ตำรวจกางกฎหมายรอเชือด
ม็อบ4เมษายน
ไม่ขออนุญาต/ผิดพรก.ฉุกเฉิน
แนวร่วมกลุ่มจตุพรออกตัว
แค่จัดสัมมนาไม่มีการค้างคืน
อุ่นเครื่องวางแผนถล่มบิ๊กตู่
โพลล์ตามขย่มทำเพื่อส่วนตัว
ตำรวจกางตำรากฎหมายล่วงหน้า รอดำเนินคดีม็อบ 4 เมษายน ชี้ไม่มีการขออนุญาต ทั้งผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรค ในขณะที่แนวร่วม“จตุพร พรหมพันธุ์” บอกแค่โหมโรงสัมมนาที่อนุสรณ์พฤษภาประชาธรรมวางแผนถล่มนายกฯ ด้าน “วีระสมความคิด” บอกไม่รุนแรง ไม่ค้างคืน“โตโต้” เข้าคุกกาฬสินธุ์
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)บ่ายวันที่ 3 เมษายน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.)พร้อม พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนการจัดชุมนุมของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ที่นัดหมายชุมนุมในวันที่ 4 เมษายน เวลา16.00น.ในพื้นที่เขตพระนครนั้น ขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีการแจ้งขอชุมนุมกับเขตพระนคร ตามประกาศของกรุงเทพมหานคร จึงขอแจ้งเตือนว่า การกระทำของ2กลุ่มเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนด้านการจราจร ในวันดังกล่าว ขอแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทาง เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า และใช้ถนนราชดำเนิน เป็นเส้นทางเลี่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงจากพื้นที่ชุมนุมแทน
โพลชี้ม็อบ4เมษาทำเพื่อส่วนตัว
ทางด้านนายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ม็อบ 4 เมษา กับความกังวลประชาชน” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,081 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 29 มี.ค.- 2 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 96.8 ระบุว่าม็อบ 4 เมษายน ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และเพื่อแหล่งทุนจากต่างประเทศ และร้อยละ 96.5 ระบุว่าม็อบ 4 เมษายน จะสร้างความเสียหายต่อประเทศและทำลายความปกติสุขของประชาชน
โยงเอื้อคนไกลได้ประโยชน์
อีกทั้ง สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือประชาชนร้อยละ95.3ระบุว่าม็อบ 4 เมษายน เป็นม็อบต่อรองของคนต้องคดีต่างๆใช้ม็อบเป็นอาวุธ ขณะร้อยละ 93.2มองว่าม็อบ 4 เมษายนม็อบตู่ ม็อบเต้น เกี่ยวโยงกับคนแดนไกล และร้อยละ 91.9ระบุว่าม็อบดังกล่าวต้องการให้เกิดการสูญเสีย เหมือนในประเทศเมียนมาและร้อยละ 91.6 มองว่า ม็อบนี้มีขบวนการเบื้องหลัง จะล้มล้างสถาบันหลักของชาติ
จี้จัดการสส.อุ้มม็อบทำลายชาติ
นายนพดล กล่าวว่าสิ่งที่น่าพิจารณาคือประชาชนร้อยละ94.5เห็นด้วยให้สภาผู้แทนราษฎรใช้กลไกจัดการส.ส.ที่สนับสนุนม็อบ ทำความเสียหายเกิดขึ้นในบ้านเมืองกระทบความรู้สึกศรัทธา จงรักภักดีของประชาชน สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ ขณะที่ร้อยละ5.5ไม่เห็นด้วย
และประชาชนร้อยละ 95.1ระบุว่าม็อบ 4 เมษายน ทำลายโอกาสของประเทศและทำลายความหวังของประชาชนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจท่องเที่ยวช่วงที่จะมีการเปิดประเทศในเดือน ก.ค.นี้แต่ร้อยละ 4.9 มองว่าไม่ทำลาย ขณะที่ประชาชนร้อยละ 96.3 กังวลต่อม็อบว่าสร้างเงื่อนไขความรุนแรงบานปลายและการสูญเสีย แต่ร้อยละ 3.7 ไม่กังวล
ฝากข้อเสนอแนะไปถึงทั้ง3กลุ่ม
ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า มีข้อเสนอแนะต่อคน 3กลุ่ม โดยกลุ่มแรก คือรัฐบาลที่ต้องเร่งเอาผลงานจับต้องได้เห็นกันชัดๆในทุกมิติเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ออกมาเสริมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจและความเชื่อมั่นของประชาชน กลุ่มที่ สอง หน่วยงานรัฐเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ต้องเข้าถึงข้อมูลม็อบกลุ่มย่อยๆในกลุ่มใหญ่เพราะม็อบมาจากหลากหลายกลุ่มหลากหลายความต้องการ และรีบหยอดปัจจัยให้ตรงความต้องการของแต่ละกลุ่มย่อย ซึ่งจะส่งผลให้พลังของกลุ่มผู้ชุมนุมลดลงและต้องไม่ใช้ความรุนแรงแต่จะกวาดให้เรียบตามกฎหมายทุกมาตรากับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม และบอกประชาชนว่า บ้านเมืองจะอยู่ไม่ได้ ถ้าใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย
และกลุ่มที่3 กลุ่มม็อบ 4เมษายน จะประสบความสำเร็จในการระดมคนออกมาได้ ถ้าออกมาแสดงปัญญาให้เห็นว่ามีกึ๋นในการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ มากกว่าท่องคาถาแค่ว่า“ประยุทธ์ออกไป”เพราะถ้าทำได้แค่นี้ เด็กๆก็ทำกัน ทั้งนี้ปัญญาที่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้มานั้น ต้องเป็นปัญญาที่ไม่ซ้ำเติมวิกฤติชาติและความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน
เสื้อแดงอีสานไม่ร่วม‘ม็อบ4เมษา’
ที่ศูนย์ประสานงานแกนนำภาคอีสาน บ้านบ่อ ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น นางนิตยา นาโล อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน ที่คนเสื้อแดงเรียกว่า”นิตยานักสู้ปอสี่”ได้เรียกประชุมแกนนำตัวแทนอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง 20 จังหวัดในภาคอีสาน ถึงการเรียกร้องให้คนเสื้อแดงไปร่วมชุมนุมม็อบไล่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
โดยนางนิตยากล่าวว่าทุกคนได้มาร่วมรับฟังข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับการเชิญชวนคนเสื้อแดงโดยเฉพาะตอนนี้มีนักการเมืองระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ไปหลอกชาวบ้านว่าให้ไปชุมนุมที่ กทม.วันที่ 4 เม.ย.นี้โดยรัฐบาลจะลงชื่อแจกเงินเยียวยา โควิด-19ซึ่งไม่เป็นความจริง ขอให้แกนนำแต่ละจังหวัดไปชี้จงข้อเท็จจริงกับประชาชนรับทราบ โดยพวกเราพร้อมเสื้อแดง ภาคอีสานทั้ง 20จังหวัด ขอยืนยันว่าจะไม่ไปร่วมกิจกรรมชุมนุมกับคุณจตุพร พรหมพันธุ์ในวันที่ 4 เมษายน อย่างแน่นอน
เตือนอย่าไปหลงเชื่อไล่เผด็จการ
“ที่ผ่านมาพวกเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ แล้วถูกปล่อยทิ้ง จากแกนนำ นปช. มาแล้วหลายครั้ง ประชาชนคนอีสาน ถือว่าเป็นนักสู้ แต่เมื่อออกไปสู้แล้ว กลับถูกแกนนำปล่อยทิ้ง บางคนติดคุก บางครอบครัวเสียชีวิตทำให้ความเป็นอยู่ของครอบครัวนั้นบ้านแตกสาแหรกขาด ตนเป็นคนหนึ่งที่ถูกกระทำถูกดำเนินคดีต้องติดคุก เสียทั้งเงิน ไร่นาแทบไม่เหลือตอนนี้ที่มีอยู่ก็พอได้ทำกิน ส่วนมวลชนที่เหลือ ก็พลอยได้รับผลกระทบด้วยกันทุกคน ส่วนแกนนำสู้แล้วรวยนั้น มีอยู่จริง บางส่วนได้เข้าร่วมรัฐบาล ได้ตำแหน่งทางการเมืองทั้งส.ส.และรัฐมนตรี กลับไม่เคยเหลียวแลมวลชนที่ล้มตาย ถูกดำเนินคดี ขอฝากเตือนให้ประชาชน มวลชนเสื้อแดงทั้ง20จังหวัดภาคอีสาน อย่าไปหลงเชื่อ คำเดิมที่ว่าขับไล่เผด็จการ”นางนิตยาย้ำ
ป้อง‘บิ๊กตู่’ช่วยเหลือประชาชน
นอกจากนี้ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน กล่าวอีกว่าวันนี้ประเทศไทยได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งส.ส.ตั้งแต่ปี2562และมีรัฐบาล โดย พล.อ.ระยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งก็ออกมาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยเฉพาะช่วงไวรัส โควิด 19 ระบาด ท่านนายกฯไม่เคยทิ้งประชาชน จัดสรรงบประมาณ เยียวยาพี่น้องประชาชน เพื่อให้ทุกคนสามารถลืมตาอ้าปากได้ พี่น้องประชาชนชาวอีสานฝากมาว่าขอให้ท่านนายกฯประยุทธ์ อย่าเจ็บ อย่าป่วย อย่าไข้ ขอให้สุขภาพแข็งแรง เป็นนายกฯตลอดไป
อดุลย์โหมโรงช่วยตุ๊ดตู่
ก่อนหน้านี้ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35และอดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างปรองดองแห่งชาติ กล่าวถึงการจัดงาน“ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย”ที่“อนุสรณ์พฤษภาประชาธรรม”ในวันที่ 4 เมษายนนี้ ร่วมกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย( พธม.)และกลุ่มผู้รักประชาธิปไตย เป็นการจัดกิจกรรมที่สะท้อนความสามัคคีของคนในชาติ เพื่อหาทางออกให้ประเทศที่กำลังเดินไปสู่ทางตันและส่อจะเกิดกลียุคสงครามกลางเมืองเพียง เพราะการกระหายอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เปิดเวทีเผาหัวชำแหละไล่‘ประยุทธ์’
นายอดุลย์ กล่าวว่า เวทีสามัคคีประชาชนจะเชิญประชาชนจากทุกภาคส่วนของสังคม ไม่เลือกข้าง ไม่แบ่งฝ่าย แบ่งสีมาชำแหละความผิดพลาดล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งแต่การตระบัดสัตย์ไม่ปฏิรูปประเทศตามที่ให้สัญญาประชาคมเมื่อครั้งยึดอำนาจปี 2557ไม่สร้างความสามัคคีปรองดองตามคำมั่นสัญญากับแกนนำกลุ่มการเมืองทั้งเสื้อเหลือง-เสื้อแดง แล้วสร้างความแตกแยกทางสังคมอย่างร้าวลึก ปล่อยให้เกิดการทุจริต คอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนใหญ่ ทำให้เจ้าสัวร่ำรวย แต่ประชาชนต้องใช้สินค้าอุปโภคบริโภคที่แพงขึ้น จึงเกิดความเหลื่อมล้ำยิ่งกว่าเดิม กระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน อภิสิทธิ์ชนยังอยู่เหนือกฎหมาย ขณะที่ คนจนเข้าไม่ถึงความยุติธรรม ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ วางแผนสืบทอดอำนาจอีกสมัย ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์อ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบันโดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถปกป้องสถาบันได้ เป็นต้น
ปลุกร่วมไล่บิ๊กตู่/ชูโมเดลพฤษา35
“เวทีสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ใครก็สามารถมาร่วมกันได้ หากมีความเห็นตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์คือตัวปัญหา เหมือนกับช่วงพฤษภาคม 2535 ที่นักศึกษาและประชาชนทุกฝ่ายเห็นว่ารสช.คือตัวปัญหา จึงออกมาขับไล่จนสำเร็จ ดังนั้น งานนี้จะต้องสลายเสื้อสี อะไรที่เคยบาดหมางใจ ให้ละไว้เลิกทะเลาะกันชั่วคราวมาสามัคคีเพื่อประเทศไทยไล่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สำเร็จก่อนและไม่จำเป็นต้องเดินลงท้องถนน เพราะหากทุกฝ่ายมาแสดงพลังร่วมกันจำนวนมากให้เป็นเจตจำนงของสังคมก็สามารถกดดันองคาพยพของรัฐบาลให้สั่นคลอนล้มลงได้ แล้วจัดให้มีรัฐบาลใหม่ที่สามารถสร้างความสามัคคีคนในชาติและปกป้องสถาบันได้ดีกว่าพล.อ.ประยุทธ์”นายอดุลย์กล่าว
และการออกมาปฏิบัติการ IOของคนในรัฐบาล เพื่อด้อยค่า หรือ พยายามสร้างความเกลียดชังให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน ควรหยุดเสียและกลับไปเก็บหาทางลงจากอำนาจเพื่อไม่ให้ประเทศชาติต้องบอบช้ำไปมากกว่านี้
ลั่นปชช.เรือนล้านลงถนนขับไล่
นายอดุลย์กล่าวว่าการสร้างวาทกรรมสู้แล้วรวย การปรามาสจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมว่าจะมีไม่มาก ของคนฝั่งรัฐบาลนั้น สะท้อนให้เห็นความเขลาทางปัญญาและความล้าหลังเพราะวันนี้มวลชนก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว พวกตนรู้ดีว่ากิจกรรมไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จบแค่ครั้งสองครั้ง แต่จะเป็นการสะสมเงื่อนไขพลังประชาชนเชิงคุณภาพและวันหนึ่งจะมีประชาชนเรือนล้านลงถนนไล่ พล.อ.ประยุทธ์ แน่นอนหากยังพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาระบอบประยุทธ์
แกนนำทุกสีผนึกเป้าหมายเดียว
นายอดุลย์ระบุว่า แกนนำที่ร่วมจัดกิจกรรม“ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย”มีที่มาที่และความคิดหลากหลาย ไม่มีสีเสื้อ พวกเราสามัคคีทุกสี มีเป้าหมายเดียวคือล้มระบอบประยุทธ์
“แกนนำคือคนที่อยู่หน้าแนวรบ มีมวลชนประชาชนที่มีความเห็นสอดคล้องกันเป็นกำแพงหนุน ทุกคนล้วนผ่านการต่อสู้บนท้องถนนมานับครั้งไม่ถ้วน ในยามที่การเมืองในระบบไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน แต่เป็นเพียงเกราะกำบังอำนาจและผลประโยชน์ของนายทุน ขุนศึก ศักดินา ก็ย่อมเป็นสิทธิโดยธรรมชาติที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของประชาชนที่จะออกมาขับไล่ผู้นำนั้น ถือเป็นปรัชญาพื้นฐานของการเมืองที่ยึดถือกันปฏิบัติทั่วโลกว่า ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการลุกฮือ ต่อต้าน เป็นเรื่องระหว่างประชาชนกับเผด็จการ”นายอดุลย์ กล่าว
ทั้งนี้ เขาได้ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 4 เมษายนนี้ ซึ่งตนยืนยันว่าจะเป็นไปอย่างสันติ ก่อเกิดองค์ความรู้ สร้างสรรค์ และเป็นพลังที่จะทรงพลานุภาพล้มระบอบประยุทธ์ได้
ชุมนุมไม่รุนแรง/ไม่ค้างคืน
นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพประชาชน และเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน เปิดเผยภายหลังการประกาศรวมตัวของกลุ่มการเมือง เพื่อขับไล่รัฐบาลในที่4 เม.ย.ว่า หลังจากมีการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการกับทุกฝ่าย ได้ข้อสรุปตรงกันว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลทหารต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะการสืบทอดอำนาจที่ผ่านมาไม่ได้แก้ไขปัญหาใดๆ ให้กับประเทศชาติ มีแต่จะสร้างปัญหามากขึ้น และที่สำคัญคือ ขณะนี้รัฐบาลกลายมาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนเสียเอง ซึ่งเราไม่อยากให้บ้านเมืองเสียหายไปมากกว่านี้อีกแล้ว โดยยืนยันว่า ทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และ กปปส. จะร่วมกันชุมนุมในครั้งนี้ อาจจะไม่ได้มาครบทุกคน แต่เป็นกลุ่มที่พร้อมรับทุกอย่าง และไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง พร้อมทั้งระบุว่า ไม่เคยแคร์ว่าตนเองเป็นพันธมิตรฯ มาก่อน เพราะพันธมิตรฯ บางคนก็ยังสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน แต่ทั้งหมดนี้ก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองนี้ และมีอีกหลายเรื่องที่จะนำไปพูดในเวทีวันพรุ่งนี้
บอกแค่ให้ข้อมูลกับประชาชน
ส่วนที่หลายฝ่ายจับตาว่า การชุมนุมในวันพรุ่งนี้จะเกิดเหตุรุนแรงหรือไม่นั้น นายวีระ ยืนยันว่า จะไม่มีความรุนแรง และทำทุกอย่างภายในกรอบ ตามสิทธิเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญ และมีการขออนุญาตทั้งหมดแล้ว เพราะเป็นการประกาศชุมนุมแบบสามัคคีประชาชน เพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากเผด็จการทหาร ซึ่งมีเป้าหมายชัดเจนในการไล่รัฐบาล แต่หากจะเกิดเหตุร้ายใดขึ้น ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจในการดูแลความสงบเรียบร้อย
นอกจากนี้ ยังยืนยันรูปแบบของการชุมนุมในวันพรุ่งนี้ ว่าเป็นการสลับกันขึ้นให้ข้อมูลกับประชาชน โดยนำหลักฐานและข้อมูลมาพูด ส่วนใครจะเชื่อหรือร่วมชุมนุมมากขึ้น ก็ขอให้รอฟัง โดยเฉพาะรัฐบาลหากจะปฏิเสธหรือมีข้อขัดแย้ง ก็สามารถส่งตัวแทนมาชี้แจงร่วมกันได้ เพื่อให้พูดกันอย่างตรงไปตรงมา และย้ำว่าจะไม่มีการปักหลักค้างคืน เพราะหมดยุคหมดสมัยแล้ว โดยจะชุมนุมตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น.
อย่างไรก็ตาม คาดหวังว่าการปราศรัยในวันพรุ่งนี้จะสามารถโค่นล้มรัฐบาลได้หรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า ขอให้จับตาดู และเชื่อว่าประชาชนที่ไม่ได้มาร่วมชุมนุมจะติดตามรับฟังผ่านทางสื่อออนไลน์ที่ถ่ายทอดสดออกไปจำนวนไม่น้อย และยังได้เปรยด้วยว่า วันพรุ่งนี้จะเป็นการโชว์ตัว เพื่อร่วมพูดคุยกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเคลื่อนไหวใหญ่ และย้ำว่าจะมีเซอร์ไพรส์แน่นอน
โตโต้เข้าเรือนจำกาฬสินธ์
วันเดียวกันพนักงานสอบสวนสภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธ์ นำตัวนายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ หัวหน้ากลุ่มการ์ดวีโว่ ไปขอฝากขังศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยข้อหาความผิด ม.112 ตามประมวลกฎหมายอาญา และข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ใดๆอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร พรบ. คอมฯ มาตรา14(3) โดยทนายความความยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวลูกความ แต่ศาลไม่อนุญาต ทางเจ้าหน้าที่ราชฑัณฑ์จึงนำตัวโตโต้ไปขังไว้ที่เรือนจำกาฬสินธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี