"วิโรจน์"ยังคาใจ! สธ.บริหาร"แผนวัคซีน"แบบแทงหวยใบเดียว ไม่ยอมกระจายความเสี่ยง ผิดหวัง"อนุทิน"ไม่แจงเอง
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวภายหลังกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตั้งโต๊ะแถลงและชี้เเจงในประเด็นแผนบริหารวัคซีนของรัฐบาลที่ถูกนำไปอภิปรายในสภา โดย นายวิโรจน์ ได้เข้ารับฟังการเเถลงข่าวของกระทรวงสาธารณสุขครั้งนี้ด้วยตนเอง
โดย นายวิโรจน์ กล่าวว่า ขอบคุณคุณหมอที่มาชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลในประเด็นการจัดซื้อวัคซีนของรัฐบาล แต่รู้สึกผิดหวังที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้บริหารในการจัดหาวัคซีนไม่ได้มาชี้แจงด้วยตนเอง จากการแถลงของกระทรวงสาธารณสุข สะท้อนให้เห็นว่านี่คือคุณูปการในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่นำมาซึ่งการแถลงของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและสร้างความมั่นใจของพี่น้องประชาชน
แต่สิ่งที่ตนตั้งข้อสังเกต จากการแถลงของกระทรวงสาธารณสุข คือการที่ระบุว่า ขีดความสามารถของแต่ละโรงพยาบาล สามารถฉีดได้ 500 โดสต่อวัน รวมแล้วจะสามารถฉีดได้ 10 ล้านโดสต่อเดือน หากมีวัคซีนเพียงพอ ซึ่งเรื่องนี้เราต้องมาติดตามดูกันอีกทีว่าวัคซีนจะมาตามแผนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ต้องขอถามอีกครั้งไปยัง นายอนุทิน ว่า มีความมั่นใจได้อย่างไร ในการผลิตวัคซีน astra zenexa ในประเทศไทย ที่ดำเนินการโดยบริษัทเอกชนที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีเพียงไม่นานจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น เพราะกรณีนี้แม้แต่โรงงานที่ประเทศเบลเยี่ยมที่มีประสบการณ์มา 20 ปี ก็ยังพบปัญหาระหว่างการผลิต เปรียบเสมือนกับการผลิตชิ้นส่วนๆ ใดในโรงงาน ล้วนมีปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น
ดังนั้น เมื่อฝากความหวังไว้กับวัคซีนเดียว รัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบที่ไม่กระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีน และเมื่อเทียบกับการจัดหาวัคซีนในนานาอารยะประเทศในอาเซียน พบว่าประเทศไทยมีความแตกต่างกับนานาอารยะประเทศอย่างสูง ในการกระจายความเสี่ยง โดยตนยังไม่รับคำตอบกรณีนี้ และขอถามอีกว่าจะทำอย่างไรหากพบผลข้างเคียงรุนแรงจากวัคซีนแอสตราเซียนิกาเกิดขึ้น จะมีแผนรับรองเพื่อแก้ไขปัญหาในการกระจายความเสี่ยงนี้หรือไม่
"สิ่งที่พบในห้องแถลงข่าวคือ หนังสือเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนแอสตราเซเนกา จำนวน 63 ล้านโดส ที่ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เพียงแค่ 1 วัน ก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่ควรจะมีมาก่อนล่วงหน้า ซึ่งหากเป็นอย่างที่ตั้งข้อสังเกตุ กระทรวงสาธารณสุขควรจะมีการชี้แจง เปิดเผยไทม์ไลน์อย่างเป็นทางการ เนื่องจากมีเนื้อหาที่กล่าวถึงกระบวนการและขั้นตอนในการจัดซื้อ และมีข้อสังเกตว่าเหตุที่บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ได้รับเลือกให้ผลิต เพราะเราซื้อ 63 ล้านโดส ใช่หรือไม่" นายวิโรจน์ กล่าว
ทั้งนี้ นายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า เหตุใดประเทศไทยถึงไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ ขององค์การอนามัยโลก ทั้งที่ 172 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วมโครงการดังกล่าว และจะได้รับวัคซีนเดือนกุมภาพันธ์ และจากการเเถลงข่าวของ สธ.ในวันนี้ก็พบว่า ยังไม่มีท่าทีที่จะเข้าร่วมในโครงการ ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตเพื่อถามอีกครั้งว่า เหตุใดจึงไม่กระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีน เพราะความสำคัญ หากมีการกระจายความเสี่ยง ก็จะเป็นข้อยืนยันว่าเราจะได้รับวัคซีนแน่นอน
"ผมยังเชื่อมั่นในตัวบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน ที่ปฏิบัติงานอย่างหนัก และภูมิใจหากไทยผลิตวัคซีนได้เอง แต่ต้องมีแผนเพื่อกระจายความเสี่ยง ดังนั้น กรณีที่เกิดขึ้น หากมีผลกับประชาชนผู้ที่จะต้องรับผิดชอบ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่เป็นคนบริหารและดำเนินการจัดหาวัคซีน ผมมองว่านี่เป็นปัญหาที่เกิดจากการแทงหวยใบเดียวของรัฐบาล โดยไม่กระจายความเสี่ยงของการจัดหาวัคซีน ที่เป็นสิ่งสำคัญต่อคุณภาพชีวิตประชาชน" นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายอนุทิน ระบุว่า หลังอภิปรายนายวิโรจน์ได้เดินมากราบอกนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า เป็นการเดินสวนกับนายอนุทิน ตามปกติในห้องน้ำ เพราะทางแคบและการเดินเฉียดกันเรียกว่ากราบแทบอกแล้วหรือ ทั้งที่คนเราไหว้ตามมารยาทคนไทย ดังนั้น นายอนุทิน อย่าเพิ่งซักเนกไทที่บอกว่าจะฉีดแอลกอฮอล์ ตัวเองอยู่กระทรวงสาธารณสุข ก็ให้เอาเนกไทนั้นไปตรวจดีเอ็นเอ และให้คุณหมอมาเอาดีเอ็นเอจากตนว่ามีขี้มือตนหรือไม่ ถ้าไม่มีนายอนุทินต้องออกมาขอโทษตนด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี