เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2564 นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 และอดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างปรองดองแห่งชาติ เปิดเผยถึงการจัดงาน “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” ที่ “อนุสรณ์พฤษภาประชาธรรรม” ในวันที่ 4 เมษายนนี้ ร่วมกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.(แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ) นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)และกลุ่มผู้รักประชาธิปไตย เป็นกิจกรรมที่สะท้อนความสามัคคีของคนในชาติเพื่อหาทางออกให้กับประเทศที่กำลังเดินไปสู่ทางตันและส่อจะเกิดกลียุคสงครามกลางเมืองเพียงเพราะการกระหายอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายอดุลย์ กล่าวว่า เวทีสามัคคีประชาชนจะเชิญประชาชนจากทุกภาคส่วนของสังคม ไม่เลือกข้าง ไม่แบ่งฝ่าย แบ่งสี มาชำแหละความผิดพลาดล้มเหลวของพล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่การตระบัดสัตย์ไม่ปฏิรูปประเทศตามที่ให้สัญญาประชาคมเมื่อครั้งยึดอำนาจปี2557 ไม่สร้างความสามัคคีปรองดองตามคำมั่นสัญญากับแกนนำกลุ่มการเมืองทั้งเสื้อเหลือง-เสื้อแดง แล้วสร้างความแตกแยกทางสังคมอย่างร้าวลึก ปล่อยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนใหญ่ทำให้เจ้าสัวร่ำรวย แต่ประชาชนต้องใช้สินค้าอุปโภคบริโภคที่แพงขึ้นจึงเกิดความเหลื่อมล้ำยิ่งกว่าเดิม กระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน อภิสิทธิ์ชนยังอยู่เหนือกฎหมาย ขณะที่คนจนเข้าไม่ถึงความยุติธรรม ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญวางแผนสืบทอดอำนาจอีกสมัย ที่สำคัญพล.อ.ประยุทธ์ อ้างสถาบันพระมหากษัตริย์สร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบันโดยที่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถปกป้องสถาบันได้ เป็นต้น
“เวทีสามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย ใครก็สามารถมาร่วมกันได้ หากมีความเห็นตรงกันว่าพล.อ.ประยุทธ์คือตัวปัญหา เหมือนกับช่วงพฤษภาคม2535 ที่นักศึกษาและประชาชนทุกฝ่ายเห็นว่ารสช.คือตัวปัญหาจึงออกมาขับไล่จนสำเร็จ ดังนั้นงานนี้จะต้องสลายเสื้อสี อะไรที่เคยบาดหมางใจให้ละไว้เลิกทะเลาะกันชั่วคราว มาสามัคคีเพื่อประเทศไทยไล่พล.อ.ประยุทธ์ให้สำเร็จก่อน และไม่จำเป็นต้องเดินลงท้องถนน เพราะหากทุกฝ่ายมาแสดงพลังร่วมกันจำนวนมากให้เป็นเจตจำนงของสังคมก็สามารถกดดันองคาพยพของรัฐบาลให้สั่นคลอนล้มลงได้ แล้วจัดให้มีรัฐบาลใหม่ที่สามารถสร้างความสามัคคีคนในชาติและปกป้องสถาบันได้ดีกว่าพล.อ.ประยุทธ์ “นายอดุลย์ กล่าว
ดังนั้นการออกมาปฏิบัติการ IO ของคนในรัฐบาลเพื่อด้อยค่าหรือพยายามสร้างความเกลียดชังให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชนควรหยุดเสีย และกลับไปเก็บหาทางลงจากอำนาจเพื่อไม่ให้ประเทศชาติต้องบอบช้ำไปมากกว่านี้
นายอดุลย์ กล่าวว่า การสร้างวาทกรรมสู้แล้วรวย การปรามาสจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมว่าจะมีไม่มาก ของคนฝั่งรัฐบาลนั้น สะท้อนให้เห็นความเขลาทางปัญญาและความล้าหลัง เพราะวันนี้มวลชนก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว พวกตนรู้ดีว่า กิจกรรมไล่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จบแค่ครั้งสองครั้ง แต่จะเป็นการสะสมเงื่อนไขพลังประชาชนเชิงคุณภาพ และวันหนึ่งจะมีประชาชนเรือนล้านลงถนนไล่พล.อ.ประยุทธ์ แน่นอนหากยังพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาระบอบประยุทธ์
นายอดุลย์ กล่าวว่า แกนนำที่ร่วมจัดกิจกรรม “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” มีที่มาที่และความคิดหลากหลาย ไม่มีสีเสื้อ พวกเราสามัคคีทุกสี มีเป้าหมายเดียวคือ ล้มระบอบประยุทธ์
“แกนนำ คือ คนที่อยู่หน้าแนวรบ มีมวลชนประชาชนที่มีความเห็นสอดคล้องกันเป็นกำแพงหนุน ทุกคนล้วนผ่านการต่อสู้บนท้องถนนมานับครั้งไม่ถ้วน ในยามที่การเมืองในระบบไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน แต่เป็นเพียงเกราะกำบังอำนาจและผลประโยชน์ของนายทุน ขุนศึก ศักดินา ก็ย่อมเป็นสิทธิโดยธรรมชาติที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของประชาชนที่จะออกมาขับไล่ผู้นำนั้น ซึ่งถือเป็นปรัชญาพื้นฐานของการเมืองที่ยึดถือกันปฏิบัติทั่วโลกว่า ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการลุกฮือ ต่อต้าน เป็นเรื่องระหว่างประชาชนกับเผด็จการ” นายอดุลย์ กล่าว
นายอดุลย์ กล่าวว่า ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 4 เมษายนนี้ ซึ่งตนยืนยันว่าจะเป็นไปอย่างสันติ ก่อเกิดองค์ความรู้ สร้างสรรค์ และเป็นพลังที่จะทรงพลานุภาพล้มระบอบประยุทธ์ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี