ปชป.เผยมี2ตัวเก็ง
พร้อมชิงผู้ว่าฯกทม.
เมินชัชชาติ-บิ๊กแป๊ะ
ชิงกระแสไปก่อน
“องอาจ” ลั่นปชป.พร้อมสู้ศึกสนามเลือกตั้ง เผยมี 2 ตัวเก็งรอ กก.บห.ชี้ขาดลงชิงผู้ว่าฯกทม.เหน็บ“ชัชชาติ-บิ๊กแป๊ะ” ชิงออกโรงก่อนก็แค่นักมวยวอร์มอัพ แนะรอดูวันชกจริงดีกว่า
13 เม.ย.2564 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานยุทธศาสตร์ กรุงเทพ ในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่กทม.กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งท้องถิ่นในกทม. ว่า ขณะนี้พรรคได้เตรียมไว้2 ส่วนคือ เลือกตั้งสมาชิกสภากทม.(สก.) และ ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เพราะคาดว่าจะเลือกตั้งพร้อมๆกัน โดยตลอดช่วงปี20 เราได้เตรียมผู้สมัคร จัดทำนโยบายที่ใช้ในการหาเสียง และทีมงานช่วยดำเนินการรณรงค์หาเสียงไว้แล้ว โดยนโยบายก็คือการเข้ามาแก้ไข พัฒนากทม. ซึ่งได้จากการระดมความคิดเห็นจากบุคคลากรของพรรค เช่นสส. อดีตสก. สข. ตัวแทนสาขาพรรค. และระดมความเห็นจากคนภายนอกที่มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งจัดให้มีการแสดงความเห็นทางออนไลน์ตามหัวข้อต่างๆ เช่นปัญหา PM2.5 โดยเข้ามาเสนอนโยบายต่างๆ ขณะเดียวกันก็มีการเจาะลึกลงไปเฉพาะกลุ่มเพื่อจะได้ทราบถึงความต้องการของคนกทม.อย่างแท้จริงว่า อะไรที่เป็นปัญหาที่ควรแก้ไข โดยจัดความสำคัญ5 ลำดับไว้หากมีโอกาสได้เข้าไปทำงานไม่ว่าในสถานะสก. หรือผู้บริหาร ตอนนี้ถือว่านโยบายเหล่านี้มีความสมบูรณ์พร้อมที่จะใช้รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และพร้อมที่จะบริหารกทม.หากได้รับโอกาสนั้น
ส่วนเรื่องตัวบุคคล ในส่วนสก. พรรคมีบุคคลากรอยู่แล้วประมาณ 20 กว่าคน ส่วนมากแสดงความจำนงที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งกับพรรคต่อไป ส่วนที่เราต้องสรรหาใหม่อีกประมาณ 30 คน ขณะนี้มีประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ อีก10เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือบางเขตมีคนสนใจมากกว่า1 คน พรรคให้โอกาสทำงานในพื้นที่ เมื่อถึงเวลาเหมาะสมก็จะประชุมคณะทำงานสรรหาผู้สมัครสก.พิจารณาว่าใครเหมาะสม
สำหรับผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่ากทม. พรรคได้ดำเนินการสรรหาตัวผู้สมัครมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปมาแล้ว โดยมีการพูดคุยคนที่สนใจและคนที่พรรคคิดว่าน่าสนใจมาประมาณ 3-4 ท่าน จนขณะนี้เหลืออยู่2 ท่านที่อยู่ในข่ายพรรคจะพิจารณา เมื่อถึงเวลาเหมาะสมที่ต้องตัดสินใจ ก็จะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาและคณะกรรมการบริหารเพื่อตัดสินใจครั้งสุดท้าย คิดว่าคงไม่น่าจะมีใครมาขอลงสมัครเพิ่มอีกแล้ว เกณฑ์ในการเลือกผู้สมัครของเราก็คือมีรู้ความสามารถ เป็นบุคคลสาธารณะ ความมุ่งมั่น มีบุคคลิกลักษณะที่พร้อมจะทำงานร่วมกับคนอื่นได้ และมีภาวะผู้นำผู้บริหารระดับสูง
เมื่อถามว่าเป็นเพราะพรรคได้รับบทเรียนมาจากการทำหน้าที่ผู้ว่ากทม.จากม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ใช่หรือไม่ นายองอาจกล่าวว่า ปกติทุกครั้งหลังที่มีการเลือกตั้ง เราก็จะมีการนำทุกอย่างมาสรุปบทเรียนว่าต้องปรับปรุง แก้ไขพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในการทำงานครั้งต่อไปอย่างไร ซึ่งเป็นกระบวนการในระบอบระบบประชาธิปไตย และกระบวนการพัฒนาตนเองต่อไป
เมื่อถามว่ามีหลายคนได้ชิงเปิดตัวลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ไปแล้ว เช่นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรมว.คมนาคม และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. หรือพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากทม.คนปัจจุบัน เท่าที่เห็นมีความกังวลหรือไม่ นายองอาจกล่าวว่าพรรคได้ผ่านสนามเลือกตั้งผู้ว่ากทม.มาหลายสมัย ตั้งแต่ปี 2528 จึงปกติธรรมดาที่จะมีผู้สมัครเป็นบุคคลที่น่าสนใจจำนวนมาก เราจึงไม่วิตกกังวลว่าใครจะลงสมัคร แต่จะเน้นการเตรียมความพร้อมตั้งแต่รณรงค์หาเสียงจนถึงวันเลือกตั้ง หากประชาชนมอบความไว้วางใจให้ทำงานก็ต้องพร้อมตั้งแต่วันแรกที่ได้รับตำแหน่งเลย
“ เราไม่ต้องกังวลว่าพรรคการเมืองอื่นจะเป็นใคร เพราะทุกครั้งเราต้องแข่งขันกับผู้สมัครที่น่าสนใจ คนดังๆทั้งนั้น ผมว่า คนที่แสดงตัวออกมาตอนนี้ก็เหมือนนักมวยที่กำลังฟุตเวิร์ค วอร์มอัพร่างก่อนเตรียมขึ้นชกเท่านั้น พอถึงเวลาชกจริงค่อยมาดูกันว่าใครจะชนะ หรือคนกรุงเทพจะเลือกใครดีกว่า”
ต่อข้อถามว่าหมายความว่า แม้ครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีส.ส.เขตในกทม.เลยก็ไม่เป็นปัจจัยสำคัญในการลงคะแนนของคนกทม.ใช่หรือไม่ นายองอาจกล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องแน่นอนเพราะในอดีตเราได้ส.ส.น้อยกว่าพรรคไทยตั้ง1ใน3 เรายังสามารถชนะเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ได้
ส่วนนโยบายประชานิยมของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคพลังประชารัฐ เช่น คนละครึ่ง เรารักกัน ที่ดูเหมือนประชาชนจะพึงพอใจจะทำให้พรรคต้องกังวลหรือไม่ นายองอาจกล่าวว่า อย่าลืมว่าพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังมีพรรคประชาธิปัตย์ และอีกหลายพรรคร่วมด้วย ถ้าไม่มีพรรคเหล่านี้ก็ไม่มีรัฐบาล อย่างไรก็แล้วแต่อยู่ที่ประชาชนจะคิดตัดสินใจ เรามีหน้าที่สรรหาคนที่ดีที่สุดเสนอให้เขาเลือกเท่านั้น
เมื่อถามว่านโยบายหาเสียงครั้งนี้จะเป็นเรื่องเก่าที่เป็นปัญหาเดิมๆในกทม. หรือมีนโยบายใหม่เกิดขึ้น นายองอาจกล่าวว่าจะมีทั้งปัญหาเดิมๆ และปัญหาใหม่เช่น PM2.5 ในการเลือกตั้งปี 56 เราไม่ได้ชูเรื่องนี้เพราะปัญหายังไม่รุนแรงขนาดนี้ เราจะต้องมีวิธีเสนอว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ส่วนปัญหาเก่าๆ น้ำท่วม ขยะ สิ่งแวดล้อม จราจร ปากท้องของประชาชน ก็ยังคงต้องมีอยู่
เมื่อถามว่าคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นหนึ่งในใจของคนกทม.อีกหรือไม่ รองหัวหน้าพรรคกล่าวว่า คนกรุงจะพิจารณาเองว่าเราเหมาะสมหรือไม่ แต่ประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองคู่บ้านคู่เมืองมานาน และเป็นพรรคของคนทุกคน ไม่ได้เป็นพรรคที่จะมีใครมาเป็นเจ้าของ จะเห็นว่ามีการสลับคนมาเป็นผู้นำตลอด ฉะนั้นคนกทม.ก็มอบความไว้วางใจ เราทำงานในกทม.มาอย่างต่อเนื่องบางครั้งก็มอบให้คนอื่นบ้างก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็คงไม่มีใครแพ้ หรือชนะตลอดเวลา
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความสัมพันธุ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล หลังนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่าจากปัญหาต่างจะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเว้นระยะห่างระหว่างกันว่า ความสัมพันธุ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลยังดีอยู่เหมือนเดิม การทำงานต่างๆยังคงร่วมกันแก้ปัญหาด้วยดีโดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาโควิดที่กำลังระบาดในวันนี้ ไม่ได้มีความแตกแยกใดๆเกิดขึ้น
เมื่อถามว่า นายชัยธวัช ออกมาตั้งข้อสังเกตเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรชาติไทยพัฒนา เว้นระยะห่าง นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจมีความเห็นไม่ตรงกันนั้นเป็นเรื่องความเห็นของพรรคการเมืองที่แต่ละพรรคจะมี ขนาดพรรคร่วมฝ่ายค้านเองก็มีความเห็นที่ไม่ตรงกันในเรื่องนี้ ซึ่งประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับการร่วมรัฐบาล เพราะนายกฯบอกแล้วว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นเรื่องของสภาที่จะไปดำเนินการ เชื่อว่าจะหาข้อยุติกันได้ และยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังทำงานร่วมกันเหนียวแน่นเช่นเดิม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี