เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2564 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “อัษฎางค์ ยมนาค” มีเนื้อหาดังนี้ “ผงเข้าตา”
และสุภาษิตโบราณมากมายที่ไม่เคยตกยุค
แต่สุภาษิตต่างๆ เหล่านั้นถูกกลั่นกรองมากจากประสบการณ์ตรงของผู้มากความรู้และประสบการณ์แล้วนำมาสร้างสรรค์เป็นสุภาษิตที่ยังคงทันสมัยไปตลอดกาล
ผมเป็นคนชอบอ่านชอบฟังชอบดู เลยอาจทำให้มีข้อมูลต่างๆ เก็บอยู่ในกระเป๋าความรู้ ผสมกับเป็นคนชอบคิด คิดเรื่อยเปื่อยบ้าง จริงจังบ้าง ถึงแม้ว่าความรู้และความคิดที่มียังไม่ถึงขั้นเป็นผู้รู้ แต่ก็สามารถเก็บมาเป็นความรู้รอบตัว
และก็มีโอกาสได้ถ่ายทอดความรู้ที่มี หรือความคิดที่ถูกกลั่นกรองแล้วกับผู้คนรอบข้างอยู่บ้าง
มีหลายครั้งที่เจอคนรอบข้างประสบปัญหาชีวิต หน้าตาหม่นหมอง แล้วเราก็ถ่ายทอดบางสิ่งบางอย่าง บางเรื่องราวให้กับเขาหรือเธอ
แล้วเมื่อเวลาก็ผ่านไปเนิ่นนาน จนตัวเราเองลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยพูดอะไรกับใคร
พอมีโอกาสกลับมาเจอกันอีกครั้ง คนที่เราเคยเห็นเขาอยู่ในภาวะเศร้าหมอง ท้อแท้ กลับมามีชีวิตชีวา
แล้วเขาหรือเธอพูดว่า ผมหรือหนูยังจำคำที่พี่สอนได้อยู่เลย มันช่วยชีวิต และยังเก็บไว้เตือนสติตัวเองอยู่ตลอดมา
ซึ่งความจริงตัวเราเองลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกไป แต่ก็แอบภูมิใจว่ามันพอจะช่วยทำให้เขาเห็นทางออก
เมื่อหลายสิบปีก่อนพ่อเคยพูดแซวกับผมว่า สอนคนนู้นคนนี้แล้วอย่าลืมสอนตัวเองด้วย พ่อเจอมาเยอะแล้วคนที่ชอบสอนคนอื่น แต่ถึงเวลาผงเข้าตาตัวเองมักจะทำอะไรไม่ได้
แล้วในที่สุดผมก็เจอเหตุการณ์แบบ ผงเข้าตาจริงๆ ซึ่งมันมีอาการเหมือนกับเวลาที่ไฟดับ และเราจะมองไม่เห็นทางออก
สุภาษิตโบราณอีกมากมายหลายคำ ที่เราได้ยินได้ฟังผ่านหู เราท่องได้ว่าคำนั้นๆ พูดว่าอะไร แต่เราจะมาเข้าใจชัดเจนกับสุภาษิตนั้นในวันที่เราเจอกับมันจริงๆ เพราะมันเป็นตามนั้นจริงๆ
............................................................................
หลายสิบปีก่อนที่ รสช.ทำรัฐประหาร ก่อนที่หวยจะมาออกที่คุณอานันท์ ปันยารชุน ตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีหลายคน หนึ่งในนั้นคือคุณอํานวย วีรวรรณ
คุณอานนันท์ มีประสบการณ์เป็นอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสหประชาชาติ เป็นอดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และ และเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชน โดยเป็นประธานกรรมการบริษัทสหยูเนี่ยน
ส่วนคุณอำนวยเคยเป็นปลัดกระทรวงการคลังคนแรกที่สำเร็จการศึกษาปริญญาเอก ด้วยอายุเพียง 43 ปี และเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชน โดยเป็นประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพ
ดูจากคุณวุฒิและประสบการณ์ทำงานแทบไม่มีใครด้อยกว่าใคร ผ่านการเป็นข้าราชการและงานเอกชนระดับผู้บริหารสูงสุดทั้ง 2 ฝั่ง
แต่คุณอำนวยปฏิเสธตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ รสช เสนอ ในขณะที่คุณอานันท์รับข้อเสนอ
ในที่สุดคุณอานันท์เป็นนายกฯ แล้วต่อมาคุณอำนวยก็ก้าวเข้าสู่การเมืองจนได้ และได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นรองนายกรัฐมนตรี และเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง
วันหนึ่งคุณอํานวย วีรวรรณมาออกทีวีให้คุณสุทธิชัย หยุนสัมภาษณ์ สิ่งที่คุณอํานวย วีรวรรณพูดในวันนั้นผมยังจำได้ถึงทุกวันนี้
คุณอํานวย วีรวรรณพูดว่า สมัยก่อนผมอยู่ข้างล่าง ผมก็วิจารณ์การทำงานของนายกฯ หรือรัฐมนตรีและรัฐบาล เหมือนพวกคุณ ว่าทำไมไม่ทำแบบนั้นแบบนี้
แต่เมื่อผมมาอยู่ข้างบน มานั่งทำงานในรัฐบาล ผมถึงรู้ว่า ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่คนอื่นไม่เห็น และมันขวางทางให้ผมทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ
สมัยนั้นผมยังเด็กและอ่อนประสบการณ์กว่าปัจจุบันมาก แต่คำพูดเพียงสั้นๆ นั้นยังทำให้ผมเองเข้าใจและเห็นภาพทะลุปรุโปร่งเลย
มันเหมือนกับการที่เรานั่งอยู่ขอบเวทีดูการแข่งขันชกมวย หรืออยู่ขอบทีวีดูการแข่งขันฟุตบอล ที่เราทั้งเชียร์ทั้งด่า ว่าทำไมไม่ทำแบบนั้นแบบนี้
ทั้งที่ความจริงเราไม่ได้เก่งกว่าผู้เล่นในสนาม เราไม่ได้มีความรู้มากว่ารัฐมนตรีในรัฐบาล หรือข้าราชการในกระทรวง แต่เพราะเราอยู่นอกสนามเราถึงเห็นภาพทั้งหมด
ในขณะที่ผู้เล่นหรือนักการเมือง นักบริหาร อาจเจอสถานการณ์ ผงเข้าตา หรืออยู่ในมุมอับที่มองไม่เห็นภาพในบางมุม
อาการ ผงเข้าตา คือ ไม่ใช่เราหรือเขาไม่มีความรู้ หรือไม่มีประสบการณ์ในการแก้ปัญหานั้นๆ แต่เพราะปัญหานั้น ที่อาจเป็นเพียงผงชิ้นเล็กๆนิดเดียว แต่มันดันเข้าตา จึงทำให้เหมือนกับไฟดับ มืดสนิทไปเลย
สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันก็อาจเป็นเช่นเดียวกัน บ่อยครั้งเราอึดอัดรำคาญใจมากว่า นายกฯ หรือรัฐมนตรี หรือรัฐบาล ทำไมไม่ทำอะไรอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมเหมือนไม่ทำงานอะไรเลย
บ่อยครั้งพวกเราก็บ่นว่าลุงตู่ รมต.ดอน รมต.บี และอีกหลายคนว่า เหมือนไม่ทำงานหรือจัดการกับปัญหานั้นๆ เลย
แต่ไม่ใช่ว่าเขา ไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่ได้ทำงานหนัก แต่คนที่คลุกวงในอาจมีอาการผงเข้าตา ที่เราไม่เจอกับตัวเอง เราไม่มีวันรู้ว่า ปัญหาที่แท้จริงมันคืออะไร
ยกตัวอย่างแต่เรื่องเดียว คือปัญหาผู้อพยพหนีภัยการเมืองจากพม่า ถ้ารัฐบาลรับผู้อพยพรับรองว่ามีคนด่า แต่พอรัฐบาลไม่รับ ก็มีคนด่าเหมือนกัน มันคือปัญหาที่ไม่ว่าตัดสินใจทำอะไรก็โดนด่าอยู่ดี
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงผงจะเข้าตา แต่ถ้าคนๆ นั้นมีสติสัมปชัญญะดี มีประสบการณ์ที่ดี ก็จะสามารถตั้งตัวและปรับตัวได้ไว รวมทั้งหาทางออกและแก้ไขปัญหาได้ดี
เพราะฉะนั้นหน้าที่ของกองเชียร์ก็คือ การ Push ให้ผู้เล่น เล่นได้อย่างใจผู้ชมอยู่ดี
ขึ้นต้นเหมือนจะเชียร์ และเข้าใจ แต่ลงท้ายเราก็ยังคงต้อง push ท่านให้ทำงานให้เข้าเป้าอยู่ดี
อัษฎางค์ ยมนาค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี