ส.ว.เอาอีกดอก! ขวาง"กม.ประชามติ" จ่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ชี้ขัด"ม.166" เพิ่มอำนาจนิติบัญญัติเหนือฝ่ายบริหาร รับยากผ่านวาระ 3
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมรัฐสภามีมติให้แก้ไขเนื้อหามาตรา 9 ร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ว่า เนื้อหามาตรา 9 ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ที่ที่ประชุมรัฐสภามีมติให้แก้ไขเนื้อหา โดยเพิ่มอำนาจรัฐสภาและภาคประชาชนสามารถส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) จัดทำประชามติได้ จากเดิมให้เป็นดุลยพินิจของ ครม.ฝ่ายเดียวนั้น อาจขัดกับมาตรา 166 ของรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการเพิ่มอำนาจให้ฝ่ายนิติบัญญัติมีอำนาจเหนือฝ่ายบริหาร ยิ่งถ้าให้ต้องทำประชามติทุกเรื่องตามที่ภาคประชาชนเข้าชื่อเสนอมา ก็อาจยิ่งมีปัญหา ถ้าต้องทำประชามติในทุกเรื่อง ก็ยิ่งไปกันใหญ่ กำลังรอดูว่า ผลการแก้ไขเนื้อหามาตรา 9 ของ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติ จะไปกระทบกับเนื้อหามาตราอื่นๆ เช่น มาตรา 10 - 11 และมาตราอื่นๆ ถ้าแก้แล้วมีเนื้อหาไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็อาจไม่ต้องยื่นตีความ แต่ถ้าแก้แล้วมีเนื้อหาไปขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็จำเป็นต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ดูแนวโน้มแล้วคิดว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า หากแก้ไขเนื้อหามาตรา 9 แล้ว ยังเห็นว่า ขัดรัฐธรรมนูญ ส.ว.จะโหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.ประชามติ วาระ 3 ใช่หรือไม่ นายสมชาย ตอบว่า ยังมั่นใจว่าร่าง พ.ร.บ.ประชามติ จะผ่านวาระ 3 แต่ถ้าไม่ผ่านก็สามารถใช้ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ฉบับเดิม ในการทำประชามติเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญได้
ด้าน นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าจะมีสมาชิกรัฐสภายื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความบทบัญญัติที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในมาตรา 9 ของร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ที่รัฐสภามีมติให้แก้ไขเพิ่มสิทธิให้รัฐสภาและภาคประชาชนสามารถเข้าชื่อร้องขอให้จัดทำประชามติได้ เกรงว่าจะเป็นการแก้ไขเกินกรอบรัฐธรรมนูญ และหลักการร่างกฎหมายที่กำหนดไว้ หากรัฐสภาเห็นชอบให้บัญญัติเนื้อหาดังกล่าว อาจมีผลกระทบ ในชั้นนี้ได้พิจารณารายละเอียดแล้ว เชื่อว่าจะมีผู้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ
ขณะที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.กล่าวว่า การแก้ไขมาตรา 9 ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ นั้น สมาชิกรัฐสภาบางส่วนและรัฐบาลเห็นว่า มีความขัดหลักการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจและขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 166 แม้เนื้อความในมาตรา 166 ตอนท้ายเขียนว่าให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ แต่กฎหมายที่ออกมาควรทำหน้าที่เพียงขยายความ กำหนดขั้นตอนรายละเอียดในการปฏิบัติให้ชัดเจน ไม่ควรบัญญัติหลักการเกินกรอบรัฐธรรมนูญ กรณีนี้รัฐธรรมนูญกำหนดหลักการให้ ครม.มีอำนาจพิจารณาใช้ดุลพินิจตัดสินใจการจัดทำประชามติ แต่หากเนื้อหาที่แก้ไขไปบัญญัติให้รัฐสภาหรือประชาชนเข้าชื่อกันให้ ครม.จัดการออกเสียงประชามติได้ อาจเป็นบทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญได้ ขณะนี้สำนักงานกฤษฎีกาอยู่ระหว่างปรับแก้มาตราต่อเนื่องจากมาตรา 9 ให้มีกรอบที่ไม่มัดมือ ครม.เกินไป กมธ.จะนัดพิจารณาวันที่ 1 - 2 เม.ย.นี้ เชื่อว่านอกจากจะพิจารณาเนื้อหาที่กฤษฎีกาเสนอแล้ว อาจมีข้อเสนอจาก กมธ.อาทิ ให้ชะลอการบังคับใช้มาตรา 9
"ส่วนตัวเชื่อว่าร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ผ่านวาระ 3 ยาก อาจเกิดกรณีถามหาความรับผิดชอบด้วยการยุบสภา ซึ่ง ส.ส.ไม่ต้องการ ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องมีทางออกหลายวิธี เช่น เสนอร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขมาตรา 9 เป็นต้น" นายคำนูณ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี