นายกฯห่วงปมขัดแย้งในรัฐบาล ยืนยันพรรคร่วมฯเหนียวแน่น โยนหน.พรรคร่วมฯเคลียร์ควันหลงซักฟอก “บิ๊กป้อม” ไม่รู้จะลงโทษ 7 สส.พปชร.ถึงขั้นไหน ไล่ไปเคลียร์กก.บห.รับหลังโควิดซาจะนัดกินข้าวกับหน.พรรคร่วม รบ.ด้าน“อนุทิน”ยังติดใจ 7 สส.โหวตสวน รอดูบทลงโทษหลังตั้งกก.สอบ ลั่นขอตัดสินที่การกระทำ เผยคุย“บิ๊กป้อม”รับปาก“เดี๋ยวพี่จัดการเอง” ขณะที่“ชวน”ชี้สส.โหวตสวนมติพรรค เป็นเรื่องภายใน แต่มีสิทธิ์ตามรธน.“สุชาติ”เตือนอย่ารีบเช็คบิลอาจขัด รธน.โทษถึงขั้นยุบพรรค
เมื่อวันที่ 23กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงกรณีนายกฯและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะนัดพรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยหรือรับประทานอาหารหรือไม่ หลังเกิดปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาลว่า ตนไม่ขอตอบตรงนี้ เพราะเป็นเรื่องของพรรคการเมือง หัวหน้าพรรคแต่ละพรรคต้องไปว่ากัน
เมื่อถามว่าห่วงปัญหาขัดแย้งภายในพรรคร่วมฯจะบานปลายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า”ผมห่วงปัญหาความขัดแย้งในรัฐบาลในครม.ของผมเท่านั้น เรื่องอื่นเป็นเรื่องของพรรคที่ต้องว่ากันไป แต่ผมยืนยันทุกพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลร่วมมือกับผมดีอยู่ ทั้งพรรคใหญ่พรรคเล็ก ผมขอบคุณทุกคนที่เข้าใจ”
ฉุนสื่อถามถึง’ทักษิณ’เล่นคลับเฮาส์
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯออกมาพูดผ่านแอปพลิเคชั่น Clubhouseว่า“ผมไม่ได้ฟัง ต้องไปถามเขาดู คนผิดกฎหมาย อยู่ต่างประเทศ ฉันจะฟังทำไมเล่าชอบฟังนักนะ คนผิดกฎหมายทำลายกฎหมาย ให้เครดิตกันอยู่ได้”ส่วนกระแสนิยมในแอปพลิเคชั่น Clubhouse ในขณะนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องโลกใบใหม่ โลกยุคใหม่ แต่ตนเองไม่มีเวลาขนาดนั้น แต่ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามความเคลื่อนไหวตามกฎหมาย เพื่อชี้แจงให้ถูกต้องกรณีมีการบิดเบือนข้อมูล
บิ๊กป้อมไม่รู้ลงโทษ7ส.ส.ถึงขั้นไหน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงที่พปชร.มีมติตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง 7 ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ที่โหวตสวนมติพรรคที่มี นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคฯเป็นประธานจะใช้เวลาในการตรวจสอบ15วันว่า ให้รอคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ส่วนจะลงโทษถึงขั้นไหน ยังไม่รู้
เมินคุยดาวฤกษ์ไล่เคลียร์ กก.บห.
ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้ง หลังการประชุมครม.ถึงกรณีกระแสข่าวนัดรับประทานอาหารกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อหารือปัญหาส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ในพรรค พปชร.ที่งดออกเสียงในการโหวตให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยว่าขณะนี้ยังติดโควิด-19 อยู่ รอให้สถานการณ์คลี่คลาย อาจจะนัดร่วมรับประทานอาหารกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามถึงกรณีส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์อ้างว่าพยายามติดต่อพล.อ.ประวิตรแล้วแต่ไม่รับโทรศัพท์ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าทำไมต้องติดต่อมาที่ผม เรื่องนี้มีกรรมการบริหารพรรครับผิดชอบอยู่แล้ว ส่วนโทษของผู้ที่แหกมติพรรคก็ให้รอคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาโทษ
ย้ำพปชร.ไม่ส่งชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.
ส่วนที่ที่ทำการเก่าของพรรคพลังประชารัฐ ติดป้ายรูป พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมสโลแกนลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.)เป็นการแสดงว่าพรรคสนับสนุน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ให้ไปถาม พล.ต.อ.จักรทิพย์เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน ที่ทำการพรรคเก่าก็ไม่เกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐแล้วเมื่อถามอีกว่าจะไม่ส่งใครลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ในนามพรรคใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว เพียงแต่ส่ายหน้า
‘อนุทิน’รับยังคาใจ7สส.ดาวฤกษ์
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุขในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.)ให้สัมภาษณ์กรณี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)มีมติตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี 7 ส.ส.พรรคโหวตส่วนมติพรรคถือเป็นที่พอใจของพรรคภท.หรือไม่ว่า เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ของพรรคเขาแสดงท่าทีออกมาแล้ว จึงต้องรอผลการตรวจสอบว่าออกมาเป็นเช่นไรแต่ไม่ใช่ไป ตั้งหน้าตั้งตารอ เรื่องนั้นเพราะเราต้องทำงาน เมื่อถามว่าเมื่อมีท่าทีออกมาเช่นนี้พรรค ภท.หายติดใจหรือไม่นายอนุทินตอบว่า“ยังๆต้องมีการกระทำก่อน”เมื่อถามย้ำว่าการกระทำที่ว่าต้องมีลักษณะเช่นใด นายอนุทินตอบว่าไม่ทราบ เพราะเราไม่ได้เป็นคนทำ
เผยบิ๊กป้อมรับ”เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
เมื่อถามว่าได้พูดคุยประเด็นนี้กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.แล้วหรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า”ก็มีการพูดคุยกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้มันไม่ควรเป็นแบบนี้ ส่วนการจัดการจะเป็นอย่างไร พล.อ.ประวิตรก็บอกว่าเดี๋ยวพี่จัดการเอง ซึ่งเราก็ต้องเคารพตรงนั้น”
เมื่อถามย้ำว่าสมมติเกิดกรณีส.ส.ของพรรคภท.โหวตสวนมติในเรื่องสำคัญเช่นนี้ พรรคภท.จะดำเนินการอย่างไรนายอนุทิน กล่าวว่ามันไม่เกิดและไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค เพราะพรรคของตน ต้องไปด้วยกันและจะต้องมีการพูดคุยกันก่อนที่จะลงมติใดๆ ใครไม่พอใจก็ว่ากันไปตรงนั้น แต่ต้องเคารพมติพรรคซึ่งมันมีวิธีหลายอย่างแม้ ส.ส.จะมีเอกสิทธิ์ แต่ด้วยมารยาทของการร่วมรัฐบาล หากใครไม่พอใจก็ต้องพูดคุยกันสุดท้ายก็ต้องเคารพมติพรรคและโหวตตามพรรคก่อนแต่สามารถไปแถลงจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยในภายหลังได้ แต่ต้องดำเนินการตามมติพรรคก่อน ซึ่งถือว่าเป็นสปิริต
เมื่อถามถึงกรณีนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ ของพรรคงดออกเสียงตอนเลือกนายกฯพรรคมีมาตรการลงโทษหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า“โอ้โหไปถามเขาซิ แต่อย่าลืมตอนนั้นต่างคนต่างไม่รู้จักกันต่างคนต่างมาเป็นครั้งแรกของทุกคน ผมก็ยังไม่รู้จักท่านนายกฯเลย อย่าเอาจุดนี้มาเทียบเป็นคนละเรื่อง”
‘ชวน’ชี้สส.แหกมติ/มีสิทธิ์ตามรธน.
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองเตรียมลงโทษ ส.ส.ที่ลงมติารอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วแหกมติพรรคว่า ระหว่างการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ กับระเบียบของพรรค ก็ต้องว่ากันไป ตามเอกสิทธิ์ส.ส.เขามีตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้วแต่ระเบียบของพรรคก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรคการเมือง ส่วนกรณีที่มีบางพรรคมากดดันอีกพรรคถือว่าเข้าข่ายคนนอกครอบงำพรรคหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า เป็นเรื่องภายในแต่ละพรรคการเมือง เพราะแต่ละพรรคก็มีมติของตัวเอง แต่กฎหมายกลางคือรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสิทธิของสมาชิกที่จะให้ความเห็นในการลงมติ กฎหมายคุ้มครองอยู่แล้วซึ่งการลงโทษในพรรค ก็พิจารณาเองได้ตามระเบียบของพรรคเขา
‘สุชาติ’เตือนอย่ารีบฟันแหกมติ
ด้านนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1กล่าวถึงกรณีส.ส.ลงมติในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลไม่เป็นไปตามมติพรรคและแต่ละพรรคมีการตั้งกรรมการสอบสวนว่า การดำเนินการของพรรคการเมืองเพื่อสอบสวน ส.ส.ที่ไม่ลงมติตามมติพรรคนั้นสามารถกระทำได้ภายใต้ข้อบังคับของพรรคนั้นๆเพื่อแสวงหาเหตุผลที่ ส.ส.ไม่ปฏิบัติตามมติพรรคและนำไปชี้แจงต่อประชาชนรวมทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบ ในกรณีฝ่ายรัฐบาลอาจจะเป็นเพราะรัฐมนตรีผู้นั้น ชี้แจงข้อกล่าวหาได้ไม่ชัดเจน ก็เป็นรัฐมนตรีหรือพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ต้องดำเนินการชี้แจงเพิ่มเติม ขณะที่ส.ส.ฝ่ายค้านอาจมองรัฐมนตรีชี้แจงได้ชัดเจนดีแล้วจึงลงมติไว้วางใจให้เป็นต้น
ชี้อาจขัดรธน.ถึงขั้นยุบพรรคได้
ส่วนการจะสอบสวนเพื่อนำไปสู่การลงโทษซึ่งข้อบังคับของแต่ละพรรคกำหนดโทษสูงสุดถึงขั้นขับออกจากพรรคนั้น ควรต้องพึงระวังว่าอาจจะขัดต่อพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เข้าข่ายการกระทำที่ไม่เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดหรือเป็นลักษณะที่ยินยอมให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกควบคุม ครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองหรือไม่ ยกตัวอย่างหากใช้เหตุผลว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่พอใจ แล้วมาสอบสวน หรือลงโทษ ส.ส.ที่สังกัดพรรคตัวเอง อาจเข้าข่ายคนนอกครอบงำ เป็นเหตุให้นำไปสู่การร้องขอให้ยุบพรรคการเมืองนั้นได้
“ในฐานะที่อยู่ในระบบพรรคการเมืองมาตลอดและเข้าใจดีถึงความสำคัญของความเป็นเอกภาพของพรรคการเมือง และยืนยันว่าไม่ได้ต้องการให้ท้ายหรือสนับสนุนให้ส.ส.แหกมติพรรค แต่ต้องไม่ลืมว่ามติพรรค ไม่ได้มีสภาพบังคับตามกฎหมาย เป็นเพียงธรรมเนียมปฏิบัติเพื่อรักษาความเป็นเอกภาพของพรรค
แต่เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดไว้เช่นนี้พรรคต้นสังกัด ก็ย่อมต้องให้เกียรติวิจารณญาณของส.ส.ด้วย แม้ ส.ส.จะต้องสังกัดพรรคการเมือง และอยู่ภายใต้ข้อบังคับของพรรคการเมือง แต่ไม่มีกฎหมายใดจะอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ ที่ให้อิสระไว้ได้ อีกทั้ง การยึดติดให้ ส.ส.ต้องปฏิบัติตามมติพรรคอย่างเคร่งครัดก็อาจนำไปสู่ระบบใบสั่ง ทำให้ ส.ส.ไม่มีเสรีภาพในการออกเสียง อย่างเป็นอิสระ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ อาจเป็นเหตุให้นำไปสู่การร้องขอให้ยุบพรรคการเมืองนั้นได้”นายสุชาติ ย้ำ
พร้อมระบุอีกว่า การลงมติไว้วางใจ หรือไม่ไว้วางใจฯ ของ ส.ส.เป็นวิจารณญาณของผู้นั้น ที่จะตัดสินใจได้โดยอิสระ แต่ในทางกลับกันหากการลงมติของ ส.ส.ผู้นั้น ไม่เป็นไปตามมติพรรค เพียงเพื่อแลกรับผลประโยชน์ต่างตอบแทนใดๆ หรือมีวาระส่วนตัวซ่อนเร้น ก็เป็นเรื่องที่ควรต้องถูกประณามและลงโทษในแง่จริยธรรมเช่นกัน หากชี้แจงไม่ได้หรือมีหลักฐานชัดเจน
ฝ่ายค้านจ่อยื่น4รมต.ให้ปปช.เชือด
ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(ประธานวิปฝ่ายค้าน)แถลงผลการประชุมวิปฝ่ายค้านว่า ที่ประชุมได้ประเมินผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทุกคนพอใจการอภิปรายที่หลายประเด็นที่พูดไปช่วยให้สังคมเห็นถึงความไม่ชอบมาพากล ผิดกฎหมาย ผิดจริยธรรม ฝ่ายค้านจะติดตามเรื่องเหล่านี้ต่อจนถึงที่สุดทั้งมาตรการกฎหมายและมาตรการทางจริยธรรม ขณะนี้อยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการพิจารณาว่าจะยื่นดำเนินการถอดถอนรัฐมนตรีคนใดต่อ ป.ป.ช.บ้าง คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์ จะรู้ผลเป็นทางการจะมีใครบ้างถูกยื่นถอดถอนต่อ ป.ป.ช ซึ่งข้อหาหลักๆที่จะยื่นต่อป.ป.ช.คือการทุจริตและการทำผิดจริยธรรม เช่นการแต่งตั้งพวกพ้องของตัวเองมารับตำแหน่งต่างๆ
“แต่รายชื่อที่มีอยู่ในใจคือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการและนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย แต่อาจมีเพิ่มเติมอีกหลายคน และจะพิจารณาว่ารัฐมนตรีที่อยู่นอกเหนือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เช่น รมว.อุตสาหกรรม จะสามารถยื่นถอดถอนได้หรือไม่ กำลังพิจารณาอยู่ “นายสุทิน ย้ำ
จุรินทร์ไม่หวั่นถูกฝ่ายค้านยื่นปปช.
ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องถุงมือยางไปยัง ป.ป.ช.ว่าตนไม่มีอะไรเป็นห่วงเพราะได้มอบหมายให้ ผอ.อคส.คนใหม่ ยื่นเรื่องต่อดีเอสไอ,ปปง.และโดยเฉพาะได้ยื่นต่อ ป.ป.ช.ไปก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน2563 หลังตนทราบเรื่องไม่ถึง10 วันและเรื่องเข้าสู่การไต่สวนของป.ป.ช.แล้วโดยป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนและได้มีการอายัดเงิน 2,000ล้านบาทแล้ว เรื่องนี้ตนเข้ามาทำหน้าที่ในฐานะ”ผู้ปราบโกง”ไม่ใช่เข้าไปสมคบกับใครทำทุจริตแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ลั่นจะปราบทุจริตไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น
นายจุรินทร์ ยังระบุขอยืนยันอีกครั้งว่า จะจัดการผู้เกี่ยวข้องในทางมิชอบกับทุกคนไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ทั้งทางวินัย แพ่งและอาญา เพื่อเอาคนผิดเข้าคุกและให้คนผิดชดใช้ค่าเสียหายให้กับ อคส.ต่อไป ขณะนี้รับทราบความคืบหน้าจากผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ว่าได้เร่งรัดคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของ อคส.ให้เร่งสอบสวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็วหลังจากนั้นถ้าพบผู้กระทำผิดกี่คน ก็จะเร่งตั้งกรรมการลงโทษทางวินัยและตั้งกรรมการชี้ความรับผิดทางละเมิดคือระบุความเสียหายที่ผู้กระทำผิดต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับอคส.เป็นรายบุคคล ซึ่งตนได้พูดชัดเจนในสภาแล้วว่าต้องเร่งดำเนินการโดยเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี