เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นกรณีพรรคการเมืองจะลงโทษ ส.ส.ที่แหกมติพรรคในการโวหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลที่ผ่านมา ในหัวข้อเรื่อง"หลักอิสระอาณัติของผู้แทนปวงชน" โดยมีเนื้อหาระบุว่า
ก่อนจะลงโทษอะไร #ให้อ่านมาตรา 114 ก่อนครับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.นั้นมีสถานะตามรัฐธรรมนูญเป็น #ผู้แทนปวงชนชาวไทย โดยรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 114 ได้รับรองและคุ้มครองสถานะและการทำหน้าที่ของ “ผู้แทนปวงชน” ของ ส.ส. เอาไว้ดังนี้คือ
“มาตรา 114 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงําใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์”
ดังนั้น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 114 นี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส. ไม่ว่าจะสังกัดพรรคใด #ไม่ว่าจะเป็นพรรครัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน ประโยชน์ของปวงชนจะต้อง #มาก่อนประโยชน์ของพรรคการเมืองที่สังกัดเสมอ แม้จะสังกัดพรรครัฐบาล แต่ถ้าเห็นว่ารัฐมนตรีชี้แจงข้อกล่าวหาที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ไม่กระจ่าง “ผู้แทนปวงชน” ก็ควรสามารถที่จะตัดสินใจได้ด้วยตนเองโดยเอาประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนเป็นที่ตั้งว่า ควรจะไว้วางใจรัฐมนตรีคนนั้นหรือไม่
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าหลัก Free Mandate หรือ #หลักอิสระอาณัติของผู้แทนปวงชน ซึ่งมีอยู่ในทุกประเทศที่ประชาธิปไตยประสบความสำเร็จ เพราะหลักนี้ทำให้ #หลักการแบ่งแยกอำนาจ และ #การตรวจสอบถ่วงดุล ระหว่างฝ่ายสภาและฝ่ายรัฐบาลเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่ #เผด็จการโดยพรรคการเมือง ที่ทำให้รัฐบาลสามารถใช้ส่ิงที่เรียกว่า “มติพรรค” ไปครอบงำผู้แทนปวงชนได้อย่างสิ้นเชิง จน “สภาผู้แทนราษฏร” แทบจะไปถ่วงดุลอะไรรัฐบาลไม่ได้เลย เนื่องจากมีเพียงฝ่ายค้านซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลที่ยกมืออย่างไรก็แพ้
ประเทศบางประเทศที่เคยมีบทเรียนกับเผด็จการโดยพรรคการเมือง เช่น ประเทศเยอรมนี ที่เคยมีพรรคนาซีที่ครอบงำ ส.ส. ได้หมด จนทำให้บ้านเมืองถึงกับหายนะมาแล้ว จึงถือเป็นหลักเลยว่า มติของพรรคการเมืองที่ให้ ส.ส.ยกมือในสภาอย่างไรนั้นถึงกับเป็นโมฆะเลยทีเดียว
ประเทศไทยไม่ถึงขนาดประเทศเยอรมัน มติพรรคมีได้ แต่ตามมาตรา 114 จะมาครอบงำหรือผูกมัดผู้แทนปวงชนไม่ได้ แล้วถ้าหาก ส.ส. คนใดทำหน้าที่อย่าง “ซื่อสัตย์สุจริต” ในฐานะผู้แทนปวงชน แล้วโดนพรรคการเมืองเล่นงานขึ้นมา ก็สามารถอ้างมาตรา 114 มาคุ้มครองตนเองได้ โดนพรรคการเมืองไม่อาจจะลงโทษในทางที่จะกระทบต่อการทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนได้
เว้นเสียแต่ว่าการลงมติเช่นนั้นของ ส.ส. คนนั้น เป็นเรื่องการแลกรับผลประโยชน์ ถ้าแบบนั้นนอกจากมาตรา 114 จะไม่คุ้มครอง ก็ยังถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ด้วย
“ผู้แทนปวงชน” แตกต่างจาก “งูเห่า” ตรงนี้ ผู้แทนปวงชนตัดสินใจโดยเอาประโยชน์ปวงชนเป็นที่ตั้งอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีผลประโยชน์ส่วนตนประการใดมาเกี่ยวข้องด้วย ผมเห็นว่าเราควรให้เกียรติและคุ้มครอง ส.ส.ที่ทำหน้าที่ผู้ปวงชน ส่วน ส.ส. ที่เป็น “งูเห่า” ก็ควรต้องลงโทษ #หากว่ามีหลักฐานอันพึงเชื่อได้ว่ามีการยกมือแลกรับผลประโยชน์เกิดขึ้นจริง
ลำพังเพียงแค่ลงมติแตกต่างจากมติพรรคจะไปลงโทษอะไรไม่ได้ แล้วถ้าจะพูดถึง “มารยาททางการเมือง” การงดออกเสียงก็ถือว่าเป็นมารยาททางการเมืองแล้วครับ
เพราะดังที่กล่าวไปแล้วว่า ส.ส. เป็น “ผู้แทนปวงชน” ไม่ใช่ผู้แทนพรรคการเมือง ส.ส. คำนึงถึงประโยชน์ของพรรคการเมืองได้ แต่ต้องมาทีหลังประโยชน์ของปวงชนครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี