เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “อัษฎางค์ ยมนาค” มีเนื้อหาดังนี้ ระบุว่า “ประวัติศาสตร์การเมืองเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยกับประชาธิปไตย”
............................................................................
ความตอนหนึ่งจากพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 5
พระนิพนธ์ฯสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2411
เวลาเที่ยงคืนเมื่อที่ประชุมพร้อมกันแล้ว เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ลุกขึ้นนั่งคุกเข่าประสานมือหันหน้าไปทางเจ้านาย กล่าวท่ามกลางที่ประชุมของพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางว่า
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตเมื่อเวบายาม 1 บัดนี้แผ่นดินว่างอยู่ การสืบพระราชสันติวงศ์ตามราชประเพณีเคยมีมาแต่ก่อนนั้น
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจะเสด็จสวรรคต ได้ทรงมอบราชสมบัติพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล คือพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ครั้งเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยสวรรคต ไม่ได้ทรงสั่งมอบราชสมบัติแก่เจ้านายพระองค์ใด เสนาบดีจึงพร้อมกันถวายราชสมบัติแก่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ครั้งเมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯสวรรคต มีรับสั่งคือราชสมบัติแก่เสนาบดี ตามแต่จะปรึกษากันให้เจ้านายพระองค์ใดเป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระบรมวงศานุวงศ์และเสนาบดีปรึกษากัน ถวายราชสมบัติแก่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ครั้งเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประชวนอยู่ ได้มีรับสั่งหากรมหลวงวงศาธิราชสนิท เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์และเจ้าพระยาภูธราภัยเข้าเฝ้า พระราชทานพระบรมราชานุญาตไว้ว่า
ผู้ที่จะดำรงรักษาแผ่นดินต่อไปนั้น ให้พระราชวงศานุวงศ์และข้าราชการปรึกษาหารือ สุดแต่จะเห็นพร้อมกันว่าพระองค์ใด
จะเป็นพระน้องยาเธอ หรือพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าหลานเธอ ซึ่งทรงพระสติปัญญารอบรู้สรรพสิ่งทั้งปวง สมควรปกป้องสมณพราหมณาจารย์อาณาประชาราษฎรได้ ก็ให้ยกพระราชวงศ์องค์นั้นขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน
บัดนี้ท่านทั้งหลายทั้งปวงอยู่ในที่ประชุมนี้จะเห็นว่าเจ้านายพระองค์ใด สมควรจะเป็นที่พึ่งแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการและอาณาประชาราษฎรดับยุคเข็ญได้ ก็ให้ว่าขึ้นในท่ามกลางประชุมนี้ อย่าได้มีความหวาดหวั่นเกรงขามเลย
ขณะนั้นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทเวศรวัชรินทร์ ซึ่งมีพระชนมายุยิ่งกว่าพระราชวงศานุวงศ์ทั้งปวง จึงเสด็จลุกคุกพระสงฆ์หันพระพักตร์ไปทางข้างตะวันออก ประสานพระหัตถ์ตรัสขึ้นในท่ามกลางประชุมว่า
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระเดชพระคุณได้ทรงทำนุบำรุงเลี้ยงพระบรมวงศานุวงศ์ และมุขมนตรีผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงมาเป็นอันมาก พระคุณเหลือล้น ไม่มีสิ่งใดจะทดแทนให้ถึงพระคุณได้
ขอให้ยกสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานาถ ซึ่งเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เหมือนหนึ่งได้ทดแทนพระคุณพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อกรมหลวงเทเวศรวัชรินทร์ ตรัสดังนี้แล้ว เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์จึงถามที่ประชุมเรียงพระองค์เจ้านายและเรียงตัวข้าราชการผู้ใหญ่ ทุกพระองค์ทุกท่านประสานพระหัตถ์และประสานมือยกขึ้นรับว่า “สมควร”
เมื่อเห็นชอบพร้อมกันแล้ว เจ้าพระยาศรีสริยวงศ์จึงอาราธนาพระสงฆ์สวดชยันโต และถวายอติเรก
............................................................................
พวกเราอ่านมาถึงตรงนี้แล้วเห็นอะไรบ้าง
รัชกาลที่ 1 เลือกพระราชโอรสองค์โตให้สืบราชสมบัติ ซึ่งเป็นวิธีที่การสืบสันติวงศ์ในการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ใช้กันมาแต่โบราณทั้งเมืองไทยและนานาอารยประเทศทั่วโลก
แต่นับตั้งแต่รัชกาลที่ 2 สวรรคต รัชกาลที่ 3 รัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ก็จริง แต่ผ่านการโหวตและเลือกตั้งโดยพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนาง ซึ่งเปรียบได้กับรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบัน
พระมหากษัตริย์ไทยแห่งราชวงศ์จักรี มีความเป็นประชาธิปไตยมาก่อนชาติใดๆ ในโลก ทรงไม่ได้เห็นแก่พระองค์เอง แต่เห็นกับประชาชนและชาติบ้านเมือง ด้วยการให้สภาขุนนางคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน
แม้แต่รัชกาลที่ 8 ก็ไม่ได้เป็นพระมหากษัตริย์โดยการแต่งตั้ง แต่ได้รับการเลือกตั้งจากรัฐสภาของคณะราษฎร์
หรือแม้แต่รัชกาลที่ 9 ก็ไม่ได้รับการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์พระองค์ก่อน แต่ได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์โดยการความเห็นชอบจากรัฐสภา
............................................................................
นักการเมืองรุ่นใหม่ที่สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ไม่รู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย รู้แต่ประวัติศาสตร์ชาติฝรั่ง โดยเฉพาะฝรั่งเศส
ที่มีบริบทแตกต่างกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยอย่างสิ้นเชิง
กลับนำประวัติศาสตร์ความแตกแยกของประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ของชาติฝรั่งมาเป็นตัวอย่างเพื่อจะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย
โดยมีวาระซ้อนเร้นว่าเป็นความต้องการของประชาชน ทั้งที่ความจริงเป็นการความต้องการในการแสวงอำนาจทางการเมืองของตนเองและพรรคพวก
............................................................................
ถ้าเราจะอ้างเอาคำพูดของกรมหลวงเทเวศรวัชรินทร์ ในวันที่มีการโหวตเลือกพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 5 เมื่อร้อยกว่าปีก่อน มาใช้ในรัชสมัยของรัชกาลที่ 10 ที่สืบราชสมบัติต่อจากรัชกาลที่ 9 ว่า
พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระเดชพระคุณได้ทรงทำนุบำรุงเลี้ยงดูพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยและประชาราษฎรทั้งปวงมาเป็นอันมาก พระคุณเหลือล้น ไม่มีสิ่งใดจะทดแทนให้ถึงพระคุณได้
ขอให้ยกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เหมือนหนึ่งได้ทดแทนพระคุณพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
และพวกเราคนไทยจะขอทดแทนพระคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 อันหาที่สุดมิได้ ด้วยการแสดงความจงรักภักดีต่อในหลวงรัชกาลที่ 10 ดังเช่นเคยจงรักภักดีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ตลอดไป
อย่าปล่อยให้นักการเมืองผู้ที่กระหายอำนาจ แอบอ้างเสียงเสียงของประชาชนเพียงกลุ่มเดียว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตนเองและพรรคพวกบิดเบือนข้อเท็จจริงและปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายเพื่อเรียกร้องสิทธิในการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นไปตามความต้องการของกลุ่มการเมือง
............................................................................
อัษฎางค์ ยมนาค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี