‘ธีรัจชัย’ปูดกลางสภาส.ว.ต่อรอง-ขู่จะคว่ำแก้รัฐธรรมนูญวาระสาม หากไม่ทำตาม ด้าน’สมชาย’ลุกสวนมโนไปเอง
25 ก.พ.64 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการประชุมรัฐสภาซึ่งพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ....วาระสอง ได้ผ่านร่างมาตราว่าด้วยขั้นตอนการพิจารณาและจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) ได้ปรับแก้เนื้อหาให้ ส.ส.ร. มีอำนาจแต่งตั้ง ส.ส.ร.ให้ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการ ทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ และกำหนดให้ตั้งบุคคลที่ไม่ได้เป็นส.ส.ร. เป็นกรรมาธิการอื่นได้ โดยมีเงื่อนไขให้คำนึงถึงความรู้ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ โดยเสียงข้างมาก 565 เสียง เห็นด้วยกับกรรมาธิการต่อ 1 เสียง งดออกเสียง 20 เสียง
จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณามาตราว่าด้วยหลังจากการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ให้นำเสนอต่อรัฐสภา เพื่ออภิปรายแสดงความเห็น โดยไม่ลงมติ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และเมื่อพิจารณาเสร็จแล้วให้ส่งร่างรัฐธรรมนูญไปยัง กกต.เพื่อให้ออกเสียงประชามติภายใน 7 วัน
โดยมีประเด็นถกเถียง ต่อการให้อำนาจรัฐสภา ลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบก่อนออกเสียงประชามติ ซึ่ง ส.ว.ต้องการให้รัฐสภาลงมติก่อนนำไปทำประชามติ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุล ซึ่งนายสมชาย แสวงการ ส.ว. อภิปราย ว่า กรณีที่ไม่ให้รัฐสภาเห็นชอบ ถือไม่เป็นประชาธิปไตยที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งการยกร่างรัฐธรรมนูญ ภายใต้เวลา 240 วัน หรือ 8 เดือน มีความเร่งรีบ และไม่มีกรอบ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบถ่วงดุล ก่อนการนำไปทำประชามติ
ขณะที่ผู้เห็นแย้ง เป็นฝั่ง ส.ส. ของพรรคก้าวไกล ที่เห็นควรให้ยืนตามกรรมาธิการ ทั้งนี้ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า อำนาจประชามติ อยู่เหนือรัฐสภา เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิสถาปนารัฐธรรมนูญ ทำไมต้องขัดขวาง อย่างไรก็ตามรัฐสภาปัจจุบันไม่ได้มาจากประชาชน 100% เพราะจำนวนหนึ่งมาจากการแต่งตั้งโดยคณะะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และมีแนวโน้มขัดขวาง เมื่อสักครู่มีพฤติกรรมต่อรอง หากไม่ทำตามกับฝ่ายที่แต่งตั้ง คสช.จะคว่ำวาระสาม โดย 84 เสียงคน จะไม่ลงมตินั่นคือ การกรรโชก
ทั้งนี้ นายสมชาย ประท้วงประเด็นดังกล่าว และขอให้ถอนคำว่ากรรโชก ทำให้นายธีรัจชัย กล่าวขึ้นว่า ในการพักการประชุมมีการส่งสัญญาณมายังวิป และตนไม่ได้เอ่ยชื่อบุคคลใด หากไม่มีเรื่องดังกล่าวจริงขอให้ยืนยัน ทำให้นายสมชาย โต้ตอบว่า “ไม่ยืนยัน เพราะท่านมโนไปเอง” ก่อนที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา วินิจฉัยให้ถอน
จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติ ผลปรากฎว่าเสียงข้างมาก 379 เสียงเห็นด้วยกับกมธ.ต่อ 193 เสียง และงดออกเสียง 19 เสียง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี