จากวันนี้การเมืองไทยอาจจะดูเงียบเหงาลงไปไม่น้อย หลังหนึ่งในสีสันประจำรัฐสภาอย่าง “เอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ สมาชิกสภาผุ้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ถูก ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2564 เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงกรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน
ก่อนจะมาถึงวันนี้ ส.ส. ที่พ่วงดีกรีอดีตนางงาม ถือเป็นดาวเด่นที่มีบทบาทเป็น “องค์รักษ์พิทักษ์ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกว่าพร้อม “ฟาดปาก” ตอบโต้กับทั้ง ส.ส. ด้วยกันในสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนใครก็ตามที่อยู่นอกสภาแล้ววิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งทีมงาน “แนวหน้าออนไลน์” ขอรวบรวม “ช็อตเด็ด” มานำเสนอ บอกเลยว่าแต่ละครั้ง “โหด-มันส์-ฮา” ทั้งนั้น
1.ศึก 2 สาว และ “อีช่อ” เป็นภาษาถิ่น : ย้อนไปช่วงปลายเดือน พ.ค. 2562 หรือ 2 เดือนหลังการเลือกตั้งใหญ่ ในเวลานั้น พรรคอนาคตใหม่ ยังไม่ถูกยุบและได้ที่นั่ง ส.ส. ในสภามากเป็นอันดับ 3 จู่ๆ ก็เกิดดราม่าขึ้น เมื่อ ปารีณา ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กแล้วพูดคำว่า “อีช่อ” ขึ้นมา ทำเอาชาวเน็ตสะดุ้งและตีความกันไปว่าหมายถึง “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ หรือไม่?
แต่ในเวลาต่อมา ปารีณา ได้ออกมาบอกว่า “อีช่อเป็นภาษาท้องถิ่น หมายถึงหมายถึงคนที่ไม่รักษากฎระเบียบ” งานนี้ชาวเน็ตยิ่งงงไปกันใหญ่ว่าคำคำนี้มันมีด้วยหรือ? อนึ่ง ในช่วงปี 2562 ไปจนถึงก่อนวันที่ 21 ก.พ. 2563 อันเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคพรรคอนาคตใหม่ 2 ส.ส. สาวจาก 2 พรรคการเมือง ยังมีวิวาทะกันเป็นระยะๆ และบางครั้งถึงกับขึ้นโรงขึ้นศาลฟ้องร้องกันเป็นคดีความ
2.วิวาทะ “ปารีณาvsเสรีพิศุทธ์” กับคณะกรรมาธิการที่ประชุมทีไรก็เดือดตลอด : หน้าที่ของ ส.ส. นอกจากการอภิปรายเรื่องต่างๆ ในสภาแล้ว ยังต้องรวมกันเป็นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อทำงานรับเรื่องร้องทุกข์และรวบรวมข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่างๆ เข้าสู่กลไกรัฐสภา โดยพรรคการเมืองแต่ละพรรคที่มี ส.ส. ในสภา จะส่ง ส.ส. ในสังกัดเข้าร่วมตามความสนใจของ ส.ส. แต่ละคนว่าอยากเข้าร่วม กมธ. ที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องใด
แต่สำหรับ คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ อาจจะเป็น กมธ. ชุดที่สังคมตั้งคำถามมากที่สุดแล้วว่าตกลงได้ทำงานกันบ้างหรือไม่ เพราะเมื่อมีข่าวเกี่ยวกับ กมธ. ชุดนี้ มักจะเป็นเรื่องดราม่าโต้คารมกันระหว่าง ปารีณา จากพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะสมาชิก กมธ. กับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธาน กมธ. อยู่เสมอ
อาทิ ในการประชุม กมธ. เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2562 เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ ประสาน หวังรัตนปราณี กรรมการผู้ช่วยรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงแทนกรณีการเสนอร่าง พ.ร.บ.รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวในตอนหนึ่งว่า ที่จริงนายกฯ และรองนายกฯ ควรมาชี้แจง แต่เมื่อมอบหมายและให้คนนำเอกสารที่ลงนามโดยทั้งสองคนมามอบ ตนก็ยินดีที่จะรับไว้
ในการประชุมครั้งนี้ ปารีณา ได้ประท้วง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ โดยบอกว่า “การให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มาตอบเอง เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต จริงอยู่ที่มีอำนาจ แต่การเชิญถือว่าเป็นการขอความร่วมมือ จะมาหรือไม่มาก็ได้ ไม่ใช่บังคับให้มา ถือว่าทำผิดกฎหมาย” จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ผิดกฎหมายก็รับผิดชอบ
และเมื่อ ปารีณา กล่าวย้ำอีกว่าอาจติดคุกก็ได้ ทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบด้วยความไม่พอใจว่า “คุณขู่ผมหรือ? คุณจบอะไรมา? ตอนผมมอบหมายงานคุณยังไม่รับเลย” ซึ่ง ปารีณา ก็ชี้แจงว่า สมัยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มีการมอบหมายให้บุคคลอื่นมาชี้แจง ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ ส.ส. ใหม่ไม่ทราบ ก่อนที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะพูดตัดบทเพื่อให้ตัวแทนของ พล.อ.ประวิตร ได้ชี้แจงต่อไป
หรือจะเป็นการประชุม กมธ. ในวันที่ 16 ม.ค. 2563 ที่ ปารีณา ทวงถามเรื่องการตรวจสอบการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ชี้แจงว่า ยังไม่พิจารณาเพราะเอกสารยังไม่ครบถ้วน และเมื่อ ปารีณา แย้งว่าทำเอกสารส่งมาครบแล้ว ทำให้ทั้ง 2 เกิดการโต้เถียงกันขึ้น ถึงขั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หลุดคำหยาบคายออกมา ทำให้ สิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นแย้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ว่าไม่ควรใช้ถ้อยคำแบบนั้นกับ ปารีณา ที่เป็นผู้หญิง แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็ตอบโต้ว่า เข้ามาประชุมดีแต่เพื่อจะมาป่วน ก่อนจะปิดการประชุมไป
3.รับไม่ได้ถ้าไม่เรียกลุงตู่ว่า “พลเอก” งานนี้ต่อให้เป็นประธานสภาก็พร้อมท้าชน : เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2563 ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล มี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ หลายคน ลุกขึ้นประท้วงกรณี ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส. จังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ไม่เรียกนายกรัฐมนตรีว่า พล.อ.ประยุทธ์ แต่เรียกว่าคุณประยุทธ์ ซึ่ง ชวน หลีกภัย ที่กำลังทำหน้าที่ประธานสภา วินิจฉัยให้ใช้คำว่าคุณประยุทธ์ได้ เพราะไม่ใช่คำไม่สุภาพ
แต่เรื่องก็ยังไม่จบเมื่อ ปารีณา ลุกขึ้นประท้วง และเป็นกาประท้วงการทำหน้าที่ของ ชวน ในฐานะประธานสภาโดยตรง โดย ปารีณา ตั้งคำถามว่า “ถ้าเรียกว่าคุณชวน หลีกภัย ท่านประธานจะวินิจฉัยอย่างไร?” และนั่นทำให้ ส.ส.สาวสวยฝีปากกล้าผู้นี้ ได้รู้ฤทธิ์ของนักการเมืองระดับตำนาน เจ้าของฉายา “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” เมื่อประธานชวน ตอบกลับแบบนิ่มๆ ว่า “ถ้าไม่เรียกไอ้..ก็ใช้ได้นะครับ” พร้อมกับย้ำอีกครั้งว่า คำว่าคุณประยุทธ์ไม่ใช่คำหยาบ ก่อนที่จะปล่อยให้การอภิปรายดำเนินต่อไป
4.ไม้เบื่อไม้เมา..จากอนาคตใหม่สู่ก้าวไกล : แม้พรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบไป แต่ ส.ส. ที่ไม่ใช่กรรมการบริหารพรรคไม่ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง จึงไปรวมตัวกันใหม่ในนาม พรรคก้าวไกล ดังนั้นแม้จะไม่มี ช่อ-พรรณิการ์ อยู่ในสภาแล้วเพราะเป็นหนึ่งใน กก.บห.อนาคตใหม่ที่ถูกตัดสิทธิไป แต่วิวาทะระหว่าง ปารีณา กับ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่ยังเหลืออยู่ในฐานะ ส.ส.พรรคก้าวไกล ยังคงดำเนินต่อไป
อาทิ ในวันที่ 9 ก.ย. 2563 ปารีณา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พาดพิงถึง “เจี๊ยบ นครปฐม” อมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กรณีการอภิปรายโดยไม่ลงมติ แต่ อมรรัตน์ เข้าใจว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำให้โดน ส.ส. คนอื่นๆ ประท้วงว่าอภิปรายนอกญัตติ แต่ที่เป็นเรื่องเป็นราวเพราะ ปารีณา ใช้คำว่า “โชว์โง่” ในโพสต์ดังกล่าว ก่อนจะตบท้ายด้วยการฝากให้พรรคก้าวไกลช่วยอบรม ส.ส. ในสังกัดด้วย
หรืออีกครั้งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2564 กรณีที่ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายข้อบกพร่องของรัฐบาลในแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ทำให้ 2 ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ อย่าง “สิระ-ปารีณา” ประท้วง โดย ปารีณา กล่าวเสริมและย้ำคำพูดที่ สิระ พาดพิงถึง วิโรจน์ ว่า “พ่อแม่ไม่สั่งสอน” ทำให้ประธานชวน หลีกภัย ต้องสั่งให้ ส.ส. ทั้ง 2 ถอนคำพูดดังกล่าว
5.ที่นี่ไม่ใช่เวทีม็อบ..และที่นี่ก็ไม่ใช่เล้าไก่ : วิวาทะข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นกับ ส.ส. ร่วมสภา แต่เป็นกรณีวันที่ 3 ธ.ค. 2563 เมื่อ คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เชิญ 2 แกนนำ ม็อบราษฎร คือ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ กับ “ไมค์ ระยอง” ภาณุพงศ์ จาดนอก เข้าชี้แจงปมตำรวจอายัดตัวทั้ง 2 เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2563 ทั้งที่ในเวลานั้นศาลอาญาไม่อนุญาตให้ฝากขังต่อแล้ว
ช่วงหนึ่งที่ เพนกวิน-พริษฐ์ กำลังตอบข้อซักถาม ได้ชี้มือไปที่ ปารีณา ทำให้ ปารีณา พูดขึ้นว่า “อย่าชี้หน้า..ที่นี่ไม่ใช่ม็อบ” และเพนกวินก็สวนไปทันควัน “ที่นี่ก็ไม่ใช่เล้าไก่” ซึ่ง ปารีณา ก็ยังตอบโต้อีกว่า “เคยเลี้ยงไก่..แต่ไม่ชอบเลี้ยงหมู” และเมื่อ ปารีณา ถาม 2 แกนนำม็อบราษฎร ว่าเคยได้เเจ้งดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ ที่ถูกอ้างว่าใช้อำนาจในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ไมค์-ภาณุพงศ์ บอกว่าชี้แจงไปแล้ว และถามกลับว่า ปารีณา เหตุใดไม่ตั้งใจฟัง ทำให้ ปารีณา ตอบกลับว่า “ไม่ถนัดฟังเด็กเลี้ยงแกะมั้ง..ต้องขออภัยด้วย” เพนกวิน-พริษฐ์ จึงสวนขึ้นมาเรื่องเลี้ยงไก่อีกครั้ง
ทั้ง 5 เรื่องนี้เป็นเพียงบางตัวอย่างที่พอจะหามาได้ ซึ่งหากติดตามการเมืองตั้งแต่หลังเลือกตั้งปี 2562 เป็นต้นมา จะคุ้นเคยกับการที่ ปารีณา ไกรคุปต์ ตอบโต้กับทั้ง ส.ส. ไม่ว่าพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน หรือแกนนำม็อบ ทั้งในพื้นที่สภาและบนโลกออนไลน์เป็นรายวัน ทำให้เมื่อ ปารีณา โพสต์ข้อความ “ราตรีสวัสดิ์ ปารีณาพลังประชารัฐ #ปารีณาพักก่อน” ในวันที่ 24 มี.ค. 2564 หรือ 1 วันก่อนที่ศาลจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ราวกับรู้ชะตากรรมของตนเอง กระทั่งเมื่อศาลมีคำสั่งออกมาอย่างชัดเจน ก็น่าใจหายอยู่ไม่น้อยที่หนึ่งในสีสันการเมืองไทยหายไป!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี