“ฝ่ายค้าน” ตั้งกรรมการกฎหมาย ร่วมพิจารณาฟ้องร้องรัฐมนตรีถูกอภิปรายไปองค์กรอิสระ ยันโดนตรวจสอบกันถ้วนหน้าทั้งด้านกฎหมาย-การเมือง ระบุเตรียมส่งหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญพรุ่งนี้ ขอให้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายให้ความเห็นเพิ่มเติมกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่พรรคเพื่อไทย แกนนำ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงภายหลังการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า จากการอภิปรายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เราได้พิจารณาเรื่องความล้มเหลวของรัฐบาล และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่าเป็นอย่างไรบ้าง ในจำนวนรัฐมนตรีหลายคนอยู่ในข่ายที่เราพิจารณาส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขณะนี้เราจะตั้งคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายขึ้นมาหนึ่งคณะ ซึ่งเป็นนักกฎหมายจากพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค เพื่อพิจารณาความผิดของรัฐมนตรีแต่ละบุคคลว่าจะยื่นในลักษณะใด หลังพิจารณาแล้วคงต้องพึ่งทาง ป.ป.ช. โดยเราพิจารณา 2 กรณี คือ 1.ความผิดทางอาญา และ2.ความผิดทางจริยธรรม ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีการประชุมรัฐสภาวันที่ 24–25 ก.พ.นี้ พรรคฝ่ายค้านพร้อมดำเนินการตามสิ่งที่ได้แปรญัตติไว้ ส่วนแนวทางอื่นๆ คงต้องปรึกษากันว่าจะร่วมลงมติกันอย่างไร
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แต่ละพรรคมีเจ้าภาพหลักในการอภิปรายรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ดังนั้นจะแบ่งกันรับผิดชอบการยื่นเรื่องรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงที่ตัวเองอภิปรายไปยังองค์กรอิสระ ในส่วนของพรรคเพื่อไทยมี 3 คน ที่จะถูกยื่นร้องแน่นอน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะจบแค่นี้ เราไม่ได้มีมาตรการเพียงเท่านี้ เพราะรัฐมนตรีบางท่านอาจไม่ถูกยื่นไปยังองค์กรอิสระ แต่จะมีมาตรการทางการเมืองในการดำเนินการกับรัฐมนตรีทั้ง 10 คน ซึ่งทุกคนต้องได้รับการตรวจสอบ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลจะติดตามเอาข้อเท็จจริงมาตีแผ่ให้ประชาชนได้ทราบต่อ และจะลงพื้นที่เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนได้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วง 2–3 เดือนนี้
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ระบุเพิ่มเติมว่าคนเป็นรัฐมนตรีหรือเป็น ส.ส.ต้องมีจริยธรรมตามประมวลจริยธรรมที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ หาก ป.ป.ช. พิจารณาว่ารัฐมนตรีท่านใดที่ถูกอภิปรายแล้วส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ้าศาลรับไว้พิจารณารัฐมนตรีท่านนั้นต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที เพราะที่ผ่านมารัฐมนตรีในรัฐบาลก่อนๆ แม้จะได้รับการยกมือให้ผ่านไว้วางใจในสภา แต่เมื่อส่งเรื่องไป ป.ป.ช.ก็ติดคุกติดตะราง และออกจากตำแหน่งมากันแล้วหลายคน
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานด้านกฎหมาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านได้รับทราบความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่ามีประเด็นสำคัญอะไรบ้าง โดยที่ประชุมตั้งข้อสังเกตว่าการที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา โดยรัฐสภามีมตินำเรื่องส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา และศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณา และจะมีการพิจารณาในวันที่ 4 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ เราตั้งข้อสังเกตว่า 1.การที่ศาลจะรับฟังความเห็นผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มเติม 4–5 ท่าน เช่น นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และนายอุดม รัฐอมฤต กรรมการฯ เป็นต้น บุคคลต่างๆ เหล่านี้มีส่วนในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทั้งสิ้น ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านจึงมีมติมอบหมายให้คณะทำงานยกร่างหนังสือส่งไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ให้ฟังความเห็นผู้ทรงวุฒิด้านกฎหมายมหาชนให้กว้างขวางกว่านี้ เพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณาอย่างรอบคอบมากขึ้น โดยจะยื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ (23 ก.พ.)
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่สามารถแก้ไขทั้งฉบับได้ ฝ่ายค้านจะมีแนวทางแก้รัฐธรรมนูญอย่างไร นายชูศักดิ์ กล่าวว่า มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องอนาคต แต่ที่ฝ่ายค้านคุยกันเราเชื่อว่าศาลไม่น่าจะมีคำวินิจฉัยไปในแนวทางนั้น
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญอยากให้ช่วยจับตา 3 ประเด็น ที่สำคัญมากต่อประเทศ คือ 1.ในร่างนี้ท้ายที่สุดสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่จะมีการตั้งขึ้นในอนาคตจะมีหมวด 1 และหมวด 2 ที่ไม่สามารถไปแก้ไขปรับปรุงได้ แต่หากดูข้อเรียกร้องจากการชุมนุมของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนเขาก็เรียกร้องประเด็นนี้ ดังนั้น อาจนำไปสู่การสร้างชนวนความขัดแย้งใหม่ เพราะไม่ได้เป็นทางออกแท้จริง 2.ระหว่างที่มี ส.ส.ร.จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ปกติเราจะแก้รัฐธรรมนูญบางประเด็นระหว่างนี้ได้ แต่ปัญหาคือร่างของ กมธ.เสียงข้างมาก กำหนดว่าหากจะแก้ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ซึ่งโอกาสในทางปฏิบัติเป็นไปยากมากที่จะสามารถแก้ไขได้
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ดังนั้น โอกาสที่จะเห็นฉันทามติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อเกิดปัญหาวิกฤติเรื่องรัฐธรรมนูญขึ้นในอนาคตสภาจะฝ่าวิกฤติไปยากมาก และ 3.กรณีที่ส.ส.ร.ร่างเสร็จแล้ว และต้องนำไปลงประชามติ หากร่างที่ออกมาประชาชนไม่เห็นด้วยต้องขีดเส้นใต้ว่าได้หมายความว่าประชาชนจะอยากทนอยู่กับรัฐธรรมนูญ 2560 แต่อาจหมายถึง ส.ส.ร. ต้องไปร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ดีกว่าเดิม ดังนั้น จึงเป็นการบีบให้เราอยู่กับรัฐธรรมนูญ 2560 ไปตลอดกาล สุดท้ายการแก้รัฐธรรมนูญใหม่ในอนาคตอาจต้องใช้วิธีการรัฐประหารเท่านั้น การแก้ไขจึงต้องระมัดระวังมาก สะดุดไม่ได้เลย ถ้าสะดุดอาจจะให้ใบอนุญาตกองทัพในการทำรัฐประหารต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าอำนาจการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน ไม่จำเป็นต้องให้องค์กรอื่นพิจารณาแทน
ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวว่า แม้แต่คนร่างรัฐธรรมนูญอย่างนายมีชัย ยังบอกว่ารัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขได้ เราจึงไม่อยากให้อำนาจของรัฐสภาที่มีอำนาจในการแก้ไขถูกยกไปให้หน่วยงานอื่นตีความ ส่วนที่ฝ่ายค้านมองว่าการแก่รัฐธรรมนูญต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ซึ่งเป็นเรื่องยาก ดังนั้น เมื่อถึงการโหวตวาระ 3 คงต้องขอชั่งน้ำหนักดูก่อนว่าจะโหวตอย่างไร
เมื่อถามถึงกรณีงูเห่าของแต่ละพรรคในการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีมาตรการอย่างไร นายสมพงษ์ กล่าวว่า เราพิจารณาดูแล้วว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. เพราะไม่มีกฎหมายกำหนด ซึ่งถือเป็นเรื่องภายในแต่ละพรรคต้องไปดำเนินการ
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อชาติ ออกมายอมรับว่าปล่อยให้ ส.ส.ของพรรคฟรีโหวตได้กรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ จะผิดมารยาทของพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า วันนี้เราไม่ได้มีการคุยกันในเรื่องนี้เลย และวันนี้พรรคเพื่อชาติก็ไม่ได้มาร่วมประชุม ซึ่งในอนาคตคงมีการคุยกัน ทั้งนี้ ถือว่าเป็นเรื่องภายในที่แต่ละพรรคจะไปดูเรื่องจริยธรรมของพรรคตัวเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี