แต่งดำวางพวงหรีด ผูกโบว์ หน้าศาล ตร.ประกาศให้ยุติกิจกรรม แม้ผูกโบว์ที่รั้วก็ถือว่าละเมิดอำนาจศาล ขณะที่แกนนำแนวมร่วมธรรมศาสตร์ฯยอมรับบอบช้ำเสียศูนย์หลังแกนนำติดคุก พร้อมอ่านแถลงการณ์"รุ้ง"เขียนไว้ก่อนถูกขัง ปลุกมวลชนเดินหน้าต่อ โดยยึดแนวทางสันติ ยังหวังจะได้ออกมาสู้อีกครั้ง
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 9 มีนาคม ที่หน้าศาลอาญา ถ.รัชดา ได้มีกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม มาร่วมชุมนุม กัน โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊ก นัดรวมพลจัดกิจกรรมแต่งชุดดำ วางพวงหรีดไว้อาลัยต่อความอยุติธรรม หลังศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรได้แก่ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง,นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ,นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน จากคดีการชุมนุมเมื่อวันที่ 19-20 กันยายน ปี 2563 และนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ กับพวกรวม 4 คน จากคดีอั้งยี่ ที่ตำรวจจับได้พร้อมหนังสติ๊กและลูกเหล็กจำนวนมาก ก่อนส่งตัวทั้งหมดฝากขังเรือนจำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับศาลอาญา มีการวางกำลังตำรวจอารักขาควบคุมฝูงชนไว้ 1 กองร้อย เพื่อ ดูแลความเรียบร้อยภายในศาล รวมถึงมีรถน้ำแรงดันสูง 1 คัน รถควบคุมผู้ต้องหาขนาดใหญ่ 2 คัน จอดพักคอยไว้หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน ส่วนด้านหน้าถนนรัชดา มีกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ประจำการณ์ตลอดเส้นทาง
ต่อมาเวลา 16.10 น.เจ้าหน้าที่ปิดประตูรั้วพร้อมคล้องโซ่ล็อกกุญแจไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป ก่อนจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมนำพวงหรีดและดอกไม้ขาวมาวางหน้าประตู และใช้ริบบิ้นโบว์สีขาวผูก บริเวณรั้ว ศาล พร้อมระบุว่า กิจกรรมครั้งนี้ เป็นการไว้อาลัยให้ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นจากการที่นำเพื่อนพวกเราไปฝากขังทั้งที่ยังไม่มีการตัดสินว่ามีความผิดหรือไม่ อีกทั้งการวางดอกไม้ เหตุใดต้องนำตำรวจ คฝ.และรถน้ำมาแบบนี้
ขณะที่ พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.พหลโยธิน อ่านประกาศข้อกำหนดของศาลอาญา โดยห้ามไม่ให้ผู้ใดปีนรั้ว ใช้คำพูดหรือกริยาก่อเกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือยุยงส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวายบริเวณโดยรอบศาล แม้แต่การผูกริบบอ้นที่รั้ว ถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล อีกทั้งการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ขอให้หยุดการกระทำ แต่ทางผู้ชุมนุมก็ยังทำกิจกรรมต่อไปไม่ได้สนใจประกาศของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต่อมาได้มีการแจกกระดาษขาว เพื่อให้ผู้ชุมนุมเขียนระบายความรู้สึกต่างๆ และนำไปแปะที่รั้วศาล ทั้งนี้ แกนนำผู้ชุมนุมประกาศว่า กิจกรรมครั้งนี้จะไม่มีการปราศรัย เป็นเพียงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น
ด้าน น.ส.เบนจา อะปัญ ตัวแทนแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กล่าวยอมรับว่า กรณีแกนนำทยอยเข้าคุกทำให้เราบอบช้ำพอสมควร แต่ก็จะพยายามนำเพื่อนเราออกจากคุกให้ได้ เราจะเคลื่อนไหวต่อไป ไม่ว่าจะมีแกนนำหรือไม่ก็ตาม ซึ่งระยะเวลาในการคุมขังนี้ อาจจะใช้เวลา 1-2 ปี ทั้งที่เขายังบริสุทธิ์ ถือว่าไม่ยุติธรรมเลย ก่อนหน้านี้เราอยู่ด้วยกัน เจอกันทุกวัน ทั้งนี้ ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเราเสียศูนย์ แต่ก็จะเคลื่อนไหวต่อไป
นอกจากนี้ น.ส.เบนจา กลา่วว่า สำหรับคดีของตนนั้น มีอยู่ 4 คดี ซึ่งอัยการนัดฟังคำสั่งคดีชุมนุมสถานทูตเยอรมนี ในข้อหาม.112 วันที่ 25 มี.ค.นี้ ตนอาจจะถูกขังในเดือนนี้ แต่ยืนยันว่าจะไม่ลี้ภัย พร้อมขอให้ทุกคนยึดมั่นอุดมการณ์ อย่าเพิ่งท้อถึงม็อบจะแผ่ว แต่ตราบใดที่เราสู้ต่อ รัฐก็ยังไม่ชนะ
ต่อมาเวลา 18.00 น.กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้อ่านแถลงการณ์ที่น.ส.ปนัสยา บันทึกไว้ก่อนถูกขัง และจบกิจกรรมด้วยการจุดเทียนสีขาว ยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 112 นาที เพือไว้อาลัยต่อกระบวนการยุติธรรม
โดยน.ส.เบนจา อะปัญ ตัวแทนแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กล่าวว่า ถึงเพื่อนพ่อแม่พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุกคน หากทุกท่านได้รับสาสน์นี้ รุ้งคงไม่ได้อยู่ที่นี้แล้ว รุ้งและเพื่อนๆ อีกหลายคน คงเข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้ว ด้วยกระบวนการอันแสนอยุติธรรมของประเทศ ที่ปิดปากผู้เห็นต่าง ถูกผลักไสเป็นศัตรูโดยรัฐ คุกคามปราบปรามจับกุมคุมขัง ด้วยเหตุที่เราหวังจะมีสิทธิเสรีภาพที่ดีกว่า แม้รุ่งจะไม่อยู่ การต่อสู้เราต้องเดินต่อ เป้าหมายข้อเรียกร้องได้แก่ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และองคาพายพต้องลาออก 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับประชาชนอย่างแท้จริง และ 3.ปฏิรูปสถาบันให้อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
น.ส.เบนจา กล่าวอีกว่า รุ้งอยากให้ทุกคนสานต่อความฝันว่าวันหนึ่ง เราจะมีรัฐสวัสดิการที่ดี ไม่เห็นคนอดอยาก และไม่มีใครสูงส่งกว่าใคร มีสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยที่เท่าเทียม สิ่งที่มากกว่าการต่อสู้ คือการเดินทางอันยาวไกลของพวกเรา แต่การจะเดินถึงเป้าหมายนั้นได้ ต้องพึ่งวินัยกับความเป็นเอกภาพ อย่าเป็นเครื่องมือของรัฐ ที่จะสลายการชุมนุมพวกเราด้วยความรุนแรงอย่างที่ผ่านมา เราต้องสู้ด้วยความอดทนอดกลั้น เราจำเป็นต้องต่อสู้ด้วยสันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง หรือเริ่มทำก่อน ไม่เช่นนั้น รัฐจะใช้โอกาสทำร้ายเราแน่ ขอให้เราออกมาถึงหลักล้าน แม้วันใดที่มืดมิดที่สุด เราจะออกมาส่องแสงให้ประเทศนี้อีกครั้ง รุ้งจะรอวันที่ออกมาสู้กับทุกคนอีกครั้ง
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมกันจุดเทียนและร้องเพลง “บทเพลงสามัญชน”ของวงสามัญชน ก่อนยุติการชุมนุม
ขณะเดียวกันในเย็นวันเดียวกันนี้ มีการนัดหมายชุมนุมทำกิจกรรมอีกหลายจุด อาทิ ที่ หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯตั้งแต่เวลา 16.00 น. กลุ่มคนรุ่นใหม่นนทบุรีจัดกิจกรรมไว้อาลัยกระบวนการยุติธรรม มีการวางพวงหรีดและผลัดเปลี่ยนกันปราศรัย โดยมีการวางถังน้ำมัน 200 ลิตร และลวดหนามหีบเพลงปิดตูทางเข้าเรือนจำด้วย นอกจากนี้ยังมีม็อบดาวกระจาย BTS MRT ARL ทุกสถานี และที่พุทธมณฑลสาย 4 นครปฐมอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี