"วิษณุ"เผยวาระ 1,2 ไม่แท้ง ชี้ช่องสภาฯ เดินหน้าโหวตวาระ 3 แนะ"งดออกเสียง-ลงมติคว่ำ"เป็นวิธีที่ดีที่สุด ไม่ต้องค้างคา ปัญหาจะได้จบ
เมื่อเวลา 09.45 น.วันที่ 12 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ รัฐสภาสามารถเดินหน้าโหวตวาระ 3 ต่อไปได้หรือไม่ ว่า คดีนี้เนื่องจากไม่มีคู่ความศาลจึงไม่ได้อ่านคำพิพากษา มีแต่คำสรุปเผยแพร่ออกมาไม่กี่บรรทัด อ่านดูแล้วยังไม่เข้าใจ แต่เขาได้ส่งคำวินิจฉัยฉบับเต็มไปที่ประธานรัฐสภา ซึ่งคาดว่าส่งถึงแล้วและทางสภาฯ คงได้วิเคราะห์กันแล้ว
"เอาโดยสรุปผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของสภาฯ ซึ่งสภาฯ จะทำอย่างไรก็แล้วแต่ โดยวาระหนึ่ง วาระสอง ไม่ได้มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่วาระสามจะลงมติได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งประธานสภาได้บรรจุวาระนี้เข้าไปในที่ประชุมรัฐสภา วันที่ 17 มี.ค.เวลา 09.30 น.ไว้แล้ว ก็คงจะมีการว่ากันในสภา ถ้าสภาเห็นว่าไม่ควรจะโหวตก็ไม่โหวต ก็เลิกไปเฉยๆ เพราะมีปัญหาข้อกฎหมายอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าสภาเห็นว่าไม่เป็นอะไรโหวตไป สุดท้ายถ้าให้ทำประชามติก่อนเดี๋ยวคิดกันก็สามารถทำอย่างนั้นได้ แต่ความเสี่ยงก็จะมี เพราะคำวินิจฉัยออกมาอย่างนี้ แล้วก็มีอีกฝ่ายที่ไม่ค่อยจะเห็นด้วยในการโหวตวาระสามอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นซีกของ ส.ว.และ ส.ส.ก็อาจมีความเป็นไปได้เมื่อโหวตวาระสาม หนึ่งอาจจะไม่มีคนมาประชุม สองมาแต่งดออกเสียง เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี หรือสามลงมติไม่เห็นชอบ หรือคว่ำเสียให้มันตกไปให้จบเรื่อง แล้วค่อยไปเริ่มต้นกันใหม่ โดยจะเริ่มที่ลงประชามติก่อนเพื่อแก้ทั้งฉบับตามที่ศาลรัฐธรรมนูญแนะนำ หรือจะแก้เป็นรายมาตราก็เป็นเรื่องที่ไปคิดอ่านกัน ซึ่งทั้งหมดนี้คือความเห็นของผม"
เมื่อถามว่า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ววาระสามสามารถโหวตได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะตนยังไม่เห็นคำวินิจฉัย แต่มันคงไม่มีอะไรผิดพลาดที่จะโหวต แต่ถ้าโหวตแล้วก็อาจจะไม่ผ่าน ซึ่งถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดให้เรื่องมันจบลงดีกว่าค้างคาไว้
เมื่อถามว่า การทำประชามติควรเริ่มในช่วงเวลาใด นายวิษณุ กล่าวว่า ช่วงไหนก็ได้แต่ต้องเข็นให้กฎหมายประชามติผ่านเสียก่อน เมื่อออกมาแล้วก็คิดกันต่อไป ถ้าจะลงประชามติก่อนก็ลงได้ เมื่อถามว่า การทำประชามติจะเร็วสุดได้เมื่อใด นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะต้องเข้าวาระสองก่อน ยังไม่รู้คณะกรรมาธิการเขาจะแก้อย่างไร มันมีหลายสำบัดสำนวน กรรมาธิการข้างน้อยเอาอย่าง กรรมาธิการข้างมากเอาอย่าง และรัฐสภาต้องเป็นคนโหวต และสมมติว่าผ่านวาระสามไปแล้วหลังมีการโปรดเกล้ากฎหมายมีผลบังคับใช้ได้ทันที กฎหมายประชามติเป็นแค่เครื่องมือในการออกเสียงประชามติ โดยผู้ทำประชามติคือรัฐบาล ส่วนการตั้งคำถามก็คงต้องคิดด้วยกัน ถือเป็นคำถามของรัฐบาล เมื่อถามว่า หากรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการแก้ทั้งฉบับ ก็ไม่สามารถทำได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการโหวตคว่ำการทำประชามติ หรือแก้รายมาตรา อันไหนจะมีแนวทางมากกว่ากัน นายวิษณุ กล่าวว่า กระแสในสภาเขาอยากให้มีการทำรายมาตราอยู่แล้ว ซึ่งไม่ยาก เพราะการทำรายมาตรานั้นเร็ว เดือนครึ่งก็เสร็จแล้ว เพียงแต่คิดให้ตรงกันเสียก่อนว่า คำว่าหลายมาตรานั้นหมายถึงมาตราไหน ตรงนี้นี่แหล่ะจะพูดกันยาว ซึ่งถ้ามีความเห็นร่วมกันได้ก็จบ ในทางที่ดีคือรายมาตราที่ไม่ต้องลงประชามติมันง่าย เดือนเดียวก็เสร็จ
เมื่อถามว่า นายวิษณุ เคยยกตัวอย่าง 4 - 5 ประเด็น ที่ต้องทำประชามตินั้นมีอะไรบ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า ประเด็นเหล่านี้เขียนอยู่ในมาตรา 256 อยู่แล้ว คือ 1.วิธีแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งตอนนี้มีวิธีแก้อยู่ 2 แบบแล้ว คือ วิธีแก้ธรรมดากับไปร่างใหม่ ถ้าร่างใหม่ก็ต้องไปทำประชามติก่อนและหลัง ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเมื่อวันที่ 11 มี.ค.แต่ถ้าเป็นการแก้ธรรมดา ก็ต้องดู 1.วิธีแก้รัฐธรรมนูญจะต้องไปออกเสียงประชามติ 2.ในส่วนที่เกี่ยวกับคุณสมบัติอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระ 3.ในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องของหมวดพระมหากษัตริย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ชัดเจนว่าไม่มีอะไรต้องตีความ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลในเรื่องของกรอบเวลาหรือไม่ หากต้องไปร่างใหม่ที่ต้องใช้เวลา 24 - 26 เดือน ซึ่งอาจจะไม่ทันสภาชุดนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ไม่จำเป็นต้องยาวขนาดนั้น ทุกอย่างใช้คำว่าภายใน ดังนั้นหนึ่งเดือนก็ภายใน สองเดือนก็ภายใน แต่ความหมายคือไม่เกิน 280 วัน แล้วจะไปรอให้จบที่ 280 วันทำไม ซึ่งในไทม์ไลน์นี้ก็สามารถยืดหยุ่นได้ อยู่ที่ว่าแก้อะไรและเห็นพ้องต้องกันหรือไม่ ถ้าทำได้เร็วมันก็เร็ว ข้อสำคัญ เมื่อเกิด ส.ส.ร.ขึ้นแล้วสภาจะยุบหรือไม่ หรือจะตั้งใหม่หรือไม่นั้นไม่เกี่ยวกัน ทุกอย่างเดินหน้าของมันไปเรื่อย เพราะสภาชุดใหม่ก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้เลย ส.ส.ร.เป็นอีกหนึ่งสภาที่แยกออกมาต่างหากจากรัฐสภา
นายวิษณุ กล่าวว่า เพราะฉะนั้นคำตอบโดยสรุป ง่ายๆ คืออยู่ที่สภา ว่าจะต้องคิดอย่างไรถ้าสภาคิดว่าอย่างนั้นไม่รู้จะไปโหวตทำไมก็จบ และถ้าเป็นอย่างนี้ในวันที่ 17 มีนาคม เวลา 09.30 น.ก็ให้คุยกันเสียก่อน แต่ถ้าสภาบอกว่าให้ลงมติ แล้วค่อยไปคิดกันต่อว่าจะทำอย่างไร ก็ลงไป แต่มีโอกาสที่สมาชิกสภาจะงดออกเสียงเป็นไปได้สูง สูงมากด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงแม้ว่าสภาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เช่น อาจจะยุบสภา เรื่องที่ค้างอยู่นี้ยังคงเดินหน้าต่อไปใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใช่ครับ ไม่สะดุด
เมื่อถามย้ำว่า อย่างนี้วาระ 1 วาระ 2 ที่ทำมานั้นไม่แท้งใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า "วาระ 1 กับวาระ 2 ไม่แท้ง แต่วาระ 3 นี่ แล้วแต่ว่าจะตัดสินใจให้แท้งหรือเปล่า ซึ่งจะตัดสินใจว่า เลิกไปมันก็ได้ หรือจะดันเข้าสภาต่อก็ได้ แต่ทีนี้จะยุ่งหน่อย เพราะตอนที่เขาแก้กันเมื่อวันก่อนเขาแก้กันแม้กระทั่งคำว่า 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 4 ซึ่งตรงนี้ไม่เกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเขาคิดจะแก้ในเรื่องอื่นอยู่แล้ว ตนจึงได้บอกว่า ถ้าอย่างนั้นอาจจะเดินหน้าต่อไปก็ได้ แต่มีบางมาตราที่พ่วงเข้าไปและทำให้เกิดปัญหา เช่น มาตรา 5 ซึ่งถ้าสภาลงมติในวาระ 3 ตกไป คือ ได้คะแนนเสียงไม่ถึง ก็ดูว่าน่าจะจบลงด้วยดี แต่อาจจะไม่ถูกใจบางคน แต่มันจะไม่เป็นปัญหา แต่หากสภาลงมติวาระ 3 ผ่าน ถ้าจะเดินต่อ มันก็จะเดินต่อยากแล้ว และรับรองเลยว่าจะมีคนเลี้ยวเข้าไปยื่นที่ศาลรัฐธรรมนูญอีกหนแน่ ซึ่งนอกจากมาตรา 5 แล้ว ยังมีมาตราอื่นอีกหลายมาตรา ซึ่งทุกมาตราที่ผูกกับ ส.ส.ร.นั้น จะมีปัญหาหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าวาระ 3 นี้ ควรจะโหวตให้ตกไปเลยใช่หรือไม่ ถ้าอยากให้จบ นายวิษณุ กล่าวว่า "ก็งดออกเสียงไง"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี