“วราวุธ” ยันขุดเจาะ “น้ำบาดาล” มีราคากลาง ต้องสำรวจก่อน ป้องกันอุบัติเหตุ-ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ย้ำโปร่งใส ตรวจสอบได้ ชี้เปรียบเทียบกับเอกชนไม่ได้ พร้อมเร่งดำเนินคดีผู้ลักลอบขุดบ่อบาดาลผิดกฎหมาย
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 5 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ให้สัมภาษณ์กรณีโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์การขุดบ่อบาดาลที่ “พิมรี่พาย” ไปช่วยชาวบ้านขุดโดยใช้งบเพียงแค่แสนกว่าบาท ว่า แต่ละพื้นที่จะไม่เหมือนกัน บางพื้นที่ขุดเป็น 100 เมตร จึงเจอน้ำ แต่บางพื้นที่ขุดเพียง 40-50 เมตร แล้วเจอน้ำบาดาล แต่ในพื้นที่ภาคกลางขุดอย่างต่ำต้องลึกถึง 300-400 เมตร ซึ่งราคาในการขุดก็จะแตกต่างกันไป ถ้าขุดตื้นก็แน่นอนว่าราคาอยู่ในหลักแสน แต่หากขุดลึกลงไปถึง 400 เมตร ราคาหลักแสนเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะคุณภาพและมาตรการต่างๆที่จะต้องมีเทคนิคเข้ามาช่วยทั้งรถเจาะ หรือเครื่องกรองน้ำที่จะต้องมากรองน้ำที่อาจมีโลหะหนักอย่างสนิมเหล็ก ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
นายวราวุธ ยืนยันว่า ภาครัฐโดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มีราคากลางที่สำนักงบประมาณกำหนดเอาไว้ว่าอุปกรณ์ในการขุดเจาะน้ำบาดาลแต่ละอย่างมีราคาเท่าไร ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ และหากบางพื้นที่มีการร้องเรียนเข้ามาทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก็จะลงไปตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลกับกระแสทางโซเชียลที่ถูกนำมาเปรียบเทียบบ้างหรือไม่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเวลาเปรียบเทียบ ก็คงเปรียบเทียบกับสิ่งที่ใกล้เคียงกันคือหากเจาะลงไป 40 เมตร แล้วเจอน้ำเลย จะดีใจมากเพราะงบประมาณที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีอยู่จะสามารถนำไปเจาะได้อีกหลายพันบ่อเลย ทั้งนี้ปีที่ผ่านมากรมทรัพยากรน้ำบาดาลเจาะไปเกือบพันบ่อแล้ว และระบบที่ทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาลทำนั้น ทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเน้นดูแลประชาชนในวงกว้าง บางแห่งสามารถดูแลประชาชนได้ทั้งตำบล เราเดินบาดาลระยะไกล พื้นที่การเกษตรเกือบพันไร่ ไม่ใช่ดูแลแค่หมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่ง
“เป็นสิ่งที่ดีที่ปัจจุบันมีประชาชนหลายฝ่ายให้ความสนใจและมาช่วยชาวบ้านที่เดือดร้อนเรื่องน้ำ แต่การทำงานอาจแตกต่างกันทั้งในลักษณะการทำงานและความยากง่ายในการทำงานเพราะราชการก็ทราบกันดีว่ากฎระเบียบหลายอย่าง” นายวราวุธ กล่าว
เมื่อถามว่าก่อนขุดเจาะน้ำบาดาลปกติจะมีกรมทรัพยากรธรณีไปสำรวจก่อนหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า แน่นอนจะต้องมีการสำรวจก่อน และต้องดูสภาพโดยรวมว่าพื้นที่มีความปลอดภัยแค่ไหนที่จะเจาะ เพราะหากเจาะแล้วพื้นที่ดังกล่าวยุบลงไปก็จะมีปัญหาได้ ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่าพื้นที่นั้นๆ มีแหล่งน้ำบนดินหรือไม่ ถ้ามีก็จะพัฒนาแหล่งน้ำบนดินก่อน ซึ่งน้ำใต้ดินหากไม่จำเป็นเราไม่อยากเอาขึ้นมาใช้เพราะเป็นสมบัติที่ปู่ ยา ตา ทวด เก็บเอาไว้
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ภาคเอกชนสามารถขุดเจาะไปได้ก่อนแล้วค่อยมาทำเรื่องขอทีหลัง นายวราวุธ กล่าวว่า อาจจะเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเพราะอะไรก็แล้วแต่ที่มีความลึกเกิน 15 เมตรไปจะต้องได้รับการอนุญาตกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก่อน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของประชาชนเองที่อาจเจาะแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา หรืออาจมีผลต่อเสถียรภาพของชั้นใต้ดิน ดังนั้นจึงต้องสำรวจและขออนุญาตก่อน
ส่วนกรณีที่มีผู้ลักลอบขุดเจาะบ่อบาดาล นายวราวุธ กล่าวว่า ทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกำลังดำเนินการตรวจสอบและปราบปราม เนื่องจากกระทบกับชั้นน้ำใต้ดิน ที่อาจส่งผลทำให้ปริมาณน้ำลดลงอย่างมีนัยยะ จนทำให้แผ่นดินทรุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี