เสียงประชาชน!โพลเช็คเรตติ้ง‘ศึกซักฟอก’ จุดเด่น-ด้อย/‘ฝ่ายรัฐบาล-ค้าน’ใครเหนือกว่า.?
21 กุมภาพันธ์ 2564 “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศเฉพาะผู้ที่สนใจติดตามการอภิปราย จำนวนทั้งสิ้น 1,712 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 17- 20 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อสะท้อนความคิดเห็นกรณีการนำเสนอข่าวของสื่อต่างๆ และภาพที่เห็นจากการถ่ายทอดสดบรรยากาศของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 10 คน เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจและติดตาม ทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหลายๆด้าน สรุปผลได้ ดังนี้
1. ประชาชนติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจจากช่องทางใด
อันดับ 1 ติดตามจากโซเชียลมีเดีย 43.81%
อันดับ 2 ติดตามการถ่ายทอดสด 29.20%
อันดับ 3 ติดตามข่าวจากสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ 26.99%
2. “จุดเด่น-จุดด้อย” ของ การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ คือ
# จุดเด่น
1. ภาพรวมการซักฟอกของฝ่ายค้าน 52.64%
2. เนื้อหาที่นำมาอภิปรายเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ 51.50%
3. การเตรียมข้อมูล เอกสารต่างๆ ครบถ้วน 41.30%
4. เปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ฝ่าย ได้แสดงความคิดเห็น 38.60%
5. ประธานสภาทำหน้าที่ได้ดี 33.19%
# จุดด้อย
1. ประท้วงบ่อย ทำให้เสียเวลา 71.26%
2. ตอบข้อซักถามไม่ชัดเจน ไม่ตรงประเด็น 51.20%
3. พูดนอกเรื่อง พาดพิงบุคคลอื่น 50.62%
4. ใช้คำพูดไม่สุภาพ ไม่สำรวม ไม่ควบคุมอารมณ์ 46.98%
5. พูดจาโจมตีกันไปมา 42.40%
3. หลังการอภิปรายเสร็จสิ้นลง ประชาชนคิดว่าการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร?
อันดับ 1 เหมือนเดิม 55.40%
อันดับ 2 น่าจะแย่ลง 30.28%
อันดับ 3 น่าจะดีขึ้น 14.32%
4. ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อ “รัฐบาล” หลังจากผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วเป็นอย่างไร ?
อันดับ 1 ไม่เชื่อมั่น 43.25%
อันดับ 2 เชื่อมั่นน้อยลง 23.28%
อันดับ 3 เชื่อมั่นเหมือนเดิม 20.57%
อันดับ 4 เชื่อมั่นมากขึ้น 12.90%
5. ภาพรวมการให้คะแนนของประชาชนต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล (คะแนนเต็ม 10)
ฝ่ายค้าน 6.90 คะแนน ฝ่ายรัฐบาล 5.01 คะแนน
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ 2 ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนให้คะแนนฝ่ายค้านมากกว่าฝ่ายรัฐบาล เพราะเห็นว่าภาพรวมทำงานได้ดี มีเนื้อหาน่าสนใจ เตรียมข้อมูลเชิงลึกมาอภิปรายให้เห็นภาพ โดยมองว่าหลังจบอภิปรายครั้งนี้สถานการณ์การเมืองไทยก็น่าจะยังเหมือนเดิม และที่สำคัญประชาชนนั้นรู้สึก “ไม่เชื่อมั่น” ต่อรัฐบาล ถึงแม้ในสภา 10 รัฐมนตรีจะได้รับการไว้วางใจก็ตาม
ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดังนภสร ณ ป้อมเพชร หลักสูตรรัฐศาสตร์ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ มาตรการหรือเครื่องมืออย่างหนึ่งในการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ การตัดสินใจ รวมไปถึงความโปร่งใสของรัฐบาล ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของฝ่ายนิติบัญญัติในการคานอำนาจ ของรัฐบาล และยังเป็นการขับเคลื่อนกลไกทางการเมืองให้เป็นไปตามแนวทางในระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ ความสำคัญของการอภิปรายไม่ไว้วางใจมีมากกว่าการมองเพียง “ผลโหวต” เนื่องจาก ผลนั้นอาจเกิดจากวิถีทางการเมือง เช่น การที่รัฐบาลมีฐานเสียงมากกว่า ฝ่ายค้านมีหลักฐานไม่เพียงพอ หรือด้วยเหตุอื่นใดก็ตาม
“หากแต่ “การอภิปรายไม่ไว้วางใจ” มีความสำคัญในการที่จะสามารถเป็นต้นแบบของวัฒนธรรมการเมืองที่ดี นั่นคือการทำหน้าที่ในการใช้อำนาจของประชาชนในการอภิปรายและชี้แจงด้วยวุฒิภาวะของผู้นำทางการเมือง การนำประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง มาอภิปราย การใช้หลักฐานข้อมูลที่ถูกต้องเชื่อถือได้ การเชื่อมต่อการตรวจสอบกับภาคประชาชน เหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะก่อให้เกิดกลไกในการสร้างความเป็นประชาธิปไตยให้แก่สังคมไทยอย่างแท้จริง” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดังนภสร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี