปรายที่อภิปรายถึงเนื้อหาที่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คดียุบพรรคไทยรักษาชาติ กรณีส่งบัญชีรายชื่อที่สนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่และถือเป็นการเตือนด้วยความหวังดี หากตนถูกประธานห้ามประท้วง ก็จะประท้วงประธานถึงการทำหน้าที่ด้วย ขณะที่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน กล่าวสนับสนุนการทำหน้าที่ของประธานที่ประชุมที่วินิจฉัยให้ยุติการอภิปรายในเนื้อหาที่วินิจฉัยแล้วว่าขัดข้อบังคับการประชุม
‘ผู้นำฝ่ายค้าน’เปิดหัวนำซักฟอก
จากนั้น เวลา 09.47น.นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เริ่มอ่านญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคลโดยไล่เลียงข้อกล่าวหาตั้งแต่ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบ มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเพื่อสร้างความร่ำรวย มั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง
ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก และมีการระบาดของโรคโควิด 19 ยิ่งทำให้สภาพเศรษฐกิจดิ่งเหว ทั้งหมดเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของตนเอง มีการใช้อำนาจแลกผลประโยชน์ทำให้การทุจริตแพร่กระจายไม่ต่างจากโรคระบาด จนได้ชื่อว่าเป็นยุคที่การทุจริตเฟื่องฟู เบ่งบานมากที่สุด ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เปิดเผย ปกปิดการกระทำความผิดของตนเองและพวกพ้อง ไม่มีความรอบคอบ ระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน ไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ มุ่งประโยชน์แต่การสร้างความนิยมชมชอบให้กับตนเอง โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ สร้างความแตกแยกในสังคม ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์และทำลายผู้เห็นต่าง ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชน ปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันกระจายไปทั่ว
“ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำลาย และเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเองละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม และสิทธิมนุษยชน ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม การบริหารราชการแผ่นดินของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง”นายสมพงษ์ ย้ำ
‘ไพบูลย์’ประท้วงพาดพิงสถาบัน
ทั้งนี้ระหว่างนายสมพงษ์ อ่านญัตติถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ถูกนายไพบูลย์ลุกประท้วงว่านายสมพงษ์ได้พูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่จำเป็น นายชวนชี้แจงว่านายสมพงษ์ สามารถพูดได้ เป็นเพียงการอ่านญัตติเท่านั้น โดยนายไพบูลย์ยังประท้วงต่อว่าหากให้นายสมพงษ์อ่านตามญัตติจะเป็นการรับรองว่าถูกต้องโดยกฎหมาย แต่นายชวนยืนยันว่าหากต่างจากญัตติจะไม่ให้พูดทันที จากนั้น การอภิปรายจึงดำเนินต่อไป
จากนั้น ผู้นำฝ่ายค้านฯได้อ่านญัตติต่อไปถึงข้อกล่าวหา ในส่วนอีก 9 รัฐมนตรี ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ส่วนใหญ่ได้กล่าวหารัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ และไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ และกระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง
ลั่นรอนับถอยหลังจุดจบ รบ.ปรสิต
ทั้งนี้ นายสมพงษ์ ได้อภิปรายเพิ่มเติมว่า ต่อไปนี้เราจะเปิดโปงความฉ้อฉลของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เปิดหน้ากากในการอำนาจบั่นทอนประชาธิปไตย คุกคามเสรีภาพของประชาชน ตลอดเวลาที่บริหารประเทศมา 6 ปี 8 เดือน 26 วัน ทำให้ประเทศเสียหายทั้งในฐานะหัวหน้า คสช.และนายกฯ ตอนนี้ประเทศพังพินาศหมดแล้ว ประชาชนทุกข์ยากแสนเข็ญ ประเทศมีหนี้สินสาธารณะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ มีการทุจริตไปทั่วหัวระแหง มีคนคับแค้นฆ่าตัวตายไปจำนวนมาก
“พล.อ.ประยุทธ์ บริหารงานแบบเอาตัวเอง เป็นศูนย์กลาง ไม่มีวิสัยทัศน์ คิดไปทำไป จนเศรษฐกิจพินาศหมดแล้ว ท่านไม่มีภาวะผู้นำไม่มีความสามารถที่จะรวบรวมคนมีฝีมือมาช่วยงานได้ อวดอ้างแต่ตัวเองซื่อสัตย์ แต่กลับวางเฉยปล่อยให้ลูกน้อง คนใกล้ชิดทุจริตคอรัปชั่น บริหารกันแบบฉ้อฉล ดังนั้นรัฐบาลนี้จึงเป็นได้แค่รัฐบาลปรสิต ที่กัดกร่อนประเทศ กินความฝันของประชาชน ท่านจึงไม่ใช่รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน การอภิปรายฯครั้งนี้ จึงเป็นแสงแห่งความหวัง ขับไล่ความมืดมิดที่ท่านทำเอาไว้ จุดจบของรัฐบาล พล.ประยุทธ์กำลังจะมาถึงแล้ว เราจึงไม่หวังและไว้วางใจให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป”นายสมพงษ์ กล่าว
“สุทิน”นำร่องให้36สส.ทิ้งบอมบ์
เวลา11.15น.นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ลุกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ได้อภิปรายว่า ฝ่ายค้านอภิปรายครั้งนี้ คาดหวัง ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ให้มีการแก้ไข และ ชี้ให้เห็นว่าความล้มเหลวของรัฐบบาล โดยตนจะทำหน้าที่นำร่องชี้เป้า เพื่อให้เพื่อน ส.ส.อีก 36 คน หรือ เปรียบเป็นเครื่องบิน 36 ลำ ทิ้งระเบิดใส่เป้า และ ปิดท้ายด้วยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย จะมาเก็บกวาด เพราะเหตุของความล้มเหลว ที่นายกฯ ต้องปรับ คือ1.ปรับวิธีคิดในการบบริหาร 2.ต่างชาติไม่ยอมรับ 3.การไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ และเอื้อให้เกิดทุจริต ซ้ำยังเอื้อพวกพ้องให้ร่วมทุจริตจนเกิดความเสียหาย 4.การขาดจริยธรรมผู้นำจนเป็นเหตุของความล้มเหลวทั้งหมด
ซัดนักกู้แห่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค
นายสุทิน ยังระบุว่าในด้านเศรษฐกิจ ธนาคารโลกสถาบันไอเอ็มเอฟ หรือแม้แต่สภาพัฒน์ฯ ของไทย ต่างชี้ว่าเศรษฐกิจไทยตกต่ำ วันนี้กู้เงินไปกว่า 9 ล้านล้าน กู้ทุกปี กู้ซ้ำกู้ซ้อน ขณะที่หนี้สาธารณะของประเทศ สูงขึ้นแตะ 60 เปอร์เซ็นต์ อภิปรายไม่ไว้วางใจปีก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ฉายาว่าเป็นนักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ถ้ากู้อย่างนี้ ปีนี้จะได้ชื่อว่า เป็นนักกู้แห่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก พฤติกรรมที่ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะวิธีคิดมีปัญหา ไร้ประสิทธิภาพการบริหารประเทศ ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำและทำให้เกิดปัญหาสังคม และยังพบการทุจริตเชิงนโยบาย โดยเฉพาะนโยบายประกันราคาสินค้าเกษตร ที่รัฐบาลประกาศราคา ทำให้พ่อค้าลดราคา เพื่อให้รัฐนำงบประมาณ เพื่อประกันราคาเพิ่มมากขึ้นเช่นเดิมราคา 9บาท เมื่อรัฐบาลประกาศนโยบาย พ่อค้าประกาศมาตรฐานราคาเหลือ 6 บาท เพื่อให้มีส่วนต่าง 3 บาท เพื่อให้รัฐบาลสนับสนุน
อัดบิ๊กตู่-รมต.ไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน
นายสุทิน อภิปรายอีกว่า มีรัฐมนตรีที่ไม่ชี้แจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินได้แก่พล.อ.ประยุทธ์,นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายดอน ปรมัติวินัย รมว.ต่างประเทศ และ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ถือว่าเอาเปรียบ ส.ส.ในสภาฯ การไม่ชี้แจงดังกล่าว ยอมรับว่ามีกฎหมายกำหนดไว้ว่ารัฐมนตรีที่พ้นตำแหน่งและเข้ารับตำแหน่ง ในระยะเวลา 1 เดือน ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน แต่ในกฎหมายดังกล่าว ไม่ห้ามที่จะแสดงบัญชีทรัพย์สิน ซึ่ง 7 รัฐมนตรีไม่ทำเพื่อสร้างมาตรฐานทางจริยธรรม ซึ่งตนขอตั้งข้อสงสัยว่า ระยะเวลา 2 ปี นำเงินซุกไว้ที่ไหน
‘เสรีพิศุทธ์’ขออภิปรายถล่ม3ป.
ต่อมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่าขออภิปราย3รัฐมนตรี คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รวมทั้งเป็นประธานข้าราชการตำรวจด้วย 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ3.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ตลอดระยะเวลาที่บริหารประเทศมาเป็นเวลา 7 ปี เต็มประเทศชาติบ้านเมือง ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยไม่ว่าจะเป็นด้านสังคมเศรษฐกิจความมั่นคงต่างๆล้มเหลวไปหมดจนตนจำเป็นที่จะต้องมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ การบริหารราชการแผ่นดินทั้ง 3ท่าน ล้มเหลว ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ไร้จิตสำนึกความรับผิดชอบและไร้วุฒิภาวะ มีพฤติการณ์ฉ้อฉลเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยแต่งตั้งข้าราชการ เข้าไปแสวงหาประโยชน์ด้วยการสมคบคิดกับเจ้าของบ่อนการพนันและปล่อยประละเลยให้มีบอลการพนันที่ผิดกฎหมายในหลายพื้นที่ จนเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
รุมประท้วงเดือดพูดวกวนปมบ่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงการอภิปรายของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ประเด็นเกี่ยวกับบ่อนการพนันที่อภิปรายวกวน และเน้นไปที่การเปิดคลิปวิดีโอสมัยครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็น จเรตำรวจ และลงพื้นที่ปรามปราบบ่อน
เวลา14.55น.พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เปิดคลิปข่าวการลงโทษ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ที่ไปกล่าวหานายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรโดยการหักเงินเดือน ส.ส.
ทำให้ นายสิระ ลุกขึ้นประท้วงว่าประเด็นนี้ ไม่เกี่ยวกับการอภิปรายท่านแก่แล้วแก่เลย โง่เขลาเบาปัญญา ไม่มีปัญญาคิดเอง นำเอาข่าวมากล่าวหาคนอื่น แก่แล้วแก่เลย”
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงว่า”ไม่มีข้อเท็จจริงและไม่เป็นความจริง ดิฉันรับเงินเดือนจากรัฐสภา” นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทยประท้วงว่า“มีอดีตนักโทษ มาเป็นส.ส.”ทำให้ประธานในที่ประชุม ต้องสั่ง ให้นายวิรัตน์ถอนคำพูด
โต้เดือดด่าลั่น‘ดื้อด้าน-ไอ้นักโทษ’
จากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อภิปรายอีกว่าตนได้สอบถามกับ ส.ส.ก็ยอมรับว่า“มีการจ่ายเงินเดือนส.ส.คนละ 2 แสนบาท”ทำให้ประธานในที่ประชุมสภาสั่งให้ถอนคำพูดเพราะจะเกิดความเสียหาย กับพรรคการเมืองและขอให้ถอนคำว่า“พรรคการเมือง”แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ยอมถอน จึงทำให้ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ รุมประท้วง ทั้ง นายสิระ นายไพบูลย์และน.ส.ปารีณา
ประธานขอให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถอนคำพูดอีกครั้ง แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ยอมถอนคำว่า“มีการจ่ายเงินเดือนละ2แสนบาท”จนนายสิระตะโกนขึ้นเสียงดังลั่นว่า“ดื้อด้านจริงๆกลัวเสียหน้าเหรอ ถึงไม่ยอมถอน”พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์หันสวนกลับว่า“นั่งลงไอ้นักโทษ”ซึ่งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังพยายามที่จะอภิปรายเกี่ยวกับเงินที่นำมาแจกส.ส.ว่า“ที่ปิดบ่อนไม่ได้ เพราะเป็นรายได้ของพรรคพลังประชารัฐ” ซึ่งระหว่างอภิปราย ทำให้ สส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างลุกขึ้นประท้วงกันไปมาเป็นระยะเสียเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง
นายกฯชี้แจงยื่นทรัพย์สินปปช.
เวลา 15.38น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลุกชี้แจงที่ประชุมว่าทุกอย่างสามารถเปิดเผยได้และการจะกล่าวอ้างใครถูก ใครผิดก็ขอให้ไปฟ้องตามกระบวนการยุติธรรม การพูดในลักษณะเช่นนี้ เกิดมีผลกระทบกับหลายคนและหลายพรรคการเมือง และขอชี้แจงเรื่องแรกคือเรื่องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ตนเป็นนายกฯมา 6ปี รู้ว่ากติกา กฎหมายว่าอย่างไรและตนได้แจ้งเพิ่มเติมไปแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเปิดเผยเมื่อไหร่ กรุณาดูกฎหมายด้วย อย่าพาลว่าตนไปให้เขาแก้กฎหมายอีก ซึ่งไม่เกี่ยวกับตนเลยทุกเรื่องตนกล่าวล่วงไม่ได้
ส่วนกรณีการเรียกรับผลประโยชน์ มีคนอ้างอิงมีข้อมูลจากทางโทรทัศน์ ข้อมูลเหล่านี้เรียกว่าเป็นข้อมูลดิบ ฉะนั้นจะต้องไปหาหลักฐาน วัตถุพยาน พยานบุคคลเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องนอกสภาฯ เขาจะได้สู้กันเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง การนำข้อมูลมาจากสื่อฯตนคิดว่า เป็นข้อมูลที่จะใช่หรือไม่ใช่ตนไม่ทราบ แต่ตนยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง และจะเปิดให้ดูว่าที่ตนพูดจริงๆมันคืออะไร พอดีเก็บข้อมูลไว้
ไม่รับส่วยบ่อนสักบาท/เปิดคลิปโต้
นายกฯ ยังชี้แจงข้อกล่าวหาเกี่ยวกับบ่อนการพนันแล้วทำให้มีการแพร่ระบาดโควิดนั้น ยืนยันว่าได้กระทำตรงกันข้ามกับที่มีการกล่าวหาโดยสิ้นเชิง ไม่นิยมชมชอบการพนันขันต่อเพราะขัดต่อศีลธรรมอันดี ขัดตามหลักศาสนาและเป็นที่ต้องห้ามของกฎหมาย การตกเป็นทาสพนันจะทำให้เกิดความเสี่ยงและความเสื่อมและได้สั่งการให้ตำรวจกำกับและติดตามเกี่ยวกับบ่อนมาโดยตลอด ให้มีการเข้มงวดกวดขัน ไม่ให้มีการเล่นการพนัน เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนมัวเมาในการพนัน ถ้าจับได้ว่ามีการเล่นพนันที่ไหน เจ้าหน้าที่อยู่ในพื้นที่นั้น จะต้องรับผิดชอบ หากตรวจสอบพบและมีความเกี่ยวข้องจริงต้องได้รับการลงโทษอย่างหนัก ตนเชื่อมั่นว่าทุกรัฐบาลต่างมีนโยบายในการกวาดล้างบ่อนการพนันเช่นกัน วันนี้ลูกน้องของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็เติบโตอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เชื่อว่าเขาใช้วิธีการที่ได้เรียนรู้มาดำเนินงานปราบปรามในปัจจุบัน เหมือนพี่สอนน้อง
“ผมไม่มีผลประโยชน์อะไรอย่าอ้างว่าผมมีผลประโยชน์ อย่าหมิ่นประมาทกันและกัน ในส่วนตรงนี้ถ้าผมไม่เอาจริง ผมจะตั้งกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทำไม ผมยืนยันได้ว่ารัฐบาลได้เข้มงวดกับการกวาดล้างการพนันทุกรูปแบบทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ ไม่มีการปล่อยปละละเลยตามที่มีการกล่าวหา เงินชั่วๆผมไม่รับ รับแต่สิทธิประโยชน์ของผมตามกฎหมายเท่านั้น ทุกท่านก็รู้โดยเฉพาะ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ เพราะพวกท่าน ก็เป็นข้าราชการการเมืองเหมือนกัน ถ้าท่านรู้ว่ามีการรับเงินจากทางอื่น ท่านต้องแจ้งความ”นายกฯ ย้ำพร้อม “ยืนยันผมไม่รับผลประโยชน์ บาทเดียว ผมก็ไม่เกี่ยวข้อง”
ทั้งนี้ นายกได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดคลิปที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อภิปรายก่อนหน้านี้ สลับกับคลิปคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯเรื่องบ่อนการพนันเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมาโดยย้ำว่า”บิดเบือนไหมครับ เป็นตัวอย่างหนึ่ง ในหลายๆอย่างที่ถูกบิดเบือน ตัดต่อ คำพูด กิริยาไปทำให้ดูไม่ดี วันนี้ผมลืมตาพูดแล้ว ทุกอย่างก็ค่อยๆเปิดไปเรื่อย”
ไม่กลัวสภา แต่คิดถึงได้โอกาสแจง
นายกฯกล่าวว่าวันนี้ก็ยินดีที่ได้มาสภาฯ คิดถึง ผมไม่ได้หวาดกลัวอะไร และเป็นโอกาสที่ดีที่เราทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันทำเพื่อประเทศชาติ และประชาชนของเรา ถึงแม้ว่าท่านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ตาม ผมก็พร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง อยากฝากประชาชนฟังแล้วให้คิดจะเชื่อหรือไม่อยู่ที่ฉันตัดสินใจ และเชื่ออย่างมีเหตุผล ถ้าไม่ฟังก็ไม่ได้ แต่ถ้าเชื่อทุกอย่างก็ไม่ดี ขอให้ฟังว่าฝ่ายใดมีข้อมูลชัดเจน อะไรที่เป็นความก้าวหน้า อะไรที่เป็นปัญหา อะไรที่เป็นอุปสรรค อะไรที่เราต้องแก้ไข
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี